ตอนที่ 824 คิดให้ดี คิดให้รอบคอบ
“นายน้อยกง ผะ-ผมไม่ขายลูกสาวหรอกนะครับ”
แม้ว่าเฉียวหลุ่ยจะกลัวกงเซลี แต่เขาก็ยังรวบรวมความกล้าที่จะพูด
“แม้ว่าครอบครัวเฉียวของเราตอนนี้จะมีปัญหาด้านการเงิน แต่เมียนเมียนเป็นลูกสาวที่ผมทุ่มเทและรักเธอมากมาตั้งแต่เด้ก ไม่ว่าผมจะมีเงินน้อยแค่ไหน ผมก็ไม่แลกเธอกับเงินหรอกครับ”
กงเซลีขมวดคิ้ว
“ผู้อาวุโสเฉียว คงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ?”
การแสดงออกของเขาแย่มาก
“ผมบอกตอนไหนว่าอยากให้คุณขายลูกสาวกัน”
เฉียวหรุ่ยตกตะลึง
“ถ้านายน้อยกงไม่ได้อยู่กับเมียนเมียนเมียน ...งั้น คุณ...”
นี่เป็นเพียงความเป็นไปได้เดียวที่เฉียวหลุ่ยคิดออก
ไม่มีควัน ไหนเลยจะมีไฟ
ด้วยเรื่องอื้อฉาวมากมาย จึงยากที่จะไม่คิดไปในทิศทางนั้น
นอกจากนี้ เขารู้จักเฉียวเมียนเมียนดี ไม่แปลกที่ทายาทรุ่นที่สองที่ร่ำรวยเหล่านี้จะชอบเธอ
ดังนั้น เมื่อเขาได้ยินว่ากงเซลีกำลังเรียกเขาเพราะเฉียวเมียนเมียน
เขาก็คิดว่าเขาอยากจะได้เฉียวเมียนเมียนไปเป็นผู้หญิงของเขา
เฉียวเมียนเมียนไม่อาจแต่งงานเข้ากับตระกูลกงได้
เธอไม่สามารถเป็นแฟนออกนอกหน้าของกงเซลีได้
กงเซลีกล่าวอย่างเย็นชาว่า
“ผู้อาวุโสเฉียว ทำไมคุณถึงคิดว่าลูกสาวของคุณไร้ค่านักล่ะครับ? ถ้าผมมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอจริง ๆ ผมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?”
กงเซลีรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของเขาอย่างอธิบายไม่ถูก
ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาชอบ เขาคงไม่ต้องการขายเธอ
คำว่า ‘ขาย’ ฟังแล้วเหมือนเป็นการดูถูก
การแสดงออกของกงเซลีเย็นลง และเฉียวหรุ่ยกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า
“ใช่ครับ นายน้อยกงพูดถูก ผมเข้าใจคุณผิดไป”
เขากลัวจนมือสั่น
ใครในเมืองหยุนเฉิงไม่กลัวนายน้อยของตระกูลกงบ้าง?
เขาได้ยินว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้าย
มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเขา
เขามักทำสิ่งต่าง ๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ความคิดของกงเซลีเปลี่ยนใครบางคนให้อ่อนยวบลง เฉียวหรุ่ยรู้สึกกลัว
เมื่อเห็นว่าเขากลัวเพียงใด กงเซลีขมวดคิ้วและระงับความโกรธไว้
ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นพ่อของเฉียวเมียนเมียน
เขาไม่ต้องการที่จะปฏิบัติต่อเขาอย่างที่เขาเคยปฏิบัติต่อผู้อื่น
“ผู้อาวุโสเฉียว สิ่งที่ผมอยากจะถามคือ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว”
กงเซลีพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าเมื่อสักครู่มาก
“คุณจได้ไหมว่า คุณเคยพาเฉียวเมียนเมียนไปที่งานเลี้ยงของตระกูลกง เมื่อ 10 ปี ก่อนหรือเปล่า?”
“ปีนั้นเป็นวันเกิดของผม พ่อแม่ของผมเชิญคนจากเมืองหยุนเฉิงมาเยอะมาก ตระกูลเฉียวก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย”
เฉียวหรุ่ยยตกตะลึงในไม่กี่วินาที จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและขมวดคิ้ว
“งานเลี้ยงเมื่อ 10 ปีก่อนเหรอ? ตอนนี้ผมก็จำไม่ค่อยได้ มันนานมากเลยนะครับ นายน้อยกง ผมขอคิดสักครู่นะครับ”
“เอาล่ะ ผู้อาวุโสเฉียว ไม่ต้องรีบร้อย ค่อย ๆ คิดก็ได้”
กงเซลีดูภายนอกเหมือนจะนิ่งเฉย แต่เขากังวลอย่างมากอยู่ภายใน เขาบีบถ้วยชาในมือและด้วยชาภายในอึกเดียว
“ค่อย ๆ คิดครับ คิดให้รอบคอบ”
เพราะสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับเขา
เขาไม่สามารถทนต่อความผิดพลาดได้
บางทีเขาอาจจะพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง
เขาไม่สามารถ...ทำผิดพลาดได้อีก
แม้ว่าเฉียวหรุ่ยไม่รู้ว่า ขณะนี้กงเซลีคิดจะทำอะไร แต่เขาก็บอกได้จากน้ำเสียงของเขาว่า เขาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน