EP 536 ยุทธการปราบโจร
EP 536 ยุทธการปราบโจร
By loop
ในช่วงเช้า.
ที่ทำการเขตกวงหมิง ห้องประชุม บียูหมายเลข 1
เมื่อเขากลับมาจากชุมชนหลิวเซียน ดงซูบินได้จัดประชุมผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการและบุคคลที่รับผิดชอบในพรรคและหน่วยงานของรัฐและสถานีตำรวจหลายคนเข้าร่วม
ดงซูบินดื่มชา "บอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดตอนนี้"
หยูหรงเฟิงนั้นอาวุโสที่สุดกล่าวว่า "งานนี้มันค่อนข้างยากครับ แน่นอนว่ามันไม่ใช้เรื่องกล้วยๆเลยที่จะดำเนินการแก้ไขมันอย่างจริงจัง"
“เราส่งหนังสือแจ้งการรื้อถอนไปแล้ว”เสียงของเกาหมิงเฟิงเองก็ค่อนข้างแหบ เหมือนกับที่เขาตะโกนดังที่สุด" "เราไม่สามารถเอาผิดกับพ่อค้าที่ทำผิดกฎหมายได้เลย ตามความเห็นนี้ มันยากที่จะรื้อถอน เพราะมีซูกุ้ย(เสี่ยวกุ้ย)นั้นขวากหนามใหญ่แถมเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นด้วย อีกทั้งเขาพยายามปลุกระดม มันยิ่งทำให้เราทำงานยากยิ่งขึ้นไปอีก" แน่นอนด้วยท่าทีของซูกุ้ยที่ไม่กลัวแม้กระทั้งอำนาจรัฐทำให้เกาหมิงเฟิงและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในสำคัญงานเองก็แสดงอาการโมโหเอามากๆ
หลังจากฟังรายงานของพวกเขาแล้ว ดงซูบินก็กล่าวว่า "เมื่อกี้ ผู้อำนวยการโจวและฉันลองไปเยี่ยมบริเวณใกล้เคียงชุมชนหลิวเซียนมาแล้ว" เขามองไปที่โจวหยินหยู
โจวหยินหยูกล่าวว่า: "ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับอาคารที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ ผู้อยู่อาศัยโดยรอบมีความคิดเห็นมากมายกับเรื่องนี้ และสิ่งที่สะท้อนออกมามากที่สุดคือปัญหาด้านสุขอนามัยและการจราจร บางครั้งทางเข้าออกของชุมชนก็ถูกปิด พวกเขาเองมักจะต้องอ้อมไปเข้าอีกทางที่ไกลกว่าเดิม และการดำเนินกิจการส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต ร้านอาหารและแผงขายอาหารยังส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง ขยะเกลื่อนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เลขาธิการซูบินและดิฉันเน้นไปที่อยู่อาศัย เป็นพิเศษ พวกเราได้กลิ่นเหม็น และในลานกว้างบางแห่งก็เต็มไปด้วยขนะมากมาย มีควันลอยเต็มไปหมด พื้นที่สาธารณะไม่มีแม้แต่คนในชุมชนเข้าไปใช้ร่วมกัน คนในชุมชนบางคนเลือกที่จะปล่อยให้นายทุนเช่าพื้นที่ของตนและย้ายไปอยู่ในชุมชนอื่นแทน
ทุกคนทำหน้าจริงจัง
"ปัญหามันร้ายแรงมาก" ดงซูฐินเคาะโต๊ะ" "ปัญหาของชุมชนหลิวเซียง ต้องได้รับการแก้ไข ใครมีวิธีแก้ไขที่ดี พูดคุยเกี่ยวกับมัน "
ไม่มีใครพูดอะไร
หวังหยูหรินนั่งนิ่งๆ จ้องมองนาฬิกาที่ซื้อมาใหม่ สองวันที่ผ่านมา เธอไม่มาสายเลยและอาจจะบอกว่าเธอมาเช้าได้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงนิ่งเงียบเหมือนเมื่อก่อนเกี่ยวกับงานของสำนักงาน และเธอไม่ค่อยแสดงออก ความคิดเห็นใด ๆ ออกมาเลย
เหมิงเซินเกาผู้อำนวยการที่ดูแลห้องธุรการ กระตุ้นดงซูบินให้ไม่พอใจกับการจัดการข้อพิพาทระหว่างหวังหยูหรินกับคนทั่วไป“คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นการแสดงโดยเจตนา รื้อถอนอาคารที่ผิดกฎหมายอย่างเงียบ ๆ ในตอนกลางคืน?”
หยูหลงเฟิงอาจไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ดังนั้นเขาจึงเหลือบมองเธอ "เธอไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือยังไง "
เผิงกังก็พยักหน้า "ก่อนที่เราจะกลับเราได้ยินมาว่าพ่อค้าหลายคนบอกว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในอาคารที่ผิดกฎหมายในตอนกลางคืน และเนื่องจากสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นสำหรับพวกเขาในตอนเช้า คนกลุ่มนี้ก็จะเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา แม้ว่า พวกเราไปตอนกลางดึก ก็ไม่มีทาง และมันจะทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก "
ดูเหมือนทุกคนจะแสดงความคิดเห็นหมดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าตอนนี้ นับประสาการบังคับรื้อถอน พ่อค้าจะไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาของเราด้วยซ้ำ
สุดท้ายดงซูบินวางถ้วยชาลงบอกกับตัวเองว่า “มันคงเหนื่อยเอามากเลยงานนี้ เราเคยตรวจสอบอาคารที่ผิดกฎหมายในชุมชนนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รื้อถอน คราวนี้จะดำเนินมาตรการยากขึ้นอีกกว่าเดิม”แต่ถึงจะยากแค่ไหน งานที่มอบหมายบังคับให้เราต้องทำให้เสร็จ เราต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่พ่อค้าที่ผิดกฎหมายจำนวนเล็กน้อยพวกนั้น และคนที่ชื่อซูกุ้ย คนเป็นหัวหอกในครั้งนี้ คนนี้น่าจะเป็นกุญแจสำคัญ สำนักงานตำรวจ. มีบันทึกคดีของเขาไหม? "
เผิงกังผงะ" "ดูเหมือนว่า..." ดงซูบินพูด: "ได้ยินมาว่าเขาเคยบุกเขาทำร้ายชาวบ้านในชุมชนไม่ใช่หรือยังไง?"
เผิงกังพยักหน้าและไม่พูดอะไร
“ควบคุมตัวเขามาเดียวนี้!” ดงซูบินปรบมือ“”นำมันกลับมาที่สถานีตำรวจเพื่อพิจารณาคดี!”
"นี้คือยุทธการถอนขวากหนามชิ้นโตออกก่อนอย่างงั้นหรอ“ เหมือนว่าดงซูบินพยายามจะเฉือดไก่ให้ลิงดู อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้ สำหรับซูชินหลงหัวหน้าแผนกองค์กร ซูกุ้ยเป็นเพียง ลูกพี่ลูกน้องอาจไม่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและสำนักงานไม่ได้ให้กการสนับสนุนซูกุ้ยอยู่แล้ว”วันเดียวก็เพียงพอแล้ว หลังจากการรื้อถอนได้รับการแก้ไขเขา เขาจะถูกปล่อยตัวแล้ว” ซึ่งทำให้ใบหน้าของซูชินหลงเปลี่ยนสีหน้าท่าทางไป
การประชุมสิ้นสุดลง
เมื่อเขากลับมาที่สำนักงาน ดงซูบินอารมณ์ไม่ดี ภาพที่เขาเห็นในตอนเช้าอยู่ในใจของเขา ชุมชนสกปรก เสียงบ่นของผู้คน และเสียงสาปแช่งสำนักงานข้างถนนที่ไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ สิ่งเหล่านี้ทำให้ ดงซูบินรู้สึก แรงกดดันบนไหล่ของเขาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เขาเป็นคนที่ต้องการทำอะไรเพื่อคนทั่วไปมาตลอด เนื่องจากตอนนี้เขานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ดงซูบินจึงต้องปกป้อง สิทธิและผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ เขาได้ตัดสินใจที่จะกำจัด เนื้องอกร้ายให้ได้ นี้จะเป็นหนึ่งวันที่ต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด!
หลังรับประทานอาหารเที่ยง ดงซูบินให้ความสนใจกับการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจกวางหมิงตามคำแนะนำของเขา การกระทำนี้ไม่เพียงรวดเร็ว แต่ยังเงียบอีกด้วย เป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับพ่อค้าที่ผิดกฎหมายและนำผู้คนกลับมาอย่างเงียบ ๆ ทางที่ดีควรอยู่นอกชุมชนหลิวเซียง
ในตอนบ่าย โทรศัพท์ที่โต๊ะของ ดงซูบินก็ดังขึ้น
"อาหารมาส่งหรอ"
, "ท่านเลขาธิการ ผมเองเผิงกัง"
, "เป็นอย่างไรบ้าง"
, "ตอนนี้ผมแอบอยู่ที่ร้านอาหารเราได้ตัวเขาแล้ว" เสียงของเผิงกังส่งเสียงดังและจางมาก ยังคงได้ยินคำตำหนิที่เฉียบคมของ ซูกุ้ย "เราจะกลับไปที่สถานีตำรวจทันที"
ดงซูบินกล่าวว่า" ทำได้ดีมาก"
ตราบใดที่ซูกุ้ยถูกคุมขัง สิ่งต่างๆในชุมชนหลิวเซียน จะง่ายขึ้นมาก
ดงซูบินบังเอิญดึงสมุดบันทึกออกจากโต๊ะหยิบปากกาขึ้นมาและวางแผนแผนการรื้อถอนคร่าวๆ การจับกุมของ ซูกุ้ย น่าจะแพร่กระจายในชุมชนหลิวเซียนในอีกสักครู่ ดงซูบินรู้ว่าซูกุ้ยจะถูกกักขังไว้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น และซูกุ้ยไม่รู้ว่าเขากำลังจะโดนจัดการ เพราะทางสำนักงานตำรวจก็จะกุเรื่องการก่อเรื่องร้ายแรงของซูกุ้ย ขู่เข็ญพวกเขา ให้พ่อค้าเข้าใจว่าจะไม่เกิดผลดีใด ๆ ที่จะติดตามซูกุ้ยจากนั้นเขาก็จะบังคับให้ซูกุ้ยรับว่าตัวเองทำผิดใน 3 เรื่อง ของ ซูกุ้ยก็จะถูกนำออกไปพรุ่งนี้เช้า อาคารก็จะถูกรื้อถอน และอาคารที่ผิดกฎหมายอื่นๆ ก็จะถูกรื้อถอนด้วย
มันน่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
ทันทีที่ ดงซูบินวางปากกาลง เขาก็พร้อมที่จะหาคนทำ
แต่ในเวลานั้นมีคนโทรเข้ามาหาเขา
มันมาจากเผิงกัง ผู้กำกับสถานีตำรวจที่ยิ้มอย่างขมขื่น "เลขาธิการซูบิน หัวหน้าสาขาความมั่นคงสาธารณะของมณฑลเรียกผมเมื่อกี้และดุผมที่ทำเรื่องเอะอะ ซึ่งหมายความว่าเราต้องปล่อยตัวเขาไป"
ใบหน้าของซูบินเปลี่ยนไป" " ซูกุ้ยอยู่ที่ไหน? “
...ปล่อยไปแล้วครับ”
, "ปล่อยไป? ใครสั่งให้คุณปล่อยไป! "
, "ผมเองก็ยากที่จะขัดคำสั่งได้เช่นกัน..."
การเรียกของเผิงกังหมายความว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้ความร่วมมือกับงาน แต่เป็นเพราะแรงกดดันจากเบื้องบนนั้นแรงเกินไปและเขาเองก็ทนไม่ไหว แต่จริงๆ แล้ว เผิงกัง ไม่ใช่ ทำไม่ได้แต่ไม่อยากทำ เป็นคำสั่งของหัวหน้าเขาให้แก้ไขอาคารที่ผิดกฎหมาย ให้ความร่วมมือกับได้ แต่ตอนนี้ ซูกุ้ย ถูกจับกุม สำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเขตได้แสดงความไม่พอใจอย่างมากและโทรมาทันที กล่าวคือ ผู้อำนวยการซูของแผนกองค์กรอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ดังนั้นแน่นอนว่าเผิงกังไม่ได้ยากจะยอมแต่ ความสัมพันธ์ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ยิ่งกว่านั้น สำหรับสถานีตำรวจของเขามีอำนาจน้อยกว่าสำนักความมั่นคงของเขตถึงแม้เผิงกังจะเป็นสมาชิกคณะทำงานพรรค แต่สถานีตำรวจคือ ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายโดยร่วมมือกับสำนักงานของเขา หน่วยงานที่มีอำนาจของสถานีตำรวจของพวกเขาคือสาขาการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเขต ดังนั้นเผิงกังจึงไม่มีทางเพิกเฉยต่อคำสั่งของผู้นำสาขาสาขาความปลอดภัยสาธารณะของเขตนั้นถูกต้อง การจัดการแนวดิ่งของ สถานีตำรวจยิ่งใหญ่กว่าการจัดการในแนวราบของสำนักงานเขตมาก
เมื่อดงซูบินวางสาย ดงซูบินก็ทรุดตัวลงในทันที และ ซูชินหลงเข้าไปแทรกแซงหรือเปล่า?
เขาคิดว่ารัฐมนตรีซู จะไม่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้และญาติก็ห่างๆ หากซูกุ้ยเป็นลูกชายของซูชินหลงนั้นจะไม่ใช้เรื่องน่าแปลกใจเลย แต่นี้เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง ลูกพี่ลูกน้องของนักเลงเจ้าเล่ห์ คุณต้องสนใจอะไร? ถ้าซูกุ้ย ไม่ถูกดำเนินคดีอะไรเลย เขาและชุมชนหลิวเซียนไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงที่แย่ลงการฝ่าฝืนกฎหมายก็จะมากขึ้น การชุมนุมก็จะก่อตัวมากยิ่งขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้, คุณต้องปกป้องญาติของคุณ?
แกนนำของกลุ่มก้อนประชาชนพยายามกดดันเรา?
ปล่อยเราไปเถอะ! เรากำลังทำอะไรเพื่อแก้ไขการก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย? ทำไม่ต้องเอื้อมมือเข้ามาสอดด้วย! คุณกำลังเพิ่มความโกลาหลให้กับเรา! นี่คือการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด!
แต่คำสั่งคือคำสั่ง ดงซูบินต้องเข้าใจบทบาทของรัฐมนตรีซู ตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอาย พอเข้ารับตำแหน่งเขาก็ไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเลขาธิการพรรคมณฑลและหัวหน้าเขต ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ ต้องการให้ซูชินหลงรับผิดชอบการจัดบุคลากร หัวหน้าเขตรู้สึกขุ่นเคืองไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งของเขายังไม่นั่งอย่างปลอดภัยไม่ต้องพูดถึงว่า ดงซูบินไม่สามารถสั่งให้พวกเขาจับกุมผู้คนได้อีกหาก สถานีตำรวจนั้นมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับเขา
ห้านาที...
เฟิงนาที...
ครึ่งชั่วโมง...
ขณะที่ดงซูบินกำลังคิดว่าจะแก้ปัญหาในชุมชนหลิวเซียนด้วยวิธีอื่นได้อย่างไร โจวหยินหยูก็เคาะประตูและเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา
“ท่านเลขาธิการค่ะ! มีบางอย่างเกิดขึ้น!”
, “เกิดอะไรขึ้น?”
โจวหยินหยูสูดหายใจและชี้ไปที่ด้านล่าง “ชาวเมืองและพ่อค้าจำนวนมากในชุมชนหลิวเซียนนำคนที่เดือดร้อน มาปิดกั้นประตูทางเข้าสำนักงานของเรา!”ตอนนี้ดงซูบินก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที่" ไปดูเลย! "
เมื่อเดินออกจากประตูก็มีเสียงตะโกนจากกระจกตรงทางเดิน พอ
เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองลงไป ก็เห็นว่ามีคนอยู่ประมาณ 20 หรือ 30 คนรอบๆ ทางเข้าวัด ฉันไม่ มา ฉันมองดูคนที่นำอีกครั้ง พวกเขาเป็นพ่อค้าและชาวเมืองที่ทำผิดกฎหมายที่เข้าไปพัวพันกับพวกเขาที่ฉันเพิ่งพบเมื่อเช้า คนหนุ่มสาวผมสีเหลืองและผมสีแดงที่สนิทสนมกับซูกุ้ย ก็อยู่แถวหน้าเช่นกัน แต่ไม่เห็นร่างของซูกุ้ย
"แจ้งเพิกถอนการรื้อถอนทันที!" ,
"ถ้าคุณกล้าที่จะรื้อถอน! ฉันส่งคุณไปที่การรื้อถอนถนน! คุณเชื่อไหม
อ๊ะ?"
" ปิดกั้นประตูไว้! ใครจะไปนอม! เราจะไม่ปล่อยให้คุณทำได้! ใครกลัวกัน
ใคร!“คนกว่ายี่สิบคนตะโกนอย่างไม่พอใจ!ฉันไม่ยอมแน่นอน!”
ดงซูบินไม่ต้องมองก็รู้ว่าต้องเป็นคนของซูกุ้ยเขากำหมัดทันที เห็นว่าซูกุ้ยเพิ่งออกมาจากสถานีตำรวจและพบคนที่จะตอบโต้กับถนน? นี่จะให้พลังกับฉันเหรอ?
ขวางประตูหน่วยงานของรัฐ? คนเรานี้เสพติดการขัดแย้งกับหน่วยงานรัฐหรือยังไงกัน? กับรัฐมนตรีซูที่ปกป้องอย่างคนพวกนี้!นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น.