209-210
11/12
Ep.209
“แถวๆนี้ไม่ค่อยมีซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์อยู่รวมกันเป็นคลื่นเลย … แต่มีอยู่ที่นึงที่น่าจะมีพวกมันรวมตัวกันมากกว่า 10,000 ตัว” กล่าวถึงจุดนี้ หานคุนคล้ายเริ่มลังเลเล็กน้อย เขาเงียบไปชั่วคราว
มองไปยังสีหน้าท่าทีของหานคุนที่ดูจริงจังขึ้นมา ซูเฉินกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “พี่หาน ทำไมถึงเงียบไป สถานที่นั้นคือที่ไหน?”
เดิมหานคุนไม่อยากกล่าวเพราะสถานที่แห่งนั้นอันตรายเกินไป แต่เมื่อลองย้อนนึกถึงความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงของซูเฉิน เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป กล่าวตามตรงว่า “เมืองอี้เถียน มีซอมบี้เป็นหมื่นตัวรวมกันอยู่ที่นั่น”
“เมืองอี้เถียน …” ซูเฉินทวนคำ ในสมองทบทวนถึงแผนที่ภูมิประเทศของเกาะเฉียนหยู
แล้วเขาก็จดจำได้อย่างรวดเร็ว ว่ามีสถานที่เช่นเมืองอี้เถียนจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เมืองอี้เถียนเป็นเพียงสถานชุมชนขนาดเล็ก เล็กกว่าสถานชุมชนเฝิงซีด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดจึงมีซอมบี้อยู่มากมายขนาดนั้น?
“พี่หาน ในเมืองอี้เถียนมีซอมบี้เยอะขนาดนั้นจริงๆน่ะหรือ?” ซูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย
หานคุนพยักหน้าอย่างแรงเพื่อยืนยัน “เมื่อสองสามปีก่อน พ่อเคยพาฉันไปที่นั่นครั้งหนึ่ง และนั่นคือจำนวนซอมบี้ที่ฉันเห็นกับตา”
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาเขาค่อยๆหรี่แคบลง
ในเมื่อมีซอมบี้จำนวนมากอยู่ในเมืองอี้เถียน ถ้างั้นพรุ่งนี้เขาจะออกเดินทางไปล่า
“เฮียซู เฮียจะไปล่าซอมบี้งั้นหรอ?” สีหน้าของหานคุนดูกังวล
ซูเฉินพยักหน้า
“เฮียซู ซอมบี้ในเมืองอี้เถียนไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น” หานคุนเงียบไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยปาก
แม้เขาจะรู้ว่าซูเฉินแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นตัดสินใจว่าจะอธิบายสถานการณ์ของเมืองอี้เถียนให้ฟัง แบบนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเกลี้ยกล่อมซูเฉิน
หากซูเฉินยังยืนกรานที่จะไป อย่างน้อยซูเฉินจะได้เตรียมรับมือล่วงหน้าได้
“ซอมบี้ในเมืองอี้เถียนแข็งแกร่งมากเลยหรือ?” ซูเฉินเลิกคิ้วถาม
หานคุนอธิบายว่า “ซอมบี้ส่วนใหญ่ในเมืองอี้เถียนอยู่ในเลเวล 1 แต่ในบรรดาพวกมัน มีซอมบี้กลายพันธุ์จำนวนมากที่สามารถโจมตีด้วยเวทย์ธาตุต่างๆได้ ประกอบกับเรื่องที่มีจำนวนนับหมื่น ทำให้ไม่มีใครกล้าลองดีกับพวกมัน”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ซูเฉินไม่เพียงไม่ตกใจ ตรงกันข้ามกลับเผยท่าทางยินดีออกมา
จริงๆแล้วสำหรับเขา การสังหารซอมบี้เลเวล 1 มันไม่ต่างจากการสังหารซอมบี้ธรรมดา จะตัวไหนก็ฆ่าได้ง่ายๆเหมือนกัน
ยังไงก็ตามผลประโยชน์ที่จะได้รับจากพวกมัน แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เพราะการสังหารซอมบี้ธรรมดาก็จะได้รับเพียงหินพลังงานธรรมดาเท่านั้น และโอกาสดรอปชิ้นส่วนก็มีไม่มากนัก
ขณะที่การสังหารซอมบี้เลเวล 1 นั่นหมายถึงการได้รับหินพลังงานเลเวล 1 และมีโอกาสดรอปชิ้นส่วนที่สูงกว่า
ด้วยเหตุนี้ ซูเฉินจึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปที่เมืองอี้เถียน
หานคุนลอบสังเกตซูเฉิน เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่เพียงไม่หวาดกลัว แต่ยังรู้สึกตื่นเต้น เขาก็อดลอบร้องในใจไม่ได้ ‘นี่สินะคือมั่นใจในฐานะผู้แข็งแกร่ง’
เขาสูดหายใจลึก เตือนครั้งสุดท้ายว่า “พี่ซู เมืองอี้เถียนไม่ใช่แค่มีซอมบี้ระดับสูงหรือพวกกลายพันธุ์เท่านั้น แต่ที่น่ากลัวที่สุด คือในกลุ่มพวกมัน มีซอมบี้ที่มีสติปัญญาเลเวล 3 รวมอยู่ด้วย”
ซอมบี้ที่มีสติปัญญา ครอบครองความสามารถในการสั่งการซอมบี้ ตรงจุดนี้จะทำให้กำลังรบของฝูงซอมบี้แข็งแกร่งขึ้นมาก
ซูเฉินไม่เห็นด้วยเล็กน้อย มีกระทั่งร่องรอยของความดูถูกบนใบหน้าเขา
ซอมบี้ที่มีสติปัญญาแล้วอย่างไร เขาไม่ใช่แค่เคยเจอพวกมันเท่านั้น แต่ยังเคยฆ่ามาแล้วกับมือ
ไม่ว่าจะจิ่นเฟยซีหรือเจียงเฉิงเฟิงก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ล้วนถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น ซอมบี้ที่มีสติปัญญาตัวนี้ แม้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากในสายตาของผู้อื่น
แต่ในสายตาของซูเฉิน มันเป็นแค่ซอมบี้ระดับสูง ที่สามารถทำลายล้างได้ด้วยฝ่ามือเดียว
ยังไงก็ตาม ซูเฉินเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของซอมบี้ในเมืองอี้เถียน ก็น่าจะมากพอให้อาละวาดไปทั่วเกาะเฉียนหยู
แล้วเหตุใดพวกมันถึงต้องอาศัยอยู่ในสถานชุมชนเล็กๆอย่างเมืองอี้เถียนด้วยเล่า?
เมื่อยังไม่เข้าใจ ซูเฉินเลยเอ่ยถาม “พี่หาน ซอมบี้ในเมืองอี้เถียน ไม่เคยออกไปที่อื่นเลยหรือ?”
12/12
Ep.210
“ถึงจะฟังดูแปลกอยู่บ้าง แต่พวกซอมบี้ในเมืองอี้เถียนไม่ค่อยออกไปไหนนัก ต่อให้มีบ้าง แต่ก็จะถูกส่งออกมาเป็นชุด และมีจำนวนที่น้อยมาก”
หานคุนอธิบายและเตือนว่า “แต่จะยังไงก็ช่าง ตราบใดที่เฮียเข้าไปในเมืองอี้เถียน สุดท้ายเฮียจะถูกฝูงซอมบี้รุมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง”
ได้ยินแบบนั้น สมองของซูเฉินก็เริ่มปั่นความคิด
เขารู้สึกได้ลางๆ ว่าซอมบี้ในเมืองอี้เถียนและซอมบี้ในเหมืองตรงเทือกเขาฮวงเจ๋อ มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกัน
ในกรณีนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเมืองอี้เถียนก็น่าจะมีทางผ่านเขตแดนเช่นกัน?
และซอมบี้ที่นั่นกำลังถูกควบคุมโดยสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่น?
ซูเฉินยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น
ซอมบี้ในเทือกเขาฮวงเจ๋อในเวลานั้น ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าเต่าเขียว ยิ่งคิดก็ยิ่งใช่
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ว่าในเมืองอี้เถียนจะมีสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นอยู่หรือไม่ ซูเฉินก็ยังไม่มั่นใจนัก คงมีแต่ต้องไปค้นหาความจริง จึงจะได้รู้
ต่อมา ซูเฉินก็เลิกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และสนทนากับหานคุนเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น
ระหว่างการสนทนาดำเนินไปอย่างเข้มข้น ซูเฉินพบว่าหานคุนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก แต่ขณะเดียวกันก็มีความรับผิดชอบสูง
อีกทั้งยังมีความสามารถค่อนข้างดี
สถานชุมชนเฝิงซีเป็นแค่เมืองขนาดเล็กไม่โดดเด่น แต่ที่สามารถรักษามันจนอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ท่ามกลางหายนะวันสิ้นโลก
กุญแจสำคัญอยู่ที่การวางแผนและกลยุทธ์ของหานคุนนั่นเอง
เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินค่อนข้างประทับใจหานคุนทีเดียว และตัวหานคุนก็เช่นกัน
เพราะแม้ซูเฉินจะทรงพลังชนิดหาผู้ใดเทียบ ทว่าเขากลับไม่ให้ความรู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
ต้องรู้นะว่า ผู้แข็งแกร่งในวันสิ้นโลกจักเป็นที่เคารพนับถือ
ผู้แข็งแกร่งมักแสดงท่าทีหยิ่งยะโสต่อผู้อ่อนแอ เรื่องแบบนี้หานคุนเจอมาเยอะ
แต่ระหว่างการสนทนากับซูเฉิน เขาไม่รู้สึกแบบนั้นแม้แต่น้อย อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่การแสดงละครแต่อย่างใด
หานคุนถึงขั้นคิดว่า หากไม่ใช่เพราะยังมีห่วงอย่างสถานชุมชนเฝิงซี บางทีเขาอาจขอเข้าร่วมกลุ่มกับซูเฉิน ต่อให้เขาได้รับสถานะเป็นน้องเล็ก ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีมาก
ทุกคนดื่มกินจนอิ่มแปล้ พูดถึงเรื่องราวทางโลกจนดึกดื่น หานคุนค่อยขอตัวแยกจากไป
เนื่องจากต้องรีบไปเมืองอี้เถียนในวันพรุ่งนี้ พวกซูเฉินจึงแยกย้ายกันพักผ่อน
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หานคุนพาคนทั้งเมืองออกมาส่งซูเฉิน ผู้คนมหาศาลรวมตัวกัน ก่อเป็นบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ ราวกับว่าพวกเขากำลังปฏิบัติต่อผู้นำประเทศ
ก่อนออกเดินทาง ซูเฉินมอบเมล็ดพันธุ์ให้แก่หานคุนสองเมล็ด
[เมล็ดพันธุ์ต้นขนมปัง] และ [เมล็ดพันธุ์ต้นแอปเปิ้ล]
เขามีเมล็ดพันธุ์เยอะแล้ว ไม่สามารถปลูกใน [พื้นที่เพาะปลูก] ได้ เก็บไว้ก็เสียเปล่า เลยไม่ใส่ใจที่จะมอบให้คนอื่น
เมื่อซูเฉินแจ้งวงจรเวลาออกผลของมัน หานคุนตกใจมาก เกือบก้มกราบกรานซูเฉินในฐานะเทพเจ้า
จากนั้น ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยค ซูเฉินก็ขึ้นรถและจากไป
ล็อคตำแหน่งมุ่งหน้าสู่เมืองอี้เถียน [รถศึกอัจฉริยะ] ขับเคลื่อนด้วยความเร็วเต็มพิกัด
อย่างไรก็ตาม เมืองอี้เถียนยังคงอยู่ห่างไกลจากที่นี่ ต่อให้ [รถศึกอัจฉริยะ] เร่งความเร็วเต็มสูบ ก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปถึง
เมื่อไม่มีอะไรทำ ซูเฉินจึงนำหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 3 ทั้งหมดออกมา และอัพเกรด [รถศึกอัจฉริยะ] เป็นเลเวล 3
หลังจากเลื่อนขั้น พลังป้องกันของรถศึกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มันสามารถต้านทานการโจมตีของสิ่งมีชีวิตเลเวล 3 ได้
นอกจากนี้ ระบบการตรวจจับ , พลังโจมตี และพื้นที่ภายในก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ตาข่ายพายุแม่เหล็กสามารถสังหารซอมบี้เลเวล 2 ได้แล้ว
ขอบเขตการตรวจจับเพิ่มขึ้นจาก 50 กม. เป็น 100 กิโลเมตร
ผลลัพธ์จากการอัพเกรด ซูเฉินค่อนข้างพอใจมาก
จากนั้น เขาละสายตาหันมามองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และเริ่มค้นหาที่อยู่ของซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์
เป้าหมายหลักของเขาคือซอมบี้ในเมืองอี้เถียนก็จริง แต่หากมีซอมบี้ในจำนวนที่น่าพอใจระหว่างทาง แวะไปเคาะประตูหาพวกมันก็ดีเหมือนกัน