221-222
1/10
Ep.221
ออกจากเนินเขาหิน [รถศึกอัจฉริยะ] มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองอี้เถียน
หลังจากได้รับหินรวมดารามา ซูเฉินก็ใช้มันอัพเกรดตาข่ายพายุแม่เหล็ก แล้วเอ่ยถามรถศึกว่า
“เสี่ยวจือ นายต้องการหินรวมดาราอีกกี่ก้อนในการอัพเกรดท่าตาข่ายพายุแม่เหล็กขั้นต่อไป”
“อัพเกรดขั้นต่อไปต้องใช้หินรวมดารา 200 ก้อน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ
ซูเฉินเริ่มครุ่นคิด
ในเมื่อเมืองทงเทียนได้นำหินรวมดาราไปกว่าหนึ่งพันก้อน ฉะนั้นระหว่างนี้แม้มันจะถูกใช้ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็น่าจะเหลือเก็บไว้มากกว่า 200 ก้อน
หรือให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่นั่นมีหินรวมดาราจำนวนมากพอสำหรับใช้อัพเกรดท่าตาข่ายพายุแม่เหล็กในขั้นต่อไป
ช่วงเวลาถัดมา ซูเฉินมองไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลางอีกครั้ง และเริ่มค้นหาที่อยู่ของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์
ไม่นาน เขาก็พบฝูงซอมบี้ประมาณ 300 ตัว อยู่ห่างออกไป 100 กิโลเมตร
เดิมที ซอมบี้จำนวนเล็กน้อยเช่นนี้ ไม่มากพอที่จะดึงดูดความสนใจเขา
อย่างไรก็ตาม พวกมันบังเอิญเดินอยู่ในเส้นทางข้างหน้าพอดี ในเมื่อต้องเป็นทางผ่านอยู่แล้ว เขาเลยตัดสินใจที่จะฆ่าพวกมัน
“เสี่ยวจือ ล็อคเป้าซอมบี้ฝูงนี้ไว้ แล้วขับไปจอดใกล้พวกมัน” ซูเฉินสั่ง
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ขับเคลื่อนเต็มกำลัง ส่งเสียงฮึ่มๆไปตลอดทาง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ไล่ทันกลุ่มซอมบี้
ซูเฉินลงมือด้วยตัวเอง สังหารซอมบี้ทั้งหมดในลมหายใจเดียว
หลังเก็บชิ้นส่วนและขุดหินพลังงาน [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ขับต่อไปตามเส้นทาง
พวกเขาพบฝูงซอมบี้หลายระลอก แต่จำนวนไม่มากนัก ฝูงใหญ่สุดมีแค่ 500 ตัว
และทั้งหมดทยอยถูกสังหารไปตามเส้นทางโดยซูเฉินและคนอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ ทำให้นอกเหนือจากการได้รับหินพลังงานแล้ว แต้มพลังงานที่ใช้แลกเปลี่ยนของซูเฉินยังเพิ่มขึ้นเกิน 2,000 แต้มอีกครั้ง
ถือได้ว่าการเก็บเกี่ยวที่ค่อนข้างดี
วันรุ่งขึ้นก็เช่นกัน
หากพบฝูงซอมบี้บนเส้นทาง พวกเขาก็จะหยุดและออกล่ามัน
หากจุดสีแดงแสดงบนแผนที่แต่ไม่อยู่บนเส้นทาง พวกเขาก็จะไม่ยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้รถศึกมุ่งหน้าสู่เมืองอี้เถียนต่อไป
ตกเที่ยงในวันหนึ่ง [รถศึกอัจฉริยะ] เข้าไปในเมืองร้าง สิ่งกีดขวางทำให้มันต้องชะลอความเร็วลง
ซูเฉินเหลือบมองไปที่หน้าจอควบคุมส่วนกลางโดยไม่ตั้งใจ เมื่อพบว่ามีจุดสีดำและจุดสีน้ำเงินอย่างละจุดบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ดวงตาของเขาก็สว่างไสวขึ้นทันที
หากมีแค่จุดสีน้ำเงินซึ่งเป็นตัวแทนของมนุษย์ เขาจะไม่สนใจเลย
แต่จุดสีดำน่ะต่างออกไป มันคือตัวแทนของสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกหนึ่ง
ซึ่งซูเฉินเคยเจอสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเป็นพืชโลหิต ครั้งที่สองคือหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี
อาจกล่าวได้เลยว่า ทั้งสองครั้งที่ผ่านมา เขาได้รับสินสงครามมหาศาล
ตอนสังหารพืชโลหิต สามารถดรอปชิ้นส่วนสิบชิ้นและแก่นอสูร ส่งผลให้ฟังก์ชั่นซ่อมแซมตัวเองของ [รถศึกอัจฉริยะ] ถูกปลดล็อค
และจากคำสารภาพของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี เขายังได้รู้ข้อมูลของสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ ทำให้เข้าใจขุมกำลังใหญ่ของโลกมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเลยค่อนข้างเซอร์ไพรส์และตื่นเต้น ที่ได้มาเจอสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอีกครั้ง
“เสี่ยวจือ ไปหยุดใกล้ๆจุดสีดำ” ซูเฉินสั่ง
“รับทราบเจ้านาย”
[รถศึกอัจฉริยะ] เปลี่ยนเส้นทาง หักเลี้ยวไปยังจุดสีดำ
สิบนาทีต่อมา หลังจากผ่านถนนหลายสาย [รถศึกอัจฉริยะ] ก็หยุดลงหน้าอาคารที่อยู่อาศัยหลังหนึ่ง
ซูเฉินกวาดสายตาออกไป และพบว่าอาคารที่อยู่อาศัยแห่งนี้มีทั้งสิ้นห้าชั้น แถมสภาพยังสมบูรณ์ดี
และบนหน้าจอควบคุมส่วนกลางก็แสดงให้เห็น ว่าจุดสีดำกับจุดสีน้ำเงินที่เป็นเป้าหมาย อยู่บนชั้นห้า
“พี่เฉิน พี่จะไปล่าซอมบี้หรอ” หยางฮ่าวถาม
[รถศึกอัจฉริยะ] จะไม่หยุดโดยไม่มีเหตุผล แต่หากหยุดแล้ว แสดงว่ามีซอมบี้อยู่ใกล้ๆ
“ครั้งนี้ไม่ใช่ซอมบี้” ซูเฉินส่ายหัวแล้วกำชับ “นายกับคนอื่นๆรออยู่ในรถ ฉันจะออกไปดูอะไรนิดหน่อย”
ว่าจบ เขาก็เปิดประตูลงจากรถ ก้าวเข้าไปยังอาคารเบื้องหน้า
ซูเฉินเดินเข้าไปในโถงทางเดิน หายลับไปจากสายตาของทุกคน
2/10
Ep.222
ภายในโถงทางเดินมืดสลัว มันเงียบสงัด เต็มไปด้วยบรรยากาศน่าขนลุก
ซูเฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ก้าวขึ้นบันไดมุ่งสู่ชั้นห้า
หนึ่งนาทีต่อมา เขาหยุดลงเบื้องหน้าห้องๆหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบผ่านหน้าจอควบคุมส่วนกลาง พบว่าจุดสีดำและน้ำเงินอยู่เบื้องหลังประตูบานนี้
ไม่รอช้า ซูเฉินปลดปล่อยพลังจิตเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายใน
แต่ใครจะคาดคิด ว่าทันทีที่พลังจิตถูกปลดปล่อยออกมา เขากลับรับรู้ได้ถึงความผันผวนของพลังแห่งจิตวิญญาณอีกสายหนึ่ง
‘มีปรมาจารย์พลังจิตอยู่ด้านใน!’ หางตาของซูเฉินกระตุก
ปรมาจารย์พลังจิตมีจำนวนน้อยมาก นับแต่เข้าถูกส่งข้ามโลกมา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบกับปรมาจารย์พลังจิต
แม้ตันหลินและหยางเฉียนจะเป็นปรมาจารย์พลังจิตเช่นกัน แต่พวกเธออ่อนแอเกินไป ดังนั้นไม่นับ
แต่พลังจิตที่แผ่ออกมาจากภายในห้องนี้กลับทรงพลังมาก ดูเหมือนว่าจะไปถึงระดับปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 แล้ว
จู่ๆก็บังเอิญเจอปรมาจารย์พลังจิตที่สามารถฟันฝ่าไปจนถึงเลเวล 3 ได้ เรื่องนี้ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก
สัญชาตญาณบอกเขา ว่าปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่น
ได้ข้อสรุปเช่นนี้ เขาก็ไม่เสียเวลาคิดเพ้อเจ้ออีกต่อไป ยกเท้าขึ้นและถีบประตูอย่างแรง
ทันทีที่ประตูแหลกเป็นเสี่ยงๆ พลังมหาศาลที่มองไม่เห็นกวาดสวนเข้ามาบดขยี้เขา
“ไม่ผิดแล้ว มันเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 จริงๆ!” ซูเฉินแสยะยิ้ม ปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกไปสกัดกั้นพลังมหาศาลนี้ไม่ให้เข้าถึงตัว
เนื่องจากทั้งคู่เป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงอยู่ในระดับเดียวกัน บังเกิดสภาวะชะงักงันไปครู่หนึ่ง
“นี่แกเองก็เป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 ด้วย?”
ในเวลานั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงอุทานของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากในห้อง
ซูเฉินกวาดสายตาเข้าไป เมื่อเห็นสถานการณ์ข้างในอย่างชัดเจน คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นเล็กน้อย
จากสายตา ภายในห้องนี้นอกจากชายชราหงอกขาว ยังมีพืชสีเขียวรูปทรงแปลกๆอยู่อีกด้วย
พืชต้นนี้สูงเกินครึ่งเมตร ถูกปลูกเอาไว้ในกระถาง ลำต้นมีความหนาเท่าแขน บนนั้นมีผลสีเขียวมรกตอยู่สิบผล
แต่ละผลส่งกลิ่นอายแห่งชีวิตออกมา เพียงสูดดม ก็ชวนให้รู้สึกสดชื่นและเปี่ยมไปด้วยพลัง
ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ ตรงใจกลางลำต้น มีใบหน้าที่เหมือนกับคนแก่อยู่
“พืชปีศาจ?” ซูเฉินพึมพำ
พืชโลหิตที่เขาเคยพบก่อนหน้านี้ ก็มีใบหน้าของมนุษย์งอกขึ้นบนลำต้นเช่นกัน ดังนั้นเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นพืชปีศาจ
“ไอ้หนู แกเป็นใคร ทำไมถึงบุกเข้ามาในที่ของฉัน?” ชายชราหงอกขาวในห้องหรี่ตาสำรวจดูซูเฉิน เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เพราะในสายตาเขา พบว่าซูเฉินยังเด็กมาก แต่ความสำเร็จทางพลังแห่งจิตวิญญาณกลับไม่ธรรมดา มันแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย เป็นไปได้สูงว่าน่าจะเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3
ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 แต่ยังเยาว์วัยเช่นนี้ ทำให้ในใจเขารู้สึกหวาดกลัวถึงสามส่วน
“ดูเหมือนเจ้าของพลังจิตเมื่อกี้ น่าจะเป็นแกมากกว่า” ซูเฉินหรี่ตาลง เอ่ยอย่างเฉยเมย
เดิมเขาคิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่นที่เป็นปรมาจารย์พลังจิต แต่เห็นได้ชัดว่าตนเดาผิดไป
ชายชราที่เป็นมนุษย์ตรงหน้าเขาต่างหาก คือปรมาจารย์พลังจิตตัวจริง
“ไอ้หนู แกต้องการอะไร?”
เมื่อเห็นว่าซูเฉินเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ชายชราเริ่มโกรธเล็กน้อย
“ไอ้แก่ บอกฉันมาซะดีๆ ว่าแกไปเอาพืชปีศาจต้นนั้นมาจากที่ไหน?” ซูเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“นี่แกรู้จักพืชปีศาจด้วย?” สีหน้าของชายชราหงอกขาวแข็งค้าง แต่แล้วเจตนาฆ่าฟันเริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าเขา
พืชปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่น น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้
และอีกอย่าง พืชปีศาจในห้องนี้ เลิศเลอที่สุดในบรรดาพืชปีศาจทั้งหมด และมันมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวงต่อเขา
ดังนั้น เขาจะไม่ยอมให้ใครรู้ข้อมูลของมันเป็นอันขาด!