ตอนที่ 253 ขอบคุณนะ
ตอนที่ 253 ขอบคุณนะ
จูเรียรับกุญแจมาก่อนจะเดินไปพร้อมกับจูเรียโฮโลแกรม ทั้งสองหายไปในตัวยาน มะลิเดินมาหาไนเรล เธอพูดด้วยความดีใจ
“ไนเรลกลับมาแล้ว เมี้ยว ๆ” มะลิกระโดดเกาะแขนของไนเรล
ไนเรลไม่ได้ทำอะไรเขาเพียงแค่มองไปที่ก่อนจะพยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองคนที่บาดเจ็บอยู่ทั้งหมด
“เอวาให้พาคนที่ได้รับบาดเจ็บมารวมกัน” ก่อนที่ไนเรลจะยื่นมือไปที่กิ่งไม้ ทันใดนั้นต้นไม้ใหญ่ด้านหลังก็ค่อย ๆ สลายหายไป ก่อนที่พลังงานทั้งหมดจะควบแน่นเป็นหยดน้ำ จากหนึ่งหยดกลายเป็นมวลน้ำนับร้อย ๆ ลิตร ทั้งหมดคือ น้ำค้างแห่งชีวิต
ไนเรลเดินไปยกแผ่นเหล็กหนาขึ้นมา ใช้มือออกแรงกดเบา ๆ มันก็ยุบลงเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่
“ให้พวกเขากินมัน” ไนเรลพูดจบก็เดินออกไปด้านนอก เอวามองไปที่ไนเรล เธอรู้สึกได้ว่าไนเรลไม่เหมือนเดิม แม้แต่นิเรียที่กอดโลงศพปู่ก็หันไปมองแผ่นหลังพี่ชาย
...........
หลังจากที่จูเรียและจูเรียโฮโลแกรมควบคุมยานขนส่งอวกาศ 7675842 ได้ทั้งหมดแล้ว ทั้งสองพยายามเปิดการทำงานของประตูเคลื่อนย้ายระหว่างดาวเคราะห์ แต่มันกลับมีบางอย่างเกิดขึ้น ประตูจากทางฝั่งของดาวเคราะห์ A000 ไม่สามารถเชื่อมกับดาวเคราะห์ A111 ได้
ตามหลักการทำงานแล้ว ด้วยระยะที่ไกลแบบนี้มันจะต้องมีทั้งจุดส่งและจุดรับ ยานขนส่งอวกาศ 7675842 คือฝั่งส่ง ส่วนยานขนส่งอวกาศ 7675843 ที่อยู่ดาวเคราะห์ A111 คือฝั่งรับ แต่การเชื่อมต่อของทั้งสองหายไป
จูเรียโฮโลแกรม จูเรีย และเมสันต่างช่วยกันหาสาเหตุ จนกระทั่งทั้งสามเจอกับบางอย่าง มันคือกำแพงอวกาศที่หนาแน่นขึ้น จากการวิเคราะห์ของจูเรียโฮโลแกรมโดยอ้างอิงฐานข้อมูลในระบบยานขนส่งอวกาศ 7675842 กำแพงนี้เกิดจากระบบ ดูเหมือนระบบจะทำบางอย่างลงไป
พวกเธอแจ้งกับไนเรลแล้ว แต่ไนเรลเพียงพักหน้ารับรู้และกล่าวมาสั้น ๆ เท่านั้น
“ใช้ปราการสุดท้ายเดินทางไปอีกโลกโดยตรง”
จากคำพูดของไนเรลทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขากำลังจะออกจากโลกใบนี้แล้ว ยานขนส่งอวกาศ 7675842 สามารถบรรจุคนได้นับล้าน ถ้าจัดการแบ่งพื้นที่อย่างถูกต้องมันจะสามารถบนจุคนเพิ่มได้อีก 10 เท่า ซึ่งมากพ่อให้อพยพทุกคนบนดาวเคราะห์ A000 และรองรับอีกสองเผ่าพันธุ์ยักษ์เถื่อนและเผ่าอสูรได้อย่างสบาย
หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ เผ่าอสูรและเผ่ายักษ์เถื่อนก็มารวมกันที่ปราการสุดท้าย
นอกจากพวกที่มารบแล้วทั้งสองเผ่าพันธุ์ยังมีประชากรธรรมดาอยู่อีกหนึ่งแสนคน ส่วนมนุษย์นั้นเหลือไม่กี่หมื่นเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึงที่ทวีปเทียลันน่าไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่มานานหลายทศวรรษแล้ว
ส่วนอีกทวีปฟาบีออสยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ และสุดท้ายคือทวีปโรเลน่า ซึ่งล่าสุดคนเกือบทั้งหมดก็ถูกพามาที่ป้อมปราการสู้กับซอมบี้ไปเมื่อหลายวันก่อน
ทำให้เมื่อนับรวมทั้งสามเผ่าพันธุ์ไปแล้วมีพื้นที่อยู่เหลือเฟือ แต่มี่เป็นปัญหามากกว่านั้นคือ อาหาร ยานขนส่งอวกาศ 7675842 แม้จะมีขนาดใหญ่แต่มันถูกทิ้งไว้นับแสนปี ก่อนที่เอิร์ลดาโก้จะได้กุญแจมาและเปิดการทำงานของยาน หลังจากที่เข้าครอบครองยานก็มีการเติมเต็มอาหารไว้บ้าง แต่จากการที่จูเรียโฮโลแกรมบอกการเดินทางผ่านกำแพงอวกาศนั้นอาจจะให้เวลานานมาก ดังนั้นควรจะมีอาหารมากกว่านี้
ซึ่งการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคือไปที่ ทวีปฟาบีออสที่นั้นแม้ดาวเคราะห์ A000 จะเป็นดาวใกล้ตายแล้ว แต่ทวีปพาบีออสก็มีสัตว์กลายพันธุ์รวมตัวกันมากที่สุด
หน้าที่นี้จึงให้มนุษย์ชั้นสูงอย่าง อารอนที่พึ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ และแขนที่งอกมาใหม่แม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มร้อย แต่จัดการสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 7 ขั้นต้นนั้นถือเป็นเรื่องง่าย ยังมีข้ารับใช้ชราและเพบีกัสตามไปด้วย ทั้งสามพาคน ยักษ์ อสูรของตัวเองไปด้วย
พวกเขาถูกส่งไปที่นั่นในการรวบรวมอาหาร หลังจากนั้นยานขนส่งอวกาศ 7675842 จะเดินทางไปที่นั่นก่อนจะออกจากดาวเคราะห์แห่งนี้ โดยกำหนดการในตอนแรกคืออีก 1 หนึ่งเดือนเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
ตอนนี้ผ่านมา 2 เดือนแล้วยานยังไม่ออกไปไหน ซึ่งไม่ใช่เพราะความผิดพลาดหรือติดขัดอะไร แต่เป็นเพราะไนเรลยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนหลังจากพูดกับจูเรียโฮโลแกรมครั้งนั้น เขายืนอยู่เหนือหอคอย ราวกับกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไนเรล
“พี่ชายยืนนานแค่ไหนแล้ว” นิเรียถามเอวาที่ยืนมองไนเรลอยู่
“55 วันเต็ม เขาไม่ขยับไปไหนเลย” หญิงสาวพูดด้วยความเป็นห่วง เธอพยายามเดินเข้าไปหาไนเรล แต่ไม่มีใครเข้าใกล้ไนเรลในระยะ 100 เมตรได้เลยแม้แต่น้อย
“ศพของท่าเนโคเป็นอย่างไรบ้าง”
“จูเรียหาสถานที่เก็บร่างปู่ไว้ในยานให้แล้ว ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างโลกศพคริสตัลสีเขียวที่พี่ชายสร้างดูเหมือนจะทำให้ศพของปู่ไม่เน่า”
ในตอนั้นเอง กัสที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ ก็กรนออกมา มันมาเฝ้าไนเรลไม่ต่างจากเอวา ต้องบอกว่ากัสนั้นนอนเฝ้าเลยถึงจะถูก กัสเป็นอสูรหนูที่ฉลาดมันรู้ว่าไนเรลสุดยอดขนาดไหน ดังนั้นมันต้องเกราะขาไนเรลไว้ให้มัน จึงแสดงออกด้วยการมานอนเฝ้าแบบนี้ แต่มันก็ไม่ได้แต่นอน มันยังก่อไฟย่างเนื้ออีกด้วย
ซึ่งมะลิ จูเรียและธีโอมักจะมาแย่งอาหารที่กัสปรุงอยู่บ่อย ๆ ความสามารถในการปรุงอาหารของกัสนั้นสุดยอดมากถึงขนาดที่เอวายกหน้าที่ให้มันเป็นพ่อครัว ซึ่งกัสก็ยินดี เพราะมันได้อยู่กับอาหาร
ในขณะนั้นเองลูน่าและสเตล่าก็เดินเข้ามา ทั้งสองหยุดอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เอวาและนิเรียยืนอยู่
“ท่านน้า” ลูน่าเรียกนิเรียอย่างตรงไปตรงมา จนนิเรียยังรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย เธอพึ่งจะ18 ปีนี้ แต่กลับมีคนอายุ 200 ปีมาเรียกแบบนี้มันก็ยังไงอยู่
ลูน่าเล่าเรื่องของตัวเองให้พวกเธอฟังแล้ว ตอนแรกพวกเธอก็ยังอึ้ง ๆ อยู่ แต่พอเห็นการกระทำของลูน่าที่สู้สุดชีวิตช่วยไนเรล ทำให้พวกเธอรู้สึกดีกับลูน่า แต่สำหรับสเตล่า ความสัมพันธ์เป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก
ลูน่าเคยลอบสังหารไนเรล แต่ขณะเดียวกันตามที่พวกเธอรู้จากปากของลูน่า สเตล่าในโลกนี้เคยเป็นคนรักของไนเรลมาก่อน
เรื่องนี้ต้องรอไนเรลมาจัดการเอง ทั้งนิเรียและเอวาต่างเคารพการตัดสินใจของไนเรล
สเตล่ามองไปที่ไนเรลและก็มองลูน่า เธอรู้เรื่องทุกอย่างแล้วเช่นกัน ในใจเธอเหมือนจะมีบางอย่างจะพูด แต่ก็ไม่ได้กล่าวออกไป
ในตอนนั้นเองที่มือของไนเรลเริ่มขยับอีกครั้ง
“พี่ชายขยับตัวแล้ว” นิเรียเดินเข้าไปหาไนเรล ตอนนี้สนามพลังมันหายไปแล้ว
ไนเรลหันหน้ากลับมาก่อนจะมองไปที่ทุกคนและกล่าว “ฉันขอคุยกับสเตล่าตามลำพังหน่อย”
ไนเรลคิดว่าตัวเขาควรที่จะสะสร้างเรื่องของตัวเองได้แล้ว หลังจากยืนคิดมานาน อันที่จริงขณะที่ไนเรลยืนนิ่งอยู่นั้นไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นการรับรู้ของไนเรล กำลังย่อยเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา รวมถึงพลังที่ได้รับมา
คนทั้งหมดออกไปจากตรงนี้เหลือเพียงไนเรลและสเตล่าสองคนเท่านั้น สเตล่าดูจะหนักใจกลับเรื่องบางอย่างอยู่ แต่เธอไม่กล้าพูดออกมา แม้แต่ตาของไนเรล หญิงสาวก็ยังไม่กลัวมอง
ตอนนี้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของไนเรลนั้นน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก มันมาจากพลังในตัวของเขา ที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตขั้นแรกต้องก้มหัว
“เธอกลัวเรื่องที่ลูน่าเล่าให้ฟังไหม เรื่องที่ตัวตนในโลกนี้ทำไว้”
สเตล่ามองไปข้างหน้า มันเป็นคำถามที่ยาก ตัวของเธอในโลกนี้ทำแบบนั้น แล้วตัวเธอจะทำไหม สเตล่าเงียบไปสักพัก ไนเรลไม่ได้พูดอะไร สำหรับเขาเวลาคือสิ่งที่เขามีเหลือเฟือ
“ข้าไม่รู้ แต่ถ้าทั้งสองโลกถูกสร้างมาให้เหมือนกัน ตัวข้าก็อาจจะทำแบบนั้นอีกก็ได้หรืออาจจะไม่ แต่ยังไงข้าคือสเตล่าของอีกโลกไม่ใช่สเตล่าของโลกใบนี้” สเตล่าพูดออกมาด้วยความจริงจัง
“เธอพูดถูก” ไนเรลหันไปมองสเตล่า มองไปที่ใบหน้าของเธอ มองไปที่ดวงตาที่คุ้นเคย คิ้ว จมูก ริมฝีปาก เส้นผม ร่างกาย แม้จะดูเหมือนกัน แต่ทุกคนยอมไม่เหมือนกัน
โลกทั้งสองต่อให้ทำทุกอย่างเหมือนกัน แต่ในโลกนี้จะมีใบไม้สองใบที่เหมือนกันได้อย่างไร แม้หลายสิ่งจะดำเนินไปในเหตุการเดียวกัน แต่หลายสิบวันที่เขายืนนิ่งไนเรลสรุปได้อย่างหนึ่ง ทั้งสองโลกไม่เหมือนกัน มีสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต่างออกไป คนธรรมดาไม่อาจจะสังเกตเห็น แต่เขารับรู้ได้
บางทีมันอาจจะเป็นข้อบกพร่องของระบบ
ไนเรลยังกล่าวต่อ “เธอไม่ใช่สเตล่าของโลกใบนี้ ภรรยาของฉันตายไปแล้ว เธอไปเถอะ”
“ขอบคุณนะ” สเตล่ามองไปที่ดวงตาของไนเรลเป็นครั้งแรก เธอพูดออกมาด้วยความจริงใจ ไนเรลพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะมองดูสเตล่าเดินจากไป
ดูเหมือนการกระทำของไนเรลจะช่วยให้สเตล่าสบายใจมากขึ้น แม้ในโลกนี้สเตล่าอีกคนจะมีความสัมพันธ์กับไนเรล แต่ตัวเธอนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรกลับไนเรลเลยแม้แต่น้อย ลูน่ามองดูสเตล่าและไนเรลคุยกันอยู่ไกล ๆ เธอเห็นทั้งหมด แต่ก็เข้าใจการกระทำของทั้งสอง
“บางชีวิตก็เป็นเช่นนี้”
หลังจากไนเรลตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว ยานขนส่งอวกาศ 7675842 เริ่มออกเดินทาง
ยานลอยตัวขึ้น พร้อมกับที่ซากปรักหักพังของปราการสุดท้าย ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงขณะที่ยานลอยตัวขึ้น ซากปราการพวกนี้ถูกเอิร์ลดาโก้สร้างขึ้นมาทีหลัง ดังนั้นมันจึงไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับโครงสร้างเดิมของยานขนส่งอวกาศ 7675842
ผู้คนทั้งหมดต่างเข้าไปอยู่ภายในตัวยานเรียบร้อยแล้ว ยานลอยตัวสูงขึ้นมาสี่พันเมตรเหนือพื้นดิน ก่อนจะขับเคลื่อนออกไปด้วยความเร็วที่เหนือเสียงหลายสิบเท่า ซึ่งนี่ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดของยาน แต่มันเหมาะกับการเดินทางบนพื้นผิวดาวเคราะห์
ฟิ้ว!!!!!!!!!!!
ยานขนส่งอวกาศที่มีลักษณะบนวงกลมนับล้านตารางเมตรบินผ่านพื้นดินที่เคยเป็นทะเลทรายตัดผ่านม่านหมอกพิษที่ยังหลงเหลือยู่ ก่อนจะผ่านทวีปเทียลันน่าที่กลายเป็นทะเลลาวา ตรงไปยังจุดหมายแรก “ทวีปฟาบีออส”