345 - หนังสือพิมพ์
345 - หนังสือพิมพ์
“นี่คือตั๋วแลกเงิน 100000 เจ้าเอาไปก่อน!” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวขณะที่เขาผลักตั๋วเงินกองหนึ่งไปทางฟางเป่ยโต้ว
"หมายถึงอะไร?"
“เจ้ามีทางเลือกสองทาง อย่างแรกคือนำตั๋วเงิน 100,000 ตำลึงนี้เป็นการชดเชยความทุกข์ทรมานทางอารมณ์ของเจ้า เมื่อเจ้านำตั๋วเงินพวกนี้ไปแล้วเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก เจ้าก็ต้องเลิกพูดเรื่องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อะไรพวกนั้นให้ข้าฟัง…”
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดจบประโยคนี้ฟางเป่ยโต้วก็ลุกขึ้นยืนทันที เนื่องจากความโกรธของเขา ใบหน้าของเขาจึงแดงก่ำ หมัดของเขากำแน่นพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ต่อยหน้าเอี้ยนลี่เฉียง
“ทางเลือกที่สองคืออะไร” ฟางเป่ยโต้วถามหลังจากที่เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เอี้ยนลี่เฉียงมองมาที่เขาอย่างไร้อารมณ์และกล่าวว่า
“ทางเลือกที่สองคือข้าจะเป็นเจ้านายของเจ้าอย่างแท้จริงนับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะกลายเป็นผู้ช่วยของข้าและทำทุกอย่างตามที่ข้าขอ
ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลของคำสั่งที่ข้าสั่งให้เจ้าทำ แม้ว่าข้าจะไม่สามารถรับรองได้ว่าจะช่วยเหลือทุกคนได้ในอีกสี่ปีข้างหน้า แต่ข้ารับรองจะทำให้ดีที่สุด!
หากเจ้าเต็มใจจะรับข้อเสนอที่สอง เจ้าก็เอาเงินพวกนี้ไปเพราะว่างานที่ข้าจะให้ทำจะต้องใช้เงินจำนวนมากมายมหาศาล”
“ฟางเป่ยโต้วคำนับนายท่านด้วยความเคารพ!” ฟางเป่ยโต้วรีบคุกเข่าลงกราบเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามคราวนี้เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ลุกขึ้นเหมือนครั้งก่อน เขานั่งอยู่บนโต๊ะหินและรับการแสดงความเคารพจากฟางเป่ยโต้วอย่างเคร่งขรึมและสงบ
เมื่อเห็นฟางเป่ยโต้วคร่ำครวญที่เท้า เอี้ยนลี่เฉียงก็มีความรู้สึกแปลกๆในใจ ไม่คิดว่ายอดฝีมือคนหนึ่งจะนับถือเขาเป็นเจ้านาย
“นั่งลง!”
ฟางเป่ยโต้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเอี้ยนลี่เฉียง
“จำเอาไว้ว่าเมื่อเจ้าออกจากที่นี่เจ้าอย่าได้แสดงให้ใครเห็นว่าข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่ฟาง ในขณะที่เจ้าเรียกข้าว่าลี่เฉียง!”
“อย่ากังวลไปเลยนายท่าน ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร!” ฟางเป่ยโต้วกล่าวขณะที่เขากลับสู่สภาพปกติ เมื่อมองไปที่เงิน 100,000 ตำลึงบนโต๊ะ เขาก็ถามว่า
“นายท่านบอกได้ไหมว่าเงินพวกนี้จะต้องไปใช้ทำอะไร”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้ม ประกายแวววาวแปลกๆแวบเข้ามาในดวงตาของเขาก่อนที่เขาจะถามคำถามฟางเป่ยโต้วว่า
“เจ้ารู้จักกระดานข่าวที่ราชสำนักเผยแพร่หรือไม่ หรือที่เรียกกันว่าประกาศศาลนั่นแหละ”
“ประกาศศาล?” ฟางเป่ยโต้วขมวดคิ้วที่หน้าผากของเขาและถามว่า
“นายท่านกำลังพูดถึงกระดานข่าวที่ติดอยู่ที่ศาลาว่าการเมืองใช่หรือไม่”
"ทำนองนั้น!” เอี้ยนลี่เฉียงตอบด้วยการพยักหน้า
“ข้ารู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ข้าไม่เข้าใจว่านี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับเงิน 100000 ตำลึงที่นายท่านให้มา”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้ม
“ง่ายมาก สิ่งที่เราจะทำก็คือหนังสือพิมพ์…”
"อา?" ฟางเป่ยโต้วเบิกตากว้างและมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยท่าทางงงงัน
"แล้วศาลาว่าการเมืองจะอนุญาตให้พวกเรามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้อย่างไร? ของสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับราชสำนักและอาณาจักรมันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประชาชนธรรมดาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าฟางเป่ยโต้วยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูดถึง ความคิดแรกของฟางเป่ยโต้วคือแถลงการณ์ของศาล เขารู้สึกว่าเนื้อหาของกระดานข่าวพวกนั้นไม่จำเป็นต้องทำสำเนาออกขาย
กระดานข่าวของศาลเป็นหนังสือพิมพ์อย่างเป็นทางการของจักรวรรดิฮั่น เป็นเครื่องมือที่ราชสำนักใช้ประกาศประกาศแก่ผู้อยู่ชั้นล่าง
“ข้าไม่ได้พูดถึงกระดานข่าวของศาล แต่มีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน ข้าเรียกสิ่งนี้ว่าหนังสือพิมพ์ กระดานข่าวของศาลมีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ในราชสำนักใช้ประกาศข่าว แต่หนังสือพิมพ์ของพวกเรามีไว้เพื่อผู้คนธรรมดาโดยเฉพาะ!”
ฟางเป่ยโต้วยังคงตกตะลึงเป็นเวลานาน ไม่สามารถทำความเข้าใจในเรื่องนี้
“นั่นก็ยังเหมือนกับคำประกาศของศาลไม่ใช่หรือ? ขอเพียงมีประกาศออกมามันก็จะดังไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ประกาศพวกนั้นยังน่าเบื่ออย่างยิ่ง ใครจะซื้ออ่านล่ะ”
เมื่อตระหนักว่ารูปแบบความคิดของฟางเป่ยโต้วยังคงติดอยู่ในแบบจำลองของกระดานข่าวของศาล เอี้ยนลี่เฉียงก็ตัดสินใจอธิบายแนวคิดนี้ให้เขาฟังอีกครั้งอย่างอดทน
“ความแตกต่างแรกระหว่างหนังสือพิมพ์ที่ข้าพูดถึงกับกระดานข่าวของศาลคือ กลุ่มเป้าหมายจะแตกต่างกัน กระดานข่าวของศาลมุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆในอาณาจักร
ในขณะที่หนังสือพิมพ์ของเราจะมุ่งเป้าไปที่พลเมืองทั่วไป ความแตกต่างที่สองคือวิธีการกระจาย แถลงการณ์ของศาลออกโดยราชสำนักและรัฐบาลฟรี ในขณะที่หนังสือพิมพ์ของเราไม่ได้อ่านฟรี เพราะมันต้องซื้อด้วยเงิน
พวกเขาจะสามารถอ่านเนื้อหาของหนังสือพิมพ์ได้หลังจากชำระเงินแล้วเท่านั้น และนั่นก็คือข้อสรุปของความแตกต่างทั้ง 2 เรื่อง
ข้อแตกต่างที่สามระหว่างสองสิ่งนี้คือเนื้อหาที่เผยแพร่เอง ตราบใดที่เนื้อหาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คนและสิ่งที่น่าสนใจจะถูกรวบรวมไว้ทั้งหมด
ข้อมูลเกี่ยวกับกระดานข่าวของราชสำนักนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายรวมไปถึงประกาศต่างๆของจักรวรรดิ
แต่หนังสือพิมพ์ของเราจะลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวงและอาณาจักรต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง
อาจมีคำวิพากษ์วิจารณ์จากคนมีชื่อเสียงบางคน คำบอกกล่าวจากบุคคลวงในของเรื่องนี้ เรื่องเล่าจากนักเล่าเรื่องในโรงน้ำชาเหล่านั้น และการโฆษณาร้านค้าของพ่อค้าต่างๆ…”
ฟางเป่ยโต้วถือเป็นคนที่มีประสบการณ์ทางโลกมามากพอสมควร แต่หลังจากฟังคำอธิบายของเอี้ยนลี่เฉียงเกี่ยวกับเนื้อหาที่อาจปรากฏบนหนังสือพิมพ์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“นี่… หนังสือพิมพ์… ยัง… ยังสามารถรวบรวมสิ่งเหล่านี้ได้ ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืนหรือ!”
“แน่นอนว่าได้ ต่อให้คนอื่นบอกว่าไม่ได้ข้าก็ทำได้อย่างแน่นอน!” เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะอย่างมั่นใจ
ในขณะเดียวกัน ความคิดของเอี้ยนลี่เฉียงในการจัดทำหนังสือพิมพ์เป็นผลจากการวางแผนอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เราจะลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงเหลือไม่กี่ล้านคนจากภัยพิบัติในเวลาสี่ปีได้อย่างไร? คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเอี้ยนลี่เฉียงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
เขาพิจารณาความเป็นไปได้มากมายในหัวของเขาและพบว่าผลลัพธ์ของภัยพิบัตินั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หลังจากพิจารณาอยู่หลายครั้งเขาก็ค้นพบวิธีเดียวที่จะทำให้ทุกคนหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้
นั่นก็คือการทำให้ทุกคนออกจากเมืองหลวงของจักรวรรดิและสี่ภูมิภาคที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ มีเพียงสองวิธีในการทำเช่นนั้น
อย่างแรกคือการเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหรือไม่ก็สามารถชักใยอยู่เบื้องหลังของจักรพรรดิได้มิฉะนั้นจะไม่สามารถอพยพผู้คนออกจากเมืองขนาดใหญ่นี้ได้อย่างแน่นอน
วิธีที่สองคือการเตือนทุกคนถึงภัยพิบัติล่วงหน้า มันไม่ยากที่จะเตือนคนเพียงคนเดียว ส่วนที่ยากคือการเตือนผู้คนนับล้านในเมืองหลวงของจักรวรรดิและเมืองโดยรอบ
เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เขาต้องการแพลตฟอร์มข้อมูลที่แข็งแกร่ง มิฉะนั้น แม้ว่าเขาจะส่งเสียงตะโกนมากแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะทำให้คนจำนวนมากเชื่อได้
รัฐบาลเป็นช่องทางที่สามารถออกคำเตือนให้สาธารณชนทราบได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตามแม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะเป็นผู้ออกคำสั่งนี้โดยตรงเขาก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพเพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ วิธีที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการช่วยชีวิตผู้คนและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติคือการมีช่องทางกระจายข่าวสารได้ดีกว่ารัฐบาล เมื่อเขาปล่อยคำเตือนล่วงหน้าผู้คนจะมีเวลาอบพยบออกจากเมืองนี้
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างช่องสำหรับเผยแพร่ข้อมูลในโลกนี้คือหนังสือพิมพ์
ความแตกต่างระหว่างสิ่งนี้กับชีวิตก่อนหน้านี้ของเอี้ยนลี่เฉียงคือยุคนี้ดูเหมือนจะปราศจากการควบคุมหรือระบบการออกใบอนุญาตใดๆในการตีพิมพ์ข่าว
คุณสามารถพิมพ์อะไรก็ได้ที่คุณต้องการขอเพียงไม่เผยแพร่ข่าวที่อาจสามารถปลุกปั่นคนให้ก่อการกบฏได้ก็จะไม่มีใครพยายามเข้ามาแทรกแซง
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเอี้ยนลี่เฉียง ฟางเป่ยโต้วก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าหนังสือพิมพ์ที่เอี้ยนลี่เฉียงต้องการจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
“ดังนั้น ความตั้งใจของนายท่านคือให้ข้าเอาเงินแสนตำลึงนี้ไปทำหนังสือพิมพ์…..”
"ใช่ เจ้าชายเงินพวกนี้ไปตะเวนหาโรงพิมพ์และซื้อพวกมันก่อน สำหรับส่วนที่เหลือ ค่อยค่อยคุยกันว่าเราจะดำเนินการอย่างไร…”