337 - ผู้บุกรุก
337 - ผู้บุกรุก
หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงแน่นขึ้นทันทีที่เขาได้ยินแผนการของลู่เปียนที่จะย้ายมายังเมืองหลวงทำให้เขาตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าพยายามจะพูดอะไรลี่เฉียง?” ลู่เปียนจ้องที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยสายตาแปลก ๆ
เอี้ยนลี่เฉียงสงบลง จากนั้นเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“กำลังจะมีการปะทะกันของผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงภายในเวลาไม่กี่ปีนี้ พี่หกควรเอาตัวออกห่างจากที่นี่สักระยะเวลาหนึ่ง!”
"แน่นอน!" ลู่เปียนพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรออีกสักระยะค่อยวางแผนก็แล้วกัน ในอีกหลายปีข้างหน้าลูกชายของข้าจะเติบโตจนเหมาะสมที่จะเข้าศึกษาในนิกายภูเขาวิญญาณ
เจ้ารออยู่ที่นี่สักครู่ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าพ่อของเจ้าฝากของมาให้…”
ขณะพูดลู่เปียนก็ลุกขึ้นและไปที่ห้องถัดไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมพัสดุสำหรับเอี้ยนลี่เฉียงอีกครั้ง
เอี้ยนลี่เฉียงเปิดพัสดุ เผยให้เห็นตั๋วแลกเงินสองแผ่นจากสำนักการเงินต้าถง แต่ละใบมีมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึง นอกจากนั้น ยังมีเสื้อกันหนาวอีกสองชุดและกระป๋องที่ปิดสนิท…
“พ่อของเจ้ากังวลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเจ้าในเมืองหลวง เขากลัวว่าเจ้าจะไม่มีเงินพอใช้ หรือไม่ได้ทานอาหารดีๆ เขากลัวว่าเจ้าจะคิดถึงบ้านจึงฝากปลาเค็มกระป๋องมาให้อีกด้วย”
เมื่อมองดูสิ่งที่ลู่เปียนนำมาตลอดทางที่นี่และนึกภาพใบหน้าที่กังวลอย่างลึกซึ้งของพ่อของเขา เอี้ยนลี่เฉียงก็มีน้ำตาไหลซึมออกมาเล็กน้อย
………
อาหารเย็นของเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเนื้อแกะย่างทั้งตัวซึ่งเป็นอาหารเลื่องชื่อของแคว้นกาน
นอกจากลู่เปียนและผู้จัดการหยูแล้ว คนหลังยังเชิญคนอีกสามคนมาร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา พวกเขาทั้งหมดมาจากแคว้นกานและทำธุรกิจขนาดเล็กในเมืองหลวง
หนึ่งในนั้นคือพ่อค้าหนังและขนสัตว์แซ่อู๋ อีกคนหนึ่งเป็นพ่อค้าไม้แซ่หลิว และพ่อค้าสมุนไพรแซ่เหวิน หนัง ขนสัตว์ และสมุนไพรล้วนเป็นสินค้าเลื่องชื่อของแคว้นกาน
ในยุคนี้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ห่างจากบ้านมักจะอยู่ด้วยกัน ผู้ที่มาจากนิกายเดียวกัน แคว้นเดียวกัน หรือเมืองเดียวกันนั้นจะเข้ากันได้ง่ายที่สุด
นั่นจึงเป็นการสร้างเครือข่ายสังคมที่ซับซ้อน เอี้ยนลี่เฉียงไม่ชอบความคิดนี้เป็นพิเศษ แต่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความคิดนี้ได้
หลังจากที่รู้ถึงตัวตนของเอี้ยนลี่เฉียง ทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะอาหารต่างก็ให้ความเคารพเอี้ยนลี่เฉียงมากขึ้น พวกเขายังพยายามประจบประแจงเอี้ยนลี่เฉียงเล็กน้อย
ถึงกระนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ยังคงถ่อมตน และแสดงความสุภาพต่อคนจากแคว้นกานโดยไม่มีความเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย
เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยรู้สึกว่าสถานะของเขาในฐานะผู้บัญชาการหยิงหยางในหน่วยทหารม้าของจักรวรรดินั้นพิเศษมาก่อนจนกระทั่งได้พูดคุยกับคนเหล่านี้
หลังอาหารเย็นวันนี้เท่านั้นที่เขาตระหนักว่าสถานะของเขาไม่ได้พิเศษเฉพาะในสายตาของคนเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังน่าทึ่งมากสำหรับพวกเขา
ตามคำอธิบายของผู้จัดการหยู มีเพียงสามคนจากแคว้นกานเท่านั้นที่สามารถรับราชการในเมืองหลวงและมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าเขา
ในบรรดาสามคนนี้ หนึ่งในนั้นคือรองเจ้ากรมโยธาธิการในสังกัดกลาโหม โดยถือเป็นขุนนางระดับห้าแซ่หวัง
อีกคนหนึ่งเป็นรองผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการพระราชวังที่เป็นขุนนางระดับหกแซ่เฉิง อีกคนคือผู้ช่วยเจ้ากรมเสนารักษ์กลาโหมเป็นขุนนางระดับหกแซ่หม่า
บุคคลทั้งสามนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวแคว้นกาน พวกเขาไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเกิดของตัวเองเท่านั้นแต่ยังสร้างชื่อเสียงให้กับแคว้นกานอีกด้วย
แม้กระทั่งผู้จัดการหยูก็ยังต้องอาศัยการที่เป็นคนแคว้นกานด้วยกันเพื่อจะมีโอกาสใกล้ชิดคนพวกนี้ และทำการส่งของขวัญไปทุกเทศกาลเป็นเงินจำนวนไม่น้อยอีกด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงกลายเป็นชาวแคว้นกานคนที่สี่ที่ที่สามารถสร้างชื่อในเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะตำแหน่งเล็กสุดแต่ต้องไม่ลืมว่าเขาอายุเพียงสิบสี่เท่านั้น
เขายังเด็กแต่ก็ได้เป็นถึงขุนนางระดับแปดแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงไกล ในตอนที่เขาอายุยี่สิบกว่า บางทีอาจจะเป็นถึงขุนนางระดับหกระดับเจ็ดเลยก็ได้
เมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วเอี้ยนลี่เฉียงก็ตระหนักว่าหากเขาไม่ได้สร้างความสัมพันธ์กับซูนปิงเฉินและสร้างผลงานเล็กน้อยระหว่างมาเมืองหลวงมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีความสะดวกสบายอย่างนี้
ในความเป็นจริงหากไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางบางทีตอนนี้เขาอาจจะกำลังเกี่ยวหญ้าเลี้ยงม้าอยู่ก็ได้
เมื่ออาหารเย็นจบลงทุกคนก็แยกย้ายกันจากไปด้วยความร่าเริง
เนื่องจากมันมืดแล้ว ผู้จัดการหยูจึงยืนยันที่จะส่งเอี้ยนลี่เฉียงกลับไปที่คฤหาสน์กวางด้วยรถม้าของศาลาชุมนุมประจำแคว้น เอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอเช่นกัน
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงขึ้นรถเมื่อผู้จัดการก็ยื่นกล่องบางอย่างให้กับเขา
“น้องชาย นี่คือของขวัญแสดงความยินดีของข้าและคนอื่นๆที่เจ้าได้เป็นถึงผู้บัญชาการหยิงหยางกองทหารม้าของจักรวรรดิ! เจ้าคือความภาคภูมิใจของแคว้นเราโปรดอย่าได้รังเกียจ!”
เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของห่อเล็กๆในฝ่ามือของเขาจริงๆ แต่เขารู้อย่างแน่นอนว่าของสิ่งนี้ต้องมีมูลค่ามากมายมหาศาลอย่างน้อยก็ต้องพันตำลึงขึ้นไป
หลู่เปียนยืนอยู่ข้างๆและยิ้มอย่างลึกลับ
“ขอบคุณพี่หยู ลี่เฉียงจะจดจำน้ำใจครั้งนี้ไว้!” เอี้ยนลี่เฉียงรับกล่องใบนั้นมา
“ข้าพักอยู่ในคฤหาสน์กวาง หากพวกท่านต้องการพบข้าสามารถไปที่นั่นแล้วแจ้งต่อทหารยามได้ตลอดเวลา!”
รอยยิ้มที่รู้ใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้จัดการหยูและเจ้าของร้านคนอื่นๆ
หลังจากแลกเปลี่ยนความเพลิดเพลินกันอีกเล็กน้อย พวกเขาก็ส่งเอี้ยนลี่เฉียงออกจากศาลาชุมนุมประจำแคว้นด้วยรถม้า
…..
“พี่ลู่ น้องลี่เฉียงมีภรรยาอยู่ที่แคว้นผิงซีหรือเปล่า”
หลังจากที่เจ้าของร้านคนอื่นๆจากไปแล้วผู้จัดการหยูจึงดึงลู่เปียนไปด้านข้างและกระซิบคำถามกับเขา
คำถามนี้เป็นความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลลู่ เมื่อลู่เปียนได้ยินคำถามของผู้จัดการหยู เขาก็ถอนหายใจภายใน แต่ยังคงยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านมีแผนการอะไรหรือ”
ผู้จัดการหยูหัวเราะ
“น้องลี่เฉียงเป็นคนมีอนาคตไกล ไม่ว่าผู้ใดได้เกี่ยวดองด้วยก็มีแต่จะเป็นช่วงวาสนา
ท่านก็รู้ดีว่าภรรยาของข้ามาจากตระกูลจง ในขณะที่น้องภรรยาของข้าได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามที่สุดของแคว้นกาน ท่านคิดว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้คบหากันหรือไม่…”
"เข้าใจแล้ว!" ลู่เปียนพยักหน้า “น้องลี่เฉียงยังไม่มีภรรยา แต่…”
"แต่…?"
“น้องลี่เฉียงมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกฝีมือเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงบอกว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานและจะอุทิศตนให้กับการฝึกฝนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!” ลู่เปียนตอบด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย
…
เอี้ยนลี่เฉียงกลับมาที่ลานเล็กๆของเขา เขาเริ่มสำรวจพื้นที่ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่ามีใครบางคนแอบเข้ามาในบ้านของเขา
ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์กวางไม่มีใครกล้าที่จะทำเรื่องไร้มารยาทอย่างนี้แน่นอน ต่อให้เป็นหลิวกงกงและขันทีน้อยของเขาก็ไม่มีทางเข้ามาที่นี่ก่อนที่เขาจะอนุญาต
คนคนนี้เป็นใครกันแน่?
ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลิ่นเลือดจางๆก็ลอยเข้ามาในจมูกของเขา เขามองไปทั่วห้องแล้วจึงหยิบดาบเล่มหนึ่งมาถือไว้จึงค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบนด้วยความระมัดระวัง
เพียงขึ้นไปชั้นบนเขาก็พบผู้บุกรุกทันที ผู้บุกรุกคนนั้นสวมชุดดำนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น รอบๆร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
เอี้ยนลี่เฉียงไม่กล้าเข้าใกล้ผู้บุกรุกโดยตรงเพราะกลัวว่าจะเป็นกับดัก ดังนั้นเขาจึงใช้ดาบของตัวเองเขี่ยร่างกายของคนคนนั้นเบาๆ…
ทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามของผู้บุกรุกก็เปิดเผยต่อเอี้ยนลี่เฉียง
ไม่คิดว่าผู้บุกรุกคนนี้จะเป็นเทพธิดากระบี่ฮั่วหรูเสวี่ย…