343 - นายท่าน
343 - นายท่าน
เส้นทางเบื้องหลังเขามังกรขาวนั้นเปลี่ยวและคดเคี้ยว จึงไม่ค่อยมีคนขึ้นมาที่นี่ ดังนั้นที่เขามังกรขาวจึงสร้างทางเดินเล็กๆขึ้นเขาเท่านั้น
เอี้ยนลี่เฉียงทำตามคำแนะนำของคนเก็บสมุนไพร เขากำลังค้นหาวัดเต๋าที่คนเก็บสมุนไพรบอกทาง ด้านบนสุดของยอดเขาที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกมีวิหารนักพรตอยู่แห่งหนึ่งจริงๆ
อันที่จริงเอี้ยนลี่เฉียงไม่แน่ใจจริงๆว่าวัดเต๋านี้เป็นวัดมังกรขาวที่นักพรตชื่อฟางเป่ยโต้วกล่าวถึงในวันนั้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีวัดเต๋าเพียงไม่กี่แห่งในภูเขาโลกนี้
วัดอื่นๆต่างก็เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังย่อมไม่ใช่ที่อยู่ของฟางเป่ยโต้วแน่นอน
เอี้ยนลี่เฉียงได้ตัดสินใจแล้ว หากวัดเต๋านี้ไม่ใช่วัดมังกรขาวที่เขากำลังมองหา เขาจะกลับทันที และเลิกค้นหานักพรตคนนั้น
บนเนินเขานอกวัดเต๋า มีสวนผักสองแห่งที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ไผ่ มีต้นบ๊วยหลายต้นปลูกไว้ข้างสวนผักเช่นกัน
ในระยะใกล้ๆมีลำธารสำหรับให้น้ำไหลเข้าสวนโดยตรงผ่านคลองชลประทานเล็กๆ แม้ว่าพืชผลจะไม่เติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ก็เป็นทิวทัศน์ที่งดงามอย่างยิ่ง
วัดนี้สร้างขึ้นข้างสวนผัก ผนังของมันถูกทาด้วยสีดำสลับแดงมีลักษณะน่ากลัวเป็นอย่างมาก มีหินเสียหายอยู่เหนือทางเข้าวัดซึ่งอักษรที่สลักอยู่บนนั้นเหลือเพียงคำว่าวัด
เอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าไปข้างในโดยไม่ลังเลหลังจากที่เขาสังเกตเห็นลักษณะของวัดเต๋า
ทิวทัศน์ของลานบ้านก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มีต้นสนเก่าแก่ที่น่าดึงดูดและแข็งแรงอยู่ในลานบ้าน มีนกจำนวนหนึ่งร้องเจี๊ยกๆ อยู่ด้านบน
ใต้ต้นไม้มีโต๊ะหินและเก้าอี้หิน 2 ตัว โดยวางเตาไว้บนโต๊ะซึ่งมีน้ำเดือดเดือดพล่าน มีชุดน้ำชาสองชุดวางอยู่ข้างเตาด้วย
นักพรตที่เอี้ยนลี่เฉียงพบเมื่อวันก่อนสวมชุดคลุมสีขาวเรียบๆ ขณะที่เขายืนอยู่ใต้ต้นสนในขณะที่จ้องมองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยรอยยิ้ม
ไม่มีการแสดงความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมาที่นี่
“ขอโทษที่ไม่ได้ออกไปทักทายเมื่อท่านมาเยี่ยม เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงชงชารอท่านอยู่ที่นี่…”
สายตาของเอี้ยนลี่เฉียงหันไปทางชุดน้ำชาที่จัดวางบนโต๊ะด้วยสีหน้าตกใจ เขาตัดสินใจมาที่นี่ในวันนี้โดยไม่ตั้งใจและไม่พบใครตามเขาหลังจากเขาขึ้นไปบนภูเขา
นักพรตผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังมา?
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา” เอี้ยนลี่เฉียงถามขณะเดินไปที่ต้นสน
“เมื่อนกกางเขนตัวหนึ่งร้องที่ลานบ้านในเช้าวันนี้ ข้ารู้สึกหวั่นไหวในใจและรู้ว่าแขกผู้มีเกียรติจะมาเยี่ยมโดยอาศัยการคำนวณตามหลักโหราศาสตร์ที่ข้าร่ำเรียนมาเล็กน้อย!”
นักพรตอธิบายขณะที่มองดูเอี้ยนลี่เฉียงเข้ามาใกล้ก่อนจะนั่งลง ตอนนั้นเองที่นักพรตยิ้มและนั่งลงเช่นกัน เขาชงชาให้กับเอี้ยนลี่เฉียงแล้วกล่าวว่า
“ชาป่านี้เข้ากันได้ดีกับน้ำแร่จากภูเขา มันมีรสชาติที่พิเศษของมัน…”
ตามที่คาดไว้นักพรตผู้นี้ค่อนข้างมีไหวพริบ อย่างไรก็ตาม ในสายตาของ 'ผู้มีประสบการณ์' ที่พูดโอ้อวดมาหลายปี วิธีการเสแสร้งของนักพรตคนนี้ไม่ต่างอะไรจากการละเล่นของเด็กๆในสายตาของเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงชำเลืองมองดูใบชาที่กำลังเดือดปุดๆในถ้วย และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาไม่ได้ดื่มมัน เขาจ้องไปที่นักพรตและตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ เขาก็พลิกบทบาทอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดว่า
“เลิกพูดไร้สาระดีกว่า ข้าขึ้นเขามาคุยกับเจ้าในวันนี้ก็เพราะอยากจะรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องในวันนั้นหมายความว่าอย่างไร? หากเจ้ายังคงทำตัวลึกลับอยู่แบบนี้ข้าก็จะลงเขาทันที!”
ฟางเป่ยโต้วดูเหมือนจะสำลักจากคำพูดเหล่านั้น รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของเขาเมื่อสักครู่เริ่มแข็งทื่อ เขาจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียง ตามด้วยเอี้ยนลี่เฉียงจ้องกลับมาที่เขาอย่างไม่ลดละ
ชายทั้งสองยังคงจ้องมองกันและกันโดยไม่มองเป็นเวลาประมาณสองนาทีก่อนที่ฟางเป่ยโต้วจะถอนหายใจแล้ววางกาต้มน้ำในมือลง
จากนั้นเขาก็หยิบถุงผ้าไหมออกมาจากอกและวางลงบนโต๊ะ ขณะที่เขาผลักซองไปทางเอี้ยนลี่เฉียงเขาพูดอย่างผ่อนคลายว่า
“อาจารย์ทิ้งถุงนี้ไว้ให้ข้าก่อนที่เขาจะจากไป!”
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบไปที่ฟางเป่ยโต้วโดยไม่พยายามซ่อนความสงสัยของเขา เขาไม่ได้เปิดซองไหมทันที แต่เขาบีบซองก่อน
เมื่อเขาทำเช่นนั้น เขาตระหนักว่าไม่มีของมีคมหรือแมลงมีพิษอยู่ภายใน แต่มีเพียงกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น ตอนนั้นเองที่เขาเปิดซองและหยิบกระดาษที่พับไว้เรียบร้อยออกมาเปิดอ่าน
“ชายหนุ่มในชุดสีเขียวจะเข้าสู่ประตูตะวันตกในช่วงบ่ายของวันที่ 28 โดยมีดอกดาวเรืองอยู่ในมือ เจตจำนงแห่งสวรรค์ไม่อาจฝ่าฝืน โลกของมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ ทะเลจะกลายเป็นทุ่งหม่อน”
สองประโยคนี้เป็นคำที่เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินเมื่อวันก่อน
“นี่มันหมายความว่ายังไง” เอี้ยนลี่เฉียงถามฟางเป่ยโต้ว
“อาจารย์ของข้าจากไปแล้ว!” ฟางเป่ยโต้วรู้สึกหดหู่ใจในขณะที่เขาตอบว่า
“ก่อนที่เขาจะตาย เขาบอกข้าว่าภัยพิบัติจะเกิดต่ออาณาจักรฮั่นในอีกสี่ปีข้างหน้า ผู้คนนับไม่ถ้วนจะกลายเป็นเถ้าถ่าน
ในช่วงภัยพิบัติครั้งนี้จะมีสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่น่ากลัวกว่าภัยธรรมชาติเป็นร้อยเท่า
ในอีกห้าสิบปีข้างหน้า ลูกหลานชาวฮั่นหลายร้อยล้านคนจะตกอยู่ในอันตรายจากการทำลายล้าง และสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงได้คือคนๆเดียว
บุคคลนี้ไม่ถูกจำกัดความเคลื่อนไหวจากสวรรค์และปฐพีดังนั้นเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่นี่ได้
อาจารย์ของข้ามอบถุงนี้ให้ข้าแล้วสั่งให้ข้ารอคนผู้นี้ห้ามปล่อยให้เขาคาดสายตาไป…” ฟางเป่ยโต้วมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยสายตาที่แน่วแน่
“ในวันที่ 28 ข้าไปรอเจ้าที่ประตูตะวันตกของเมืองหลวงตั้งแต่ตอนเช้า จนกระทั่งบ่ายข้าจึงเห็นเจ้าเดินเข้ามาในเมืองพร้อมกับดาบดาวเรืองที่อยู่ในมือ…”
เวรเอ้ย!
เอี้ยนลี่เฉียงตกตะลึง เขามองไปที่ฟางเป่ยโต้วก่อนที่จะหันไปมองที่ถุงผ้าไหมที่อยู่ข้างหน้าเขา เอี้ยนลี่เฉียงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยิน
อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คนผู้นำทำนายได้อย่างไรว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นในอีกสี่ปีข้างหน้า?
คนผู้นี้จะทำนายได้อย่างไรว่าเขาจะสวมชุดสีเขียวในขณะที่ถือดอกดาวเรืองในขณะที่เขาเข้าเมืองจากประตูตะวันตก?
ถ้าคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆเขาจะกลายเป็นคนไร้ชื่อเสียงที่อยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?
“ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า?”
“ซูไป่หยาพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิฮั่น เจ้าของแท่นสังเกตการณ์ดวงดาวในเมืองหลวงของจักรวรรดิ และโหราจารย์ของราชสำนัก
ด้วยการทำนายครั้งนี้อาจารย์ของข้าเสียสละชีวิตของตัวเองถึงสิบปี ในที่สุดเมื่อต้นปีที่แล้วเขาก็จากไปด้วยความคับแค้น…” ฟางเป่ยโต้วตอบขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มสองหยด
เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจ
“เกรงว่าอาจารย์ของเจ้าจะทำนายผิดแล้ว แม้ว่าข้าจะมั่นใจว่าแข็งแกร่งกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขภัยพิบัติได้!”
“ไม่ เจ้าต้องทำได้แน่นอนอาจารย์ของข้าไม่เคยทำนายผิด!” ดวงตาของฟางเป่ยโต้วเป็นสีแดงเมื่อเขามองไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
“อาจารย์ของข้าบอกว่าเจ้ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่นในโลกนี้ เจ้ามีความพิเศษกว่าคนอื่นโดยที่เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจของตัวเอง…”
ฟางเป่ยโต้วกล่าวขณะที่เขายืนขึ้น เขาจัดเสื้อผ้าของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะคุกเข่าให้กับเอี้ยนลี่เฉียง
“ฟางเป่ยโต้วขอคารวะนายท่าน !”
"เจ้ากำลังทำอะไร?"
เอี้ยนลี่เฉียงตกใจและกระโดดขึ้นจากม้านั่งหินอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ของข้าบอกให้ข้าเคารพท่านเป็นเจ้านาย เขาบอกว่าเจ้านายจะสามารถแก้ปัญหาของโลกนี้ได้อย่างแน่นอน…”