342 - ชายหญิงประสานเป็นหนึ่ง
242 - ชายหญิงประสานเป็นหนึ่ง
ในขณะนี้ฮั่วหรูเสวี่ยดูเหมือนประติมากรรมน้ำแข็งที่สวยงาม การโอบกอดนางก็ไม่ต่างจากการโอบกอดก้อนน้ำแข็ง
ไม่เพียงแค่นั้นดูเหมือนว่ามีร่องรอยของพลังปราณเย็นแปลกๆ ในร่างกายของนางอีกด้วย
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกอดนางไว้ในอ้อมแขน พลังปราณที่เย็นยะเยือกก็โจมตีเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรุนแรงและพยายามบุกรุกเข้าสู่ร่างกายของเขา
บูม…!
ทันทีที่พลังปราณเย็นบุกทะลวงตันเถียนของเอี้ยนลี่เฉียง ช้างหกงาสีทองที่หลับใหลก็เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับไฟลุกท่วม
ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีทองและบดขยี้ไอเย็นที่พยายามบุกทะลวงเข้าสู่ตันเถียนของเอี้ยนลี่เฉียงได้อย่างราบคาบโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ
วงแหวนแห่งเปลวเพลิงสีทองบนตัวช้างขนาดมหึมากลืนปราณที่เย็นยะเยือกในร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงอย่างไร้ความปราณี จากนั้นจึงบุกเข้าไปในร่างของฮั่วหรูเสวี่ย…
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาฮั่วหรูเสวี่ยก็ขยับตัวในที่สุด นางเป็นเหมือนคนที่ตกอยู่ในพายุน้ำแข็งไม่มีทางออก ทันทีที่นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นนางก็ไขว่คว้ามันอย่างรวดเร็ว
มือของนางปัดป่ายไปทั่วร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงก่อนที่จะกำแน่นในจุดที่มีพลังหยางมากที่สุดของชายชาตรี เมื่อถึงจุดนี้สัญชาตญาณของชายหญิงก็ถูกปลุุกขึ้น
ริมฝีปากของพวกเขาประกบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ความร้อนไหลเข้าสู่ร่างกายของฮั่วหรูเสวี่ยราวกระแสน้ำอุ่นทำให้นางขาดสติด้วยความสุข จากนั้นพวกเขาก็หลอมรวมกายเป็นหนึ่งเดียวกัน
……………….
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงตื่นขึ้น แสงแดดก็ส่องเข้ามาในห้องห้องนอนของเขาผ่านหน้าต่าง มันผ่านม่านสีเหลืองเข้มของห้อง อาบไล้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เต็มไปด้วยความอบอุ่น
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ จิตใจของเขาก็ว่างเปล่าไปสองวินาทีก่อนจะพุ่งขึ้นจากเตียง
กลิ่นหอมจางๆหลงเหลืออยู่บนเตียง แต่หมอนข้างเขาว่างเปล่า เอี้ยนลี่เฉียงดึงผ้าห่มออกและสังเกตเห็นจุดสีแดงเข้มเป็นด่างดวงบนผ้าปูที่นอน
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขากระโจนลงจากเตียงรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยที่ร่างกายไม่ได้สวมอะไรเลยและเหวี่ยงประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออก
ตามที่คาดไว้เสื้อผ้าของเขาหายไปหนึ่งชุด
ฮั่วหรูเสวี่ยออกไปแล้ว เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าความฝันแสนหวานในฤดูใบไม้ผลิที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยในตอนที่เขาตื่นขึ้น
เอี้ยนลี่เฉียงยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าด้วยความรู้สึกว่างเปล่าเป็นอย่างมาก
เขามองดูเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกทองเหลืองขนาดใหญ่และสวยงามหน้าตู้เสื้อผ้า หลังจากจ้องมองไปชั่วครู่ เขาก็เห็นรอยกัดสองรอยอยู่บนหน้าอกของเขา…
เอี้ยนลี่เฉียงลูบไล้รอยกัดบนหน้าอกเบาๆและนึกถึงฮั่วหรูเสวี่ยที่ไม่สามารถยับยั้งตัวเองจากความสุขสุดยอด
นางกัดเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างแรงพร้อมกับส่งเสียงครวญครางไม่หยุดในขณะที่ดิ้นรนอยู่ใต้ร่างกายของเขา
บนใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงมีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏขึ้น เขาต้องการให้นางมีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คนเดียวสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นเขาถึงจะไปตามหานาง
……
เอี้ยนลี่เฉียงมาถึงภูเขาที่อยู่นอกสนามยิงธนูช้ากว่าปกติหนึ่งชั่วยาม
หลี่หงตู้ซึ่งตามปกติแล้วจะไม่ออกจากกระท่อม ในเวลานี้กลับยืนอยู่ที่หน้าน้ำตกด้วยสีหน้าดุดัน
“อาจารย์!”
“ทำไมจึงมาสายนัก!”
หลี่หงตู้ชี้ไปที่จมูกของเอี้ยนลี่เฉียงแล้วตะโกนออกมาว่า
“เจ้าคิดว่าความเร็วในการฝึกฝนของตัวเองมีมากจึงคิดจะหย่อนยานหรือ!”
เอี้ยนลี่เฉียงก้มหน้าลงและปล่อยให้อาจารย์ตะโกนด่าเขาอยู่อย่างนั้นหลายนาที
“จริงๆแล้ว…”
“ยังจะเถียงอีก” หลี่หงตู้มีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เอี้ยนลี่เฉียงแสดงท่าทีน่าสงสารแล้วกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาสาย การฝึกฝนในช่วงนี้ทำให้ข้าเหน็ดเหนื่อยมาก มิหนำซ้ำยังต้องฝึกฝนตอนกลางคืนต่อจึงทำให้ข้าหมดสติไป กว่าจะรู้ตัวก็ตื่นสายแล้ว…”
หลี่หงตู้ตกตะลึง
“แม้กระทั่งตอนกลางคืนเจ้าก็ยังฝึกฝนด้วย”
“ใช่ ข้าจะฝึกฝนประมาณสองชั่วยามทุกคืน!”
“การฝึกแบบไหน”
“หมัดพยัคฆ์คำรามต่อเนื่องและวิชาสิบการเปลี่ยนแปลงของมังกรเมฆา…”
“มากมายขนาดนั้น?” สีหน้าเคร่งขรึมของหลี่หงตู้ก็ถูกแทนที่ด้วยความสงสาร
“แล้วทำไมเจ้าไม่เคยพูดออกมา…?”
“ก็อาจารย์ไม่เคยถาม..”
น้ำเสียงของหลี่หงตู้อ่อนลงทันที
“ลืมวิชาหมัดพยัคฆ์คำรามไปเสียเถอะ เมื่อเจ้าฝึกวิชาที่มีความล้ำเลิศมากขึ้นหมัดพยัคฆ์คำรามของเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นเองโดยไม่ต้องฝึกฝน
ส่วนวิชาอื่นๆเจ้าก็ต้องลดเวลาในการฝึกฝนลง การฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งก็ใช่ว่าจะเป็นผลดีเสมอไป มันรังแต่จะทำให้รากฐานของเจ้าสูญเสียไปเปล่าๆ"
"ข้าจะจำคำพูดของอาจารย์ไว้…"
“หลังจากนี้ให้ไปบอกกับขันทีแซ่หลิวให้ปรุงซุปสิบพยัคฆ์ให้เจ้าสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย บอกว่านี่คือคำสั่งของข้า…”
เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้าขณะที่เขายอมรับคำแนะนำอย่างนอบน้อม
“เข้าใจแล้ว!”
“วันนี้เจ้ากลับไปได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ให้เจ้าพักฟื้นตัวเองอย่างเต็มที่ แล้วข้าจะมีบทเรียนใหม่ให้กับเจ้า”
“เข้าใจแล้ว!”
“เข้าใจแล้วก็ไปสิ!”
หลี่หงตู้โบกมือไล่เอี้ยนลี่เฉียงก่อนจะเดินกลับไปที่กระท่อมของตัวเอง
เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะเบาๆแต่ไม่ได้กลับไป เขาถอดเสื้อผ้าออกแล้วกระโดดลงไปในสระเพื่องมทวนกระดูกสันหลังมังกรขึ้นมาฝึกฝนเหมือนเดิม
……
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกช่วงเช้าแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็กลับไปที่ลานเล็กๆของเขาและรับประทานอาหารกลางวันเพียงลำพังอย่างเงียบๆ
เมื่อหวนคิดถึงค่ำคืนอันแสนวิเศษเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองห้องนอนของตัวเอง เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัวด้วยความเศร้าโศกไม่รู้ว่าการพบกันครั้งต่อไปท่าทีของนางจะเป็นเช่นไร
แม้ว่าหลี่หงตู้จะอนุญาตให้เอี้ยนลี่เฉียงหยุดพักในวันนี้ แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็พบว่าความคิดของเขาวนเวียนไปมาและไม่สามารถรวบรวมสมาธิกลับมาได้
ทันใดนั้น ใบหน้าของนักพรตวัยกลางคนก็ปรากฎขึ้นสมองของเขา หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต้นระรัวเมื่อเขานึกถึงการพบกับนักพรตและหัวข้อที่พวกเขาสนทนากันไม่กี่วันที่แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนี้เอี้ยนลี่เฉียงก็อดใจรอไม่ไหว เขาต้องการที่จะไปพบกับนักพรตคนนั้นทันที
……