ตอนที่3 สิ้นหวัง
9/1/1942 19:00PM. 9/1/1942
ผ่านมาชั่วโมงนึง รถบรรทุกที่ขนชาวบ้านรวมทั้งชั้นกำลังขับขึ้นเหนือ ชั้นไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปไหน ข้างทางก็มืดแทบมองอะไรไม่เห็นเลย จะเป็นอะไรมั้ยนะ
“มีหลายเรื่องที่ยายอยากบอกเธอ ตอนนี้ดูเหมือนถึงเวลาแล้วล่ะมาโกะ”
“เอ๋ เรื่องอะไรเหรอคะคุณยาย”
ยายนั่งอยู่ตรงข้ามกับชั้น ซึ่งกำลังกอดเด็กเล็กที่หลับเอาไว้ คุณยายจะบอกอะไรกับชั้นงั้นเหรอ
“ตั้งแต่สมัยยายยังสาว เกิดเรื่องมากมายในหมู่บ้านเรา หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นสงครามอะไรซักอย่างยายก็จำไม่ได้หรอก แต่ ที่ยายจำขึ้นใจ คือพ่อแม่ของเธอต้องหนีออกไป แล้วทิ้งเธอไว้กับยายนี่แหละ”
“คุณยาย จะบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และส่งผลถึงตัวหนูและพ่อแม่อย่างงั้นเหรอคะ”
“ถ้าให้ยายตัดสิน ยายว่าใช่ การต่อสู้แบบนี้มันคล้ายกับวันนั้นมากจนยายกลัวเลยล่ะ”
คุณยายพูดพลางลูบหัวกล่อมเด็กในอ้อมกอด เดี๋ยวสิ ที่ชั้นถูกทิ้งเพราะสงครามงั้นเหรอ จนตอนนี้สงครามยังไม่จบอย่างงั้นเหรอ นี่ชั้น ยังคิดว่ามันกำลังเริ่มได้ยังไงกัน พ่อแม่ชั้น พวกเขาอยู่ไหนกัน...
“ถ้าจำไม่ผิด พอพ่อแม่เธอหายไปไม่นาน ทุกอย่างก็สงบลงไปเลย แล้วก็เพิ่งจะมายิงกันก็วันนี้แหละ”
“อย่างงั้นเหรอคะ...”
ชั้นก้มหน้าลง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนแทบจะหยุดหายใจ ชั้นคิดถึงพ่อแม่ ถึงจะจำหน้าตาไม่ได้ก็เถอะ แต่พอยายพูดถึงขึ้นมา ชั้นก็คิดถึงไปซะเองเลย
รถยังคงวิ่งขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ข้างทางมีแต่ต้นไม้และก้อนหิน ชั้นไม่เคยมาทางนี้มาก่อน มันคงเป็นทางบนภูเขาที่จะเข้าเมืองหลวงล่ะมั้ง
“วันนี้เธอคงเหนื่อยมากแล้วสินะ หลับเถอะ เดี๋ยวมีอะไรยายจะปลุกเองนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณยาย”
จริงอย่างที่ยายบอก ชั้นรู้สึกเพลีย อ่อนล้าแบบสุดๆ บางทีชั้นควรหลับซักงีบเพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินทางต่อ และ ฆ่าเวลาระหว่างเดินทางด้วยล่ะนะ
ชั้นนั่งพิงผ้าใบที่ขึงจากเหล็กของกระบะรถ หลับตาลงช้าๆ แล้วหลับไป...
?? /?? /?????? :??
‘ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้!’
‘ด...เดี๋ยวสิคะคุณ แล้วลูกเราล่ะ ถ้าเราโดนจับตอนนี้จะทำยังไงคะ’
‘...เอาไงดีล่ะ’
“...เอ๋?”
ชั้น...ชั้นอยู่ที่ไหน เรามาถึงแล้วเหรอ...ไม่สิ...ชั้นอยู่ไหนกันแน่
‘อุ้มมาก่อน ผมคิดอะไรได้แล้ว’
‘ค่ะ’
ชายหญิงคู่นี้เป็นใคร แล้วทำไมเขาอุ้มชั้นได้ล่ะ ชั้นสูงตั้ง161เลยนะ...
?? /?? /1928?? :??
‘อยู่มาตั้งหลายสิบปี จนปี1928นี้หมู่บ้านจะพังอยู่แล้ว จะมาที่นี่อีกทำไมกัน’
‘ผมขอล่ะครับคุณป้า ผมไม่อยากให้ลูกต้องโดนจับไปด้วย ได้โปรด รับลูกเราไว้ด้วยเถอะนะครับ!’
ชายคนนั้นวางชั้นไว้ข้างๆ กำลังพูดอะไรบางอย่างพร้อมก้มคำนับแทบเท้าคุณป้าคนหนึ่ง...แต่...ไม่จริง ปีนี้ไม่ใช่1928 ปีนี้ 1942 14ปีผ่านมาเลยนะ...
...หรือว่า...นี่จะเป็นความฝัน...ฝันในความทรงจำของชั้นงั้นเหรอ...งั้นสองคนนี้ก็...
‘พ่อ...แม่...’
‘ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่กับพ่อจะไม่ลืมลูกแน่ อยู่ที่นี่กับคุณป้าไปก่อนนะ แม่จะกลับมาหาลูกแน่ๆ จะ’
‘สัญญานะคะ’
‘จ้า แม่สัญญา’
เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ชั้นกำลังฝัน แม่กำลังลูบหัวและกอดชั้นอยู่ ชั้นกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมพ่อแม่ต้องรีบร้อนแบบนี้ สงคราม...คุณยายบอกว่าสงครามลามมาจนพ่อแม่ชั้นต้องฝากไว้ที่บ้านรับเลี้ยงเด็ก อย่างงั้นเองเหรอ...
.........................................
...................................................................
..............................................................................................
07:42PM.
‘คลืดดดดด’
“ทุกคนหมอบลง!!”
“...อ...!”
จู่ๆ รถบรรทุกก็เบรกอย่างกะทันหันพร้อมเสียงตะโกนที่ดังสนั่นจนชั้นตื่นจากความฝัน เกิดอะไรขึ้น เราหยุดทำไมกัน
‘ปังๆๆๆๆ!!!’
‘ตูม!!!!’
เสียง...เสียงปืนกับระเบิดดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แย่แล้วสิ! เราถูกโจมตีงั้นเหรอ
“ทุกคนโดดลงจากรถแล้ววิ่งกลับไปเร็วเข้า!”
‘ปังๆๆๆๆ!!’
“อ...อ๊ากกก!”
เสียงตะโกนของคนหลายคนดังปะปนกับเสียงปืนที่รัวอย่างไม่หยุดหย่อน ผู้คนต่างรีบวิ่งย้อนกลับไปที่รถถังที่ปิดท้ายขบวน ซึ่งบางคนก็ถูกยิงจนล้มตายไป บางคนก็เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่บนรถ ทั้งเด็กๆ และคุณยายก็เช่นกัน ไม่ได้ๆ ชั้นต้องรีบพาทุกคนออกไปให้ไกลที่สุด
“ทุกคนฟังชั้น! เราต้องออกจากรถ เอาล่ะ ตามชั้นมาเร็ว!!”
“ครับ/ค่ะ!”
เด็กๆ ที่ตกใจอยู่ต่างรีบวิ่งตามชั้นลงมา พร้อมวิ่งไปที่รถถังอย่างรวดเร็ว
“อย่าวิ่งตรงๆ วิ่งซิกแซ็กไว้!”
ถ้าเอาแต่วิ่งตรงๆ ล่ะก็โดนยิงแน่ ชั้นจึงตะโกนสั่งให้เด็กๆ และชาวบ้านบางคนได้รับทราบแล้วทำตาม ผลที่ออกมาก็ถือว่าดีกว่าเมื่อกี้ คนโดนยิงลดลงไปมา ชั้นช่วยทุกคนได้ซักนิดก็ดีแล้วล่ะ
“มาโกะ! ปลอดภัยดีใช่มั้ย!!”
“คาซูโอะคุง ชั้นไม่เป็นไร ตอนนี้พาทุกคนหาที่หลบก่อนดีกว่าค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ไปเร็ว เราจะจัดการเอง!”
คาซูโอะกระโดดลงมาจากรถถังของอเมริกา ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงชั้นมาก ไม่เป็นไรหรอก แต่ชาวบ้านอาจไม่ ยังไงตอนนี้ทุกคนก็หนีมาได้จนหมดแล้วล่ะ
เสียงปืนและระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทุกคนก็หลบอยู่ในป่าบ้าง ในรถถังบ้าง ซึ่งตอนนี้เองก็มืดมาก จึงทำให้เราทุกคนรอดจากการยิงปะทะได้ง่ายๆ เลยล่ะ ว่าแต่ทำไมพวกศัตรูถึงมาโจมตีล่ะ ทั้งที่นี่เป็นรถอพยพไม่มีพิษภัยอะไรแท้ๆ พวกมันจะจู่โจมไม่เลือกเลยรึไงนะ
07:56PM.
“เคลียร์...”
“ตรวจสอบความเสียหาย นับจำนวนประชาชนด้วย!”
ผ่านมาหลายนาที เสียงปืนก็สงบลงแล้ว ทุกอย่างเงียบลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เหล่าทหารก็เร่งให้ความช่วยเหลือพร้อมจัดการเรื่องศพของชาวบ้านและทหารด้วยกัน รวมถึงตรวจสอบความเสียหายของรถบรรทุกด้วย เรียกได้ว่าละเอียดรอบคอบจริงๆ เลย
เท่าที่ชั้นดูด้วยสายตา รถบรรทุกพังจนไม่สามารถขับต่อได้3คัน ผู้คนตายไปมากกว่า20คน แต่ไม่น่าเกิน40คน เด็กๆ และคุณยายปลอดภัยดี แปลกที่ยายยังวิ่งไหว แข็งแรงจริงๆ เลยล่ะน้า
“คุณยาย ไม่เป็นไรนะคะ”
“โอยๆ แค่นี้ยังสบายจะ แต่ให้วิ่งมากกว่านี้ก็คงไม่ไหวหรอกนะ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะค่ะ เด็กๆ ก็ไม่เป็นอะไรกันนะจ๊ะ”
“เราเป็นอะไรหรอกครับพี่เมด”
จริงๆ เลยนะ เพราะชั้นไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด ชั้นเลยต้องใส่ชุดแบบเมดที่มีคราบเลือดอยู่แบบนี้ไปก่อนล่ะนะ ว่าแต่คาซูโอะไปอยู่ที่ไหนกัน จะเป็นอะไรรึเปล่านะ
“อยู่นี่นี่เองมาโกะ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคนดี”
“ค่ะ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณล่ะคะ”
“ชั้นไม่เป็นไรเหมือนกัน ดีแล้วล่ะนะ ว่าแต่ ผ้ากันเปื้อนนั่นมีแต่เลือดเต็มไปหมด ไม่เปลี่ยนหน่อยเหรอ”
“หนีตายกันมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีเวลาจะเปลี่ยนหรอกค่ะ”
“ฮ่ะๆๆ ก็นะ วุ่นวายกันไปหมดเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ”
เราคุยกันพลางหัวเราะจนลืมเรื่องเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ แม้ว่าคุณยายจะแอดดูแล้วอมยิ้มอยู่ก็ตาม ชั้นก็อยากมีความสุขบ้าง ให้โอกาสได้คุยแบบสนุกบ้างเถอะ
“ขออนุญาตครับ ร้อยเอกคาซูโอะใช่มั้ยครับ”
ขณะที่เรากำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน นายทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาถามหาคาซูโอะซะงั้น มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่านะ
“อ่า ใช่ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ผม ร้อยตรีมาคุ (Maku) มีหนังสือด่วนมาถึงคุณ ให้ไปประจำการที่กองบินZERO ที่1 ขอให้มากับผมในทันทีครับ”
“ต้องไปจริงๆ แล้วสินะ ตกลง ผมจะไปกับคุณร้อยตรีมาคุ”
“ครับ”
กองบิน...เอ๋! ...คาซูโอะ...เป็นนักบินอย่างงั้นเหรอเนี้ย!! ม...ไม่อยากเชื่อเลยนะเนี้ย!
“พี่ชายเป็นนักบินเหรอครับ! เท่จังเลย!!”
“ไม่หรอกๆ พี่ทำตามหน้าที่น่ะ”
“ได้ขับ ZERO ด้วยใช่มั้ยครับพี่ชาย ผมอยากจะเป็นแบบพี่บ้างจัง!”
“ไว้โตกว่านี้แล้วก็มาสมัครเลย ถึงวันนั้นพี่จะรอนะ”
“อื้ม!!”
“อ๊ะๆๆ ไม่อื้ม ทราบครับ ต้องพูดทราบ เข้าใจมั้ยทหาร”
“ครับ! ทราบครับ!”
พอทหารคนนั้นมาบอกว่าเขาทั้งสองเป็นนักบิน เด็กผู้ชายหลายคนก็รีบวิ่งเข้ามาถามโน่นนี่ คงเพราะคิดว่าเป็นทหารแล้วจะเท่ ได้บินเครื่องบินZERO แบบที่เคยเห็นงั้นล่ะมั้ง เด็กหน่อเด็ก ไม่รู้ถึงความเป็นความตายเลยรึไงนะ
แต่ คาซูโอะต้องไปแล้วงั้นเหรอ ทำไมเวลาจะได้คุยกันจริงจังต้องมีอะไรมาขัดตลอดเลยนะ แล้วจะไปนานแค่ไหน จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่กันนะ
“เฮ้ๆ ได้ไปบินจริงแล้วเหรอเพื่อน ยินดีด้วยนะ”
“ไปเกินหน้าเกินตาเลยนะ พ่อร้อยเอก”
“ฮ่ะๆๆ ไม่หรอกน่าๆ เดี๋ยวพวกนายก็ได้ไปบินเหมือนกันแหละ เชื่อสิ”
ทาโมะและซาไค เพื่อนที่สนิทที่สุดของคาซูโอะก็มาแสดงความยินดีด้วย ไม่น่าแปลกใจนักหรอก ก็เพื่อนกันนี่เนอะ
“โอ้ ดูเหมือนแฟนนายจะอยู่ด้วยนะ เป็นไง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“อาๆ งั้นนายไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวผบ.จะทำโทษเอานะ ส่วนเรื่องแฟนนาย ให้พวกชั้นช่วยพาเข้าเมืองต่อก็ได้”
“เออ ฝากด้วยนะ ไปกันเถอะร้อยตรีมาคุ”
“ครับ”
ทั้งคุณมาคุและอาซูโอะเดินไปขึ้นรถจี๊ปทหาร แล้วขับเร่งลงใต้ กลับสู่เมืองฮิโรชิมาอีกครั้ง คงจะไปค่ายกองบินล่ะมั้ง
ถึงชั้นจะไม่ได้ถามถึงความหวังที่จะได้เจอกันอีก แต่ชั้นก็รู้ดีอยู่แล้วว่ายังไงซะ เราจะได้เจอกันอีกแน่นอน ชั้นคิดแบบนั้นพร้อมดูรถที่เขานั่งกำลังวิ่งไกลออกไปจนลับสายตา
“เอาล่ะ ไปกันต่อได้แล้ว ไม่งั้นอาจโดนโจมตีอีกรอบนะ”
“ค่ะ เราจะไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้”
ทหารคงไม่อยากให้เกิดการปะทะ จึงอยากให้ไปถึงเมืองโดยเร็วที่สุด ว่าแต่...เรากำลังรบกับใครอยู่กันนะ...ถ้าไม่ใช่สงครามระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศอื่น แล้วจะเป็นอะไรกันล่ะ ชั้นสงสัยมากจนแทบอยากไปดูศพของทหารฝั่งนั้นให้รู้จริงๆ
09:00PM.
สามทุ่มตรง ชั้นนั่งอยู่ตำแหน่งเดิมบนรถคันเดิม เพราะชั้นคิดมาก ชั้นเลยหลับไม่ลงซะงั้น บางทีชั้นควรหยุดคิดเรื่องทั้งหมดแล้วพักร่างกายให้มากพอซะแล้ว
ข้างทางยังคงมีแต่ป่า ต้นไม้ ดิน หิน ยังคงอยู่ในระยะสายตาของข้างทาง รถทุกคันก็กำลังแล่นต่อไป แต่เหมือนจะเร็วขึ้นนิดหน่อย คงขับมาถึงยอดเขาแล้วมั้ง ถ้าตอนลงเขาล่ะก็ คงไม่เร็วมากนักหรอก เดี๋ยวตกเขากันพอดี
“พี่จ๋า หนูหนาวจังเลย...”
“มานี่มา คลุมตัวด้วยผ้าห่มนี่ไว้นะ”
มีเด็กคนนึงกำลังหนาวสั่น ชั้นก็พอจะช่วยได้ด้วยผ้าห่มที่ติดตัวชั้นอยู่ บรรยากาศตอนนี้มืดไม่พอ อากาศยังหนาวลงเรื่อยๆ โชคดีที่หิมะไม่ตก ไม่งั้นรถคงช้ากว่านี้จนอาจหนาวตายกันหมดก็ได้
“Hey hey! Incoming!!”
“หยุดรถก่อน!”
“...เอ๋”
จู่ๆ ทหารอเมริกาก็ตะโกนอะไรบางอย่าง พร้อมคำสั่งหยุดรถ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ
‘วี๊ดดดดดด!’
‘ตูม!!’
“วิ่งงงง!!”
อ...อะไรน่ะ! มีกระสุนหรืออะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาหารถถังจนส่วนของป้อมปืนระเบิดหลุดกระเด็นออกไปไกล ชั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว!
“ทุกคนลงจากรถเดี๋ยวนี้ แล้ววิ่ง วิ่งเข้าป่าไปเร็วเข้า!!”
ทหารรีบลงจากรถพร้อมติดอาวุธ ทุกคนวิ่งเข้าประจำตำแหน่งและยิงกระหน่ำย้อนทางไป ทางฝั่งนั้นเองก็ยิงส่วนกลับมาเช่นกัน คราวนี้ชั้นว่าเราเสียเปรียบอย่างมาก เพราะไม่มีรถถังแล้ว กำลังของเราก็ขาดไปมากเช่นกัน เราจะทำยังไงดีถ้าแพ้ล่ะ...เราจะตายกันหมดงั้นเหรอ...
ตอนนี้จะคิดมากไม่ได้ ชั้นต้องรีบพาทุกคนเข้าป่าโดยเร็วที่สุด แม้โอกาสรอดจะน้อย แต่ก็ต้องลองเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะ!!
“เด็กๆ ลงจากรถแล้วเข้าป่าไปเดี๋ยวนี้!”
“ครับ/ค่ะ!!”
“เดี๋ยวสิมาโกะ ถ้าทำแบบนั้นเราจะหลงกันนะ!”
“ไม่เป็นไรค่ะยาย ตอนนี้เราต้องเอาตัวรอดให้ได้ก่อน เดี๋ยวเรื่องนั้นเราค่อยว่ากันค่ะ!”
ชั้นอุ้มเด็กลงจากรถทีละคนสองคนจนหมด เด็กๆ ต่างก็วิ่งกระจายเข้าป่าแบบไม่คิดชีวิต คนสุดท้ายที่จะลงคือชั้นเท่านั้น...จริงสิ...คุณยายจะไหวมั้ยนะ
“ยายคะ ขี่หลังหนูค่ะ หนูจะพาหนีเอง”
“จ่ะๆ”
คุณยายรีบขี่หลังชั้นอย่างรวดเร็ว เสียงชั้นที่พูดตอนนี้แทบไม่ได้ยินอะไรเลย เสียงปืนและระเบิดดังกลบเสียงตะโกนของชั้นหมด การสื่อสารของชั้นกับยายเลยลำบากมาก แต่ก็พอจะรู้เรื่อง ดีแล้วล่ะนะ
ทุกคนลงหมดแล้ว ชั้นมองดูจนแน่ใจแล้วโดดลงจากรถทันที แม้ยายจะไม่หนัก แต่ก็วิ่งลำบากพอตัว ข้างหน้าชั้นมีแต่ป่าเต็มไปหมด นั่นคือโอกาศรอดของทุกคน ใช่ ชั้นรีบวิ่งอย่างทุลักทุเลเข้าป่าอย่างรวดเร็ว ชั้นตกใจกลัวมากจนขนาดรถที่ชั้นนั่งเมื่อกี้ระเบิดแล้วชั้นยังไม่รู้ตัวเลย คงเป็นโชคดีที่ชั้นโดดลงมาทันล่ะนะ
“ไปทางไหนดีล่ะ...มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด...”
“ใช้หัวใจสิ ตามเสียงหัวใจของเธอจะช่วยได้”
“ค...ค่ะคุณยาย”
ยายนี่นะ เสียงหัวใจอะไรกันล่ะ ทางที่ดีต้องเข้าป่าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะหนีได้ ทางข้างหน้าจะเป็นอะไรชั้นไม่รู้ เราทุกคน เด็กๆ ทุกคน ขอให้ปลอดภัยนะ
9:20PM.
ความหนาวเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วป่า ชั้นอ่อนล้าและหนาวสั่นไปหมด ถ้ามีที่ให้พักบ้างคงดีกว่านี้แน่...ลองหาอะไรมาเป็นที่พักบ้างจะเป็นอะไรมั้ยนะ
ชั้นหยุดเดินแล้วหาต้นไม้ใหญ่ๆ เพื่อวางยายให้นั่งพิงรอ แล้วชั้นจึงนั่งข้างๆ ยายพร้อมกอดยายไว้ เพราะชุดของชั้นเป็นผ้าฝ้าย คงพอให้ยายอุ่นขึ้นบ้างนะ
“หนูเอ้ย ยายแก่มากแล้ว ไม่ต้องช่วยยายขนาดนี้หรอก ทิ้งยายไว้ที่นี่เถอะ”
“ม...ไม่ได้นะคะ! หนูทิ้งยายไม่ได้หรอกค่ะ”
“มาโกะ ยายอายุมากจนจะตายวันตายคืนอยู่แล้ว เธอก็ยังเด็ก เพิ่งจะได้ 17เองนะ เธอยังต้องอยู่ต่อไป อนาคตของเธอ ยังอีกไกล นะมาโกะ ไม่ต้องห่วงยายหรอก”
“คุณยาย...”
อะไรของยายเนี่ย จู่ๆ ก็จะให้ทิ้งคนที่คอยดูแลเลี้ยงดูชั้นมาตั้งแต่เด็กอย่างงั้นเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก...ใครจะทิ้งคุณยายไว้ล่ะ...ไม่เอาน่า...ชั้น...ร้องไห้งั้นเหรอ...
ชั้นกอดคุณยายแน่น และร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ ชั้นไม่อยากจะทิ้งยายไว้เลย ชั้นควรทำยังไงดีล่ะ ถ้าช่วยยายไปด้วยก็อาจตายทั้งคู่ แต่ชั้นก็ทิ้งยายไม่ได้เหมือนกัน...ไม่นะ...คิดอะไรไม่ออก หรือคิดเยอะจนทำอะไรไม่ถูกก็ไม่รู้...
“มีคนตรงนั้น! จับมัน!!”
“แย่แล้ว! คุณยายเราต้องรีบหนีแล้วค่ะ!!”
“ไม่ต้อง ทิ้งยายไว้ หนีไปซะ ไป!!”
“ม...ไม่ค่ะ...!”
มีเสียงใครบางคนหรือบางกลุ่มกำลังมาทางนี้ และเหมือนพวกมัจะเห็นชั้นกับยายเข้าแล้ว ชั้นต้องรีบ รีบพายายออกไปจากที่นี่!
‘เปี๊ยย!’
“อ...!”
“ไป...ซะ!!”
คุณยายตบหน้าชั้นอย่างแรงจนหน้าหัน พร้อมบอกให้ชั้นไปจากที่นี่คนเดียว คุณยายถึงกับตบแบบนี้ ชั้นก็คงต้องทำอย่างที่ยายว่าแล้วล่ะ แม้ชั้นจะไม่อยากทำ แต่เมื่อเป็นแบบนี้...ขอโทษนะคะที่หนูช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว เราคงได้เจอกันอีกนะคะ...
ชั้นกอดลายายเป็นครั้งสุดท้าย แล้วรีบวิ่งไปในป่าลึก ลึกเข้าไปเรื่อยๆ วิ่งเข้าไปจนหมดแรงลง ชั้นเหนื่อยมาก จนชั้นสะดุดรากไม้แล้วล้มลงไปกองกับพื้น ระหว่างชั้นล้ม ชั้นยังได้ยินเสียงคนวิ่งตามอย่างไม่หยุดหย่อน ชั้นอาจไม่รอดแล้วแน่ๆ ทำยังไงดี...!
“เฮ้! มันอยู่นี่!”
“กรี๊ดดดด!!”
มีทหารคนหนึ่งโผล่มาจากหลังต้นไม้แล้วจับแขนชั้นแน่น ชั้นเผลอกรี๊ดดังสนั่นป่าแล้วดิ้นอย่างรุนแรงหวังให้หลุด ซึ่งเหมือนโชคช่วย ชั้นหลุดจากมันได้
“ย...อย่าเข้ามา...!”
“จะไปไหน!!”
“อ๊ากกก อย่านะ!!”
มันหยิบมีดออกมาแล้วพยายามจะแทงชั้น แต่ชั้นเองก็พยายามป้องมือของมันแล้วจับแขนมันไว้แน่น ชั้นพยายามสู้แรงกับมัน ต่างคนต่างจะดันลงหาฝั่งตรงข้ามให้ได้
“มันอยู่นี่!!”
“ไม่!!!”
“อ๊ากกกกกกก!!!”
ไม่รู้ว่ามันจะตะโกนทำไม ซึ่งนั่นแหละคือความผิดพลาด ตอนมันตะโกนมันเผลอผ่อนแรงลง ชั้นจึงออกแรงอย่างเต็มที่และแทงมีดนั้นเข้าคอจนมิดด้ามทันที
“อ...อั๊ก...!”
“ม...ไม่นะ...”
ชั้นทำอะไรไม่ถูก ชั้น...ฆ่าคนไปแล้วงั้นเหรอ...เลือดที่กำลังพุ่งทะลักออกจากคอเป็นหลักฐานว่าชั้นได้ฆ่าคนจริงๆ เอาล่ะๆ ใจเย็นๆ ชั้นต้องทำเพื่อรอด ชั้นมือสั่นไปหมดเพราะเลือดเยอะมาก ทหารคนนั้นร้องไม่ออกเสียงอยู่นานจนล้มลงจมกองเลือด ชั้นเองก็นั่งคุกเข่าลงพร้อมหอบแรงด้วยความกลัว ชั้นพยายามคุมสติตัวเองพร้อมหยิบเอาปืนพกของทหารคนนั้นออกมาติดตัวไว้ แล้วจึงวิ่งต่อไป วิ่งหนีเข้าป่าเรื่อยๆ ทั้งเสียงปืนที่ยังคงกระหน่ำยิงมาที่ชั้น
09:32PM.
การหนีตายสุดระทึกครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป พวกมันกำลังไล่ยิงชั้นอย่างบ้าคลั่ง ชั้นไม่รู้ว่ากี่โมงกันแน่ แต่มันรู้สึกยาวนานเหลือเกิน
ชั้นคงวิ่งหนีอีกไม่ได้ ชั้นต้องรีบทำอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่การหนี ชั้นต้องตั้งรับและต่อสู้กับพวกมัน แต่ ยังไงล่ะ...
..........ต้นไม้...หิน...หญ้า...ดิน
ใช่แล้ว! ถ้าใช้ธรรมชาติที่เราคุ้นเคยเป็นกำบัง ไม่แน่ชั้นอาจถ่วงเวลามันได้บ้าง เอาล่ะ...
ต้นไม้ใหญ่มีมาก หินก็สูงพอ ขอให้มันช่วยชั้นได้เถอะนะ
...............................................
“มันไปไหนแล้ว...หาให้ทั่ว!”
“ครับ!!”
พวกมันหยุดแล้ว และดูเหมือนจะกำลังหาตัวชั้นอยู่ ชั้นเผลอฆ่าพวกมันไปคนนึง บางทีมันคงจับชั้นแบบจับตายก็ได้
ดูท่าว่าจะกระจายกำลังแบบเดี่ยวๆ หน้ากระดาน แบบนี้คงง่ายถ้าจะเก็บทีละคน โอกาสมาหาชั้นแล้วสินะ
“ดูนั่น ผ้ากันเปื้อนของผู้หญิงคนนั้น!”
“โอ้ เลือดเยอะเลย ดูท่าจะบาดเจ็บสินะ งั้นมันคงไปได้ไม่ไกล หาต่อไป!”
ผิดแล้วพวกโง่ ชั้นจงใจถอดไว้เพื่อให้สนใจตรงนั้นเท่านั้นเอง เสียใจด้วยนะ นายพลาดแล้ว...
‘ปัง!!’
“อั๊ก...!”
“ทุกคนหมอบลง มีศัตรูอยู่ใกล้นี่!!”
ชั้นเหนี่ยวไกปืนใส่ทหารที่อยู่ตรงผ้ากันเปื้อนของชั้น ถึงจะเป็นครั้งแรก แต่ชั้นก็สามารถยิงใส่มันได้เต็มๆ หลัง ชั้นว่าคงเป็นจุดตายอย่างหัวใจแน่ๆ ไม่งั้นเลือดคงไม่ทะลักไปโดนผ้ากันเปื้อนเยอะขนาดนั้นหรอก
สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นหลังสิ้นเสียงปืน โชคดีที่พวกมันยังหาต้นเสียงไม่ได้เพราะเสียงดังสะท้อนไปทั่ว โทษทีนะ ทางนี้มีแต่ภูเขา เสียงมันจะไปได้ทุกทิศทางนั่นแหละ แต่ชั้นก็ไม่ประมาทหรอก หลังยิงแล้วชั้นก็วิ่งเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่หลังหินทันที เพราะมืดและชั้นใส่ชุดสีดำ ชั้นจึงไม่เป็นจุดเด่นในป่ามากนัก โชคดีจริงๆ เลยนะเรา
“มันอยู่ไหน หามันแล้วฆ่าทิ้งซะ!”
“...เวรแล้วไง”
หัวหน้าของหมู่ทหารสั่งให้ฆ่าชั้นหากหาตัวเจอ แบบนี้มันก็ขี้โกงน่ะสิ ชั้นตัวคนเดียวนะ มารุมแบบนี้คงต้องไล่เก็บทีละคนโดยไม่ให้รู้ตัวแล้วล่ะ
ชั้นเห็นทหารศัตรูมีจำนวนประมาณ 6คน แต่ละคนหมอบและกระจายกันทั่ว พวกมันค่อยๆ คลานต่ำไปยังทิษทางของตน ซึ่งดูเหมือนจะมีคนนึงที่กำลังคลานมาหาชั้น เป็นโอกาสที่จะฆ่ามันซะ
‘แกร๊ก...’
“ผมได้ยินอะไรบางอย่างครับ!”
“ทางไหน มันอยู่ทางไหน!!”
‘ปัง!!!’
ในจังหวะที่เขากำลังคลาน ชั้นก็โยนหินไปโดนต้นไม้ด้านหลังของเขา ซึ่งผลตอบรับนั้นคือเขาหันกลับไปมอง เปิดโอกาสให้ชั้นยิงไปที่หัวของเค้าจนไม่มีเสียงกรีดร้องใดๆ กลับมา เขาตายด้วยกระสุนนัดเดียวเรียบร้อย
“ทางนั้น ยิงมัน! ยิง!!”
‘ปังๆๆๆๆๆ!!!’
แย่ล่ะ!! พวกมันเกือบจับชั้นได้เพราะเสียงปืนครั้งนี้ใกล้มากพร้อมไฟจากการยิงที่สว่างจนเห็นได้ง่ายๆ ชั้นกำลังโดนกระหน่ำยิงแบบไม่ยั่ง ยังดีที่หมอบอยู่ ไม่อย่างงั้นโดนยิงตายไปแล้วแน่ๆ
ผ่านมาซักพัก พวกมันก็หยุดยิงมาที่ที่ชั้นอยู่ คงเพราะกระสุนหมดแน่ๆ เอาล่ะ คนต่อไปคงต้อง...
‘ปัง!!’
“อ๊ากกกก!!! ค...คอผม ผมโดนยิง!!”
“ถอยก่อน ถอยออกมาก่อน!!”
ขณะที่ชั้นกำลังหลบอยู่หลังหินและกำลังจะถูกล้อม ทหารคนนึงก็เข้ามาอยู่ใกล้กับชั้นทางขวาจนชั้นเกือบโดนจับได้ แต่ชั้นชิงยิงก่อนที่เขาจะเห็นชั้น แต่ชั้นยิงพลาดไปเฉียดคอของเขาจนเลือดไหลออกมามาก เขาคงตายในไม่ช้าแต่ก็ดีที่เขาไม่เห็นล่ะนะ
พวกมันตัดสินใจถอยกลับโดยการลุกแล้ววิ่งซิกแซกไปมาไม่ให้โดนยิง โดยวิ่งกลับเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ชั้นเห็นแบบนั้นเลยกะจะออกมายิงสวนกลับไป แต่ถ้ามันวิ่งกันแบบนั้น ชั้นยิงไปคงไม่โดนและเปลืองกระสุนมากแน่ เก็บไว้ยิงแบบที่หวังผลได้จะดีกว่า
“ธ...เธอ...!”
“หุบปากเลยไอชั่ว”
“ชั้น...ชั้นจะฆ่าเธอ...!”
“บอกให้หุบปากไงย๊ะ!”
ทหารที่ชั้นยิงโดนคอกำลังตะกายตัวมาทางชั้นพร้อมถือมีดพกหวังจะฟันชั้นให้ตาย ชั้นคงทำอะไรมากไม่ได้นอกจากถีบเขาให้กระเด็นกลับไป เขาก็กระเด็นไปค่อนข้างไกลเหมือนกัน เพราะเสียเลือดมากเลยอ่อนแรงจนลุกไม่ไหวแล้วสินะ
ชั้นตัดสินใจค่อยๆ เข้าไปหาเขา พร้อมหยิบมีดของเขาที่หลุดมือมานั่งข้างๆ มันคงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ชั้นรอดและไม่ทำให้เขาเจ็บปวดไปมากกว่านี้
“...ขอโทษนะคะ”
“ไม่...ไม่ๆๆๆๆ อ๊ากกกก!!!”
เสียงร้องขอชีวิตดังไปทั้งป่าในขณะที่ชั้นลงมีดไปที่หัวใจของเขาอย่างรวดเร็วแล้วบิดมิดให้หัวใจหยุดเต้นทันที เขาดิ้นแรงมากในขณะที่โดนลงมีด จนสุดท้ายก็สงบลงแล้วเงียบไป...
ชั้นขอโทษ...แต่ถ้าไม่ทำ ชั้นก็จะตายจากพวกมัน ทั้งที่ชั้นเป็นเด็กผู้หญิง แต่ต้องมาโดนไล่ฆ่าจากกลุ่มทหารผู้ชาย มันไม่ยุติธรรมหรอก ชั้นไม่อยากฆ่าคนหรอก แต่ มันจำเป็นสำหรับตอนนี้เสียแล้ว...
ชั้นอยู่คนเดียว ท่ามกลางศพทหารสามถึงสี่คนที่นอนตายอยู่รอบๆ ชั้น กลิ่นเลือดเหม็นอบอวลไปหมด แมลงวันก็เริ่มลง อีกซักพักคงมีหนอนขึ้นแน่ๆ ไม่อยากจะคิดถึงภาพนั้นเลยจริงๆ แต่ ถ้าจะให้ออกไปจากที่นี่ตอนกลางคืนก็คงยาก ชั้นจำต้องอยู่ในป่ากับศพเหล่านี้ต่อไป...ศพพวกนี้...
จริงสิ ถ้าชั้นไปดูรูปแบบของชุดพวกมันล่ะก็ ชั้นจะได้รู้ซักทีว่าตลอด14ปีที่ผ่านมา เรารบกับใครกันแน่
ศพที่ใกล้ที่สุดคงเป็นคนที่ชั้นลงมีดคาไว้ ชั้นไปหาศพนั้นพร้อมพยายามดูรูปแบบของชุดและค้นตัวดูว่าจะเจออะไรเป็นเบาะแสได้บ้าง...
มีเพียงชุดสีดำอมน้ำตาล ปืนพกของประเทศอะไรซักอย่าง บัตรประจำตัว...บัตรของอะไรกันนะ...
มันเป็นตัวอักษรและภาษาที่ชั้นไม่คุ้นเคย แต่มีอักษรภาษาอังฤษที่เขียนไว้ว่า ‘PCT’ ซึ่งชั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร อาจเป็น องค์กร หรือชื่อประเทศไม่ก็กองกำลังของมันก็ได้ล่ะมั้ง เพื่อให้แน่ใจ ชั้นเลยออกไปดูศพอื่นๆ แล้วค้นตัวเหมือนกัน และก็เป็นอย่างที่คิด...ทุกคนมีบัตรประจำตัวแบบเดียวกันเป๊ะ ชั้นตัดสินใจเก็บบัตรเหล่านั้นไว้ในกระเป๋าคาดตัว มันอาจเป็นประโยชน์หากชั้นเก็บมันไว้ให้กับทหารของญี่ปุ่นและอเมริกาในการทำสงครามก็ได้
‘……..ช...ช่วยด้วย...’
“เอ๊ะ ค...ใครกำลังมา...”
‘...ฮือ...ใครก็ได้...ช่วยหนูด้วย...’
“เสียงนั่น เด็กงั้นเหรอ ลูกใครกันนะมาอยู่แถวนี้ หรือจะเป็นเด็กที่หนีเข้าป่าแล้วหลงมากันนะ”
มีเสียงเด็กผู้หญิง อายุน่าจะซัก8-9ขวบได้ กำลังร้องไห้และขอความช่วยเหลือ ชั้นยังไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงเด็กจริงๆ หรือพวกมันกำลังหลอกให้ชั้นออกไปด้วยเสียงที่บันทึกไว้รึเปล่า ชั้นจึงยังไม่ตอบกลับเสียงนั้นกลับไป แต่ก็แอบดูต่อไปว่าเป็นเด็กจริงหรือไม่เช่นกัน
‘…ซวบ...ซวบ...’
เสียงคนกำลังเดินผ่านหญ้าสูงกำลังใกล้ชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ชั้นเตรียมปืน และเล็งไปที่ต้นเสียงอย่างใจเย็น ไม่แน่ใจว่ากระสุนจะเหลือเยอะแค่ไหน แต่มันคงมีอยู่แน่ๆ
“...ช่วยด้วย...”
“น...นั่น...”
ต้นตอของเสียงปรากฏตัวออกมา น่าตกใจมากเมื่อเสียงนั้นไม่ใช่กับดักล่อ แต่คือเด็กผู้หญิงที่มากับชั้น! เธอรอดมาได้ น่ายินดีจริงๆ ชั้นไม่อยากเชื่อว่าจะมีเด็กรอดได้แบบนี้ ชั้นลดปืนลงแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นให้เด็กคนนั้นเห็นชั้น
“หนูน้อย พี่อยู่นี่จ่ะ”
“พ...พี่มาโกะ!”
“มานี่มา โอ๋ๆๆ ไม่ต้องกลัวนะ เราจะปลอดภัยแน่จ่ะ...”
เมื่อเด็กคนนั้นเห็นชั้น เธอก็ร้องไห้อย่างหนักพร้อมวิ่งมากอดชั้นอย่างแน่น เธอคงกลัวมากเมื่ออยู่คนเดียว ชั้นเข้าใจเพราะก็เคยเป็นแบบนี้ แต่ก็นะ ยังไงชั้นก็ต้องพาเด็กคนนี้รอดกลับออกไปด้วยกันให้ได้
“เป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“...มันจับตัวหนู แล้วพยายามทำอะไรบางอย่างแล้วปล่อยหนูออกมาทางนี้น่ะค่ะ...”
“...เอ๋!”
เสร็จกัน! ทุกอย่างเป็นกับดัก มันจับตัวเด็กคนนี้แล้วปล่อยกลับมาเพื่อล่อชั้น ไม่ได้การแล้ว ตรงนี้อันตราย!!
“หนีไป! วิ่ง!!”
ชั้นรีบสั่งให้เด็กวิ่งเข้าป่าข้างหลังชั้น แต่ดูเหมือนเด็กจะกำลังตกใจและงงในคำสั่งของชั้นเลยไม่ยอมออกวิ่ง แต่กลับกอดชั้นอยู่เหมือนเดิม ให้ตายสิ! หนีไปเร็วเข้า!!!
‘ปัง!!!’
“กรี๊ดดดดด!! อ...อัก...!”
“อึก...!”
สายไปแล้ว ชั้นพยายามจะพลักเด็กออกแล้วกดให้หมอบ แต่...เสียงปืนกลับดังขึ้นพร้อมกระสุนที่พุ่งมาโดนกลางหลังเด็กคนนั้น แต่มันยังไม่หยุด กระสุนยังคงพุ่งอย่างรวดเร็วจนทะลุตัวของเด็กมาโดนท้องส่วนล่างของชั้น มันเจ็บ จุกจนร้องไม่ออก กระสุนยังฝั่งอยู่ในตัวชั้นตื้นๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เด็กคนนั้นกรี๊ดดังเพราะเจ็บปวดและนิ่งไป ชั้นปล่อยเด็กคนนั้นจากกอด และล้มลงไปพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของเด็กคนนั้น
‘มันล้มแล้ว เข้าไปจับมัน ไป ไป ไป!’
“...........................................”
‘เด็กตายแล้วครับท่าน!’
‘ช่างมัน ที่เราสนคือพวกเราตายไปกี่คนแล้ว เช็กยอดให้เรียบร้อย...’
พวกมันวิ่งออกมาจากป่า มากันเยอะมากจนเต็มบริเวณ พวกมันกำลังเก็บศพของพวกเดียวกัน พร้อมตั้งรับการโจมตีรอบทิศทาง ชั้นยังคงนอนอยู่ตรงนั้น พร้อมเลือดที่กำลังไหลไม่หยุด เด็กคนนั้นถูกเก็บขึ้นไปแล้วนำไปกองไว้บนรถกระบะที่มีตีนตะขาบเหมือนรถถัง ชั้นแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเพราะเจ็บมากแม้แต่เสียงของรถคันนั้นที่ขับมาตอนไหนก็ไม่รู้ บนกระบะมีแต่ศพเต็มไปหมด ในบรรดาศพเหล่านั้นมีศพทหารญี่ปุ่นและอเมริการปนอยู่ด้วย
ซักพักชั้นเองก็กำลังโดนกลุ่มทหารมาตรวจสอบและค้นตัวชั้น มันอาจกำลังดูว่าชั้นมีอะไรบ้าง หรือตายรึยัง
‘เธอมีปืน เดี๋ยวนะ ปืนของพวกเราครับท่าน’
‘เธอคงเป็นคนฆ่าทหารกองนี้ ร้ายไม่เบาเลยนะยัยเด็กผี’
‘ครับ...เดี๋ยวนะครับ...เธอยังไม่ตาย!!’
ชั้นยังกำปืนติดมืออย่างแน่น และพยายามจะยกปืนขึ้นยิงใส่ทหารที่กำลังค้นตัวชั้น ยังไงก็ขออีกซักศพก่อนชั้นจะตายเถอะ!!
‘ปัง!!!’
‘ทุกคนจับเธอไว้!’
‘ปัง...ปัง...คลิ๊ก...’
ชั้นรัวยิงใส่ทหารคนนั้นไม่ยั่ง แต่ดูเหมือนจะไม่โดนเลย เกิดอะไรขึ้น ทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี่แท้ๆ ...จริงสิ...ตาชั้นลอยจนเบลอไปหมดแล้ว มันคงเป็นเหตุผลที่ชั้นยิงไม่โดนแน่ๆ ที่แปลกกว่าคือ ชั้นยิ่งอยู่ดีๆ ปืนก็มีเสียงดังคลิ๊กออกมา และปืนก็ยิงไม่ออกอีกเลย กระสุนหมดแล้วงั้นสินะ
ในเมื่อไม่เหลือกระสุน ชั้นเองก็คงไม่มีหวังอะไรที่จะรอดอีกแล้ว...จบสิ้นแล้วล่ะนะ...ชั้นพยายามลุกแล้ววิ่งแต่ทำไม่ไหว ชั้นทำได้เพียงลุกนั่งต่ำๆ พร้อมตัวสั่นไม่หมดเท่านั้น
‘ปัง!’
‘อึ้อ...!’
‘เคลียร์แล้ว! ...เดี๋ยว...อย่าเพิ่งยิงต่อ เข้าไปจับเธอไว้ ชั้นคิดอะไรดีๆ ได้แล้ว’
ชั้นล้มลงนอนอีกครั้งเพราะถูกยิงเข้าที่มือขวาจนปืนหลุดมือกระเด็นไปไกล มือของชั้นเองก็โดนยิงถากๆ ออกไปจนเป็นแผลใหญ่ โชคยังดีที่ไม่โดนมือเต็มๆ ไม่งั้นมืออาจขาดไปแล้วก็ได้
สิ้นเสียงปืนและทุกสิ่ง ชั้นแทบจะหายใจไม่ออก เจ็บปวดมากจนชักจะเริ่มไม่รู้สึกใดๆ ทันใดนั้น ทหารคนนึงที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าหน่วย เดินมานั่งชันเข่าข้างๆ มองดูชั้นพร้อมจับแก้มชั้นแล้วบีบให้ชั้นหันไปมองมันด้วยสายตาที่กำลังจะตายของชั้น
‘เธอนี่มันร้ายจริงๆ หึๆ ชั้นจะฆ่าเธอตอนนี้ก็ได้ แต่ดูเหมือนเธอจะมีอะไรให้ชั้นได้สนุกเล่นซะแล้วสิ เอางี้ๆ เธอเลือกที่จะตาย หรือ รอดแล้วมากับชั้นดีล่ะ’
“...ฆ่า...ชั้น...ให้ตาย...ซะยังดีกว่า...เป็นทาส...พวก...แก...!”
‘อืม...ยิ่งพูดแบบนี้ก็ยิ่งน่าจับไปทดลองเสียจริง...ฮ่าๆ เอาตัวมันไป!’
“ม...ไม่...”
ชั้นพยายามดิ้นสู้แรงของทหารที่กำลังยกชั้นขึ้นรถอีกคัน แต่มันเจ็บมากเกินกว่าจะขยับตัว เรี่ยวแรงก็หายไปหมด พวกทหารยกตัวชั้นขึ้นกระบะแล้วโยนลงไปในนั้น ตัวชั้นกระแทกกับกระบะอย่างแรง แต่ไม่รู้สึกใดๆ ตัวชั้นในตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว บางทีถ้าชั้นเสียงเลือดมากกว่านี้ก็อาจตายได้ ถ้าต้องโดนจับไปเป็นทาสหรือเชลยล่ะก็ขอไม่เอาด้วยแน่
ขอร้องล่ะ...ให้ชั้นตายไม่ก็มีคนมาฆ่าชั้นเถอะ...
‘ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ออกรถแล้วไปกันต่อได้แล้ว!’
ได้ยินเสียงข้างนอกเบามากแม้จะเป็นเสียงตะโกน ภาพที่ชั้นเห็นเป็นเพียงท้องฟ้าที่กำลังมืดลงเรื่อยๆ ชั้นพยายามหายใจให้เร็วขึ้น แต่ มันกลับช้าลง เมื่อรถกำลังจะเคลื่อนที่ กระบะก็ถูกปิดช้าๆ จนมืดไปหมด ชั้นกำลังจะไปที่ไหนกัน
โอย...ทรมานเหลือเกิน...ขอร้อง...ชั้นอยากตาย...ชั้นไม่ต้องจดจำหรือห่วงอะไรอีกแล้ว...ทุกอย่างมันสูญเสียไปทั้งหมดจนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...ให้ชั้นเถอะ...ให้ชั้น....
......
......ให้ชั้นตาย...เถอะนะ...
ทุกอย่างเงียบลง และไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ อีกต่อไป...ชั้นตายแล้วสินะ...
‘…………………………..’
‘…………………………..’
‘……เธอน่ะ ตายยังไม่ได้หรอกนะ...’