ตอนที่แล้วWS บทที่ 178 การเปลี่ยนแปลงของจี้ห้อยคอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 180 เสริมพลังอุปกรณ์เวทมนต์

WS บทที่ 179 อาคารสเตอลิ่ง


ชั้นวางของเต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนต์ต่าง ๆ มากมาย ของพวกนี้ได้รับมาจากที่ต่าง ๆ บางอันก็เป็นของธรรมดา บางอันก็เป็นของพิเศษ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของผู้ซื้อถึงจะสามารถจำแนกพวกมันออกจากกันได้

เมอร์ลินยังคงเขายืนอยู่หน้าชั้นวางของ เขาไม่ได้ตรวจสอบพวกอุปกรณ์เวทมนต์แต่มุ่งความสนใจไปที่ความอบอุ่นที่เปล่งออกมาจากจี้ห้อยคอตรงหน้าอกของเขา หากจี้แสดงปฏิกิริยาแบบนี้แสดงว่าเขาอยู่ใกล้อุปกรณ์เวทมนต์ที่มีความเชื่อมโยงกับจี้

เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ เมอร์ลินจึงค่อยๆ เดินไปที่ชั้นวางของข้างกำแพง จี้คล้อยยังปล่อยคลื่นความร้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง

หญิงสาวทรงเสน่ห์อธิบายให้เมอร์ลินฟังทันทีว่า “มีอุปกรณ์เวทมนต์ต่างๆ อยู่ที่นี่มากมาย แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดของเราก็ยังไม่เข้าใจการใช้งานบางอันได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นของเก่าที่สืบทอดมาแต่โบราณ หากโชคชะตานำพา พวกท่านสามารถได้รับอุปกรณ์เวทมนต์ที่ทรงพลังและแสนลึกลับ”

หญิงสาวมีวาทศิลป์ที่เก่งกาจพอตัว การที่เธออ้างถึงนักเวทย์ระดับเจ็ดได้สำรวจอุปกรณ์เวทมนต์มากมายที่นี่ไปแล้วแต่ถ้านักเวทย์เหล่านั้นไม่สามารถมองเห็นวิธีใช้งานได้ พวกมันจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่ทรงพลังได้อย่างไร

ท้ายที่สุดแล้ว โอกาสในการค้นพบสมบัติที่คนอื่นมองข้ามนั้นต่ำมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวกล่าวเช่นนั้น นักเวทย์บางคนก็จะรู้สึกตื่นเต้น บางทีอาจมีการซื้อขายหลังจากนั้น

เมอริ์ลนยังคงสีหน้าเรียบ ๆ เอาไว้ เขาเคยเห็นกลยุทธ์การขายทำนองมามากมายในชีวิตที่แล้วของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ตกหลุมง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีสมบัติที่ถูกมองข้ามไปหรือไม่ แต่มันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับจี้ห้อยคอของเขาที่ได้รับกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไว้เมื่อเขาเจอมัน เขาจะพิจารณาซื้อมันตราบเท่าที่ราคาสมเหตุสมผล

เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินยังคงเฉยเมย หญิงสาวก็หยุดพูด เธอรู้ว่าลูกค้าอย่างเมอร์ลินมีเป้าหมายและความคิดเห็นของตนเองและจะไม่เปลี่ยนใจเพราะคำพูดของเธอ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เธอพบคนเช่นเขา ทั้งหมดที่เธอทำได้คือรอจนกว่าเมอร์ลินจะตัดสินเลือกสินค้าตัวนั้น

บนชั้นวางอุปกรณ์เวทมนต์ เมอร์ลินเอื้อมไปหยิบจี้ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาออกมา

จากรูปร่างของมัน มันดูเหมือนจี้ห้อยคอของเมอร์ลิน

อย่างไรก็ตามมันไม่มีชื่อจารึกไว้ที่ด้านหลังจี้

เมอร์ลินตรวจสอบจี้อย่างระมัดระวัง จากหน้าอกของเขา คลื่นความร้อนที่มาจากจี้กระดิ่งกำลังแผดเผา เห็นได้ชัดว่าจี้ที่คลุมด้วยฝุ่นนี้เชื่อมโยงกับจี้เบลล์

แต่ไม่ว่าเมอร์ลินจะตรวจสอบมันอย่างไร จี้ก็ไม่ปรากฏความพิเศษเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สามารถใส่พลังจิตลงไปได้ ดูเหมือนว่ามันเป็นเพียงจี้ธรรมดา อาจเป็นเพราะมันมาจากยุคโบราณ มันจึงถูกวางขายบนชั้นวาง

"จี้อันนี้ใช้หินธาตุกี่ก้อน?" เมอร์ลินถามหญิงสาวทรงเสน่ห์อย่างตรงไปตรงมา

หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยและดวงตาของเธอก็ส่องประกายอย่างมีเลศนัย เธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “จี้นี้ถูกพบที่รูปปั้นโบราณซึ่งค้นพบโดยนักเวทย์ระดับเจ็ดของเรา แม้ว่าตอนนี้ทางเราจะไม่ทราบถึงการใช้งานของมันแต่ทางเราคิดว่ามันต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นจี้อันนี้ ทางเราคิดเพียงหินธาตุ 500ก้อน เท่านั้น ราคาประมาณนี้ท่านว่าอย่างไร”

“หินธาตุ 500ก้อน เลยเหรอ?”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเมอร์ลิน บางทีอาคารสเตอร์ลิ่งอาจมีนักเวทย์ระดับเจ็ดแต่ด้วยสถานะที่สูงศักดิ์ของพวกเขา ทำไมถึงเร่ขายของบางอย่างที่พบในรูปปั้นโบราณด้วย

เป็นไปได้ว่าทางอาคารสเตอร์ลิ่งใช้หินธาตุเพียงไม่กี่ก้อนหรือหลายสิบก้อนเพื่อรับจี้นี้จากนักเวทย์ทั่วไปและเมอร์ลินต้องการที่จะซื้อ พวกเขาเลยใช้การจะอวดอ้างเกินจริงเช่นนี้เพื่อขึ้นราคา

เมอร์ลินวางจี้กลับทันที และพูดกับพ่อมดเบอร์ตันว่า "พ่อมดเบอร์ตัน เราไปกันเถอะ"

พ่อมดเบอร์ตันยิ้มเย้ยหยันให้กับหญิงสาวทรงเสน่ห์ “คราวนี้ทางอาคารสเตอร์ลิ่งทำผิดพลาดจริงๆ พ่อมดเมอร์ลินไม่ใช่พ่อมดธรรมดาแต่เป็นพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์! คิดว่าเขามู้ราคาที่แท้จริงของของพวกนี้รึไง เจ้าควรเสนอราคาที่ควรจะเป็นกว่านี้”

พ่อมดเบอร์ตันเคยได้ยินเกี่ยวกับตัวตนของเมอร์ลินมานานแล้วจากพ่อมดฮิลล์ เมอร์ลินมาจากดินแดนมนต์ดำ เขาไม่ใช่พ่อมดพเนจรทั่วไป

อาจเป็นเพราะตำแหน่งของเมอร์ลินที่ทำให้พ่อมดเบอร์ตันมีท่าทีที่นอบน้อมเช่นนี้และอาสาพาเมอร์ลินไปที่เมืองโฟลตติ้ง

“โอ้ ท่านเป็นพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์!”

ดวงตาของหญิงสาวเผยให้เห็นถึงความอัศจรรย์ใจของเธอและเธอก็พูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มว่า "ในเมื่อท่านเป็นพ่อมดที่รอบรู้ ฉันจะเสนอราคาที่สมจริงให้ท่านเอง จี้อันนี้ใช้เพียง 50หินธาตุ ท่านว่าอย่างไร พ่อมดเมอร์ลิน?"

หญิงสาวลดราคาลงทันทีสิบเท่าจาก500หินธาตุ เหลือเพียง 50หินธาตุ

เมอร์ลินลังเลและคิดว่านี่เป็นราคาที่พอรับได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ตกลง 50หินธาตุ!”

ด้วยเหตุนี้ เมอร์ลินจึงนำหินธาตุบางส่วนออกจากแหวนของเขาและมอบให้แก่หญิงสาว จากนั้นเขาก็จับจี้ในมือของเขา จี้ที่หน้าอกของเขากลับแผดเผาอีกครั้งในทันที

อย่างไรก็ตาม มันไม่สะดวกสำหรับเมอร์ลินที่จะตรวจสอบอย่างใกล้ชิดที่นี่ ดังนั้นเขาเก็บจี้ลงในแหวน ไว้เมื่อเขากลับไปที่ห้อง เขาจะตรวจสอบจี้อย่างละเอียดและค้นหาว่าอะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างจี้ทั้งสอง

หลังจากทำธุรกรรมเสร็จสิ้น หญิงสาวทรงเสน่ห์ก็ดีใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เธอรู้ว่าเมอร์ลินเป็นพ่อมดจากองค์กรนักเวทย์ พ่อมดเหล่านี้ร่ำรวยกว่าพ่อมพเนจรทั่วไปมาก

ดังนั้น หญิงสาวจึงถามว่า “มีอะไรอีกไหมที่พ่อมดเมอร์ลินต้องการซื้ออีกหรือไม่ ที่นี่ เรามีอุปกรณ์เวทมนต์ สูตรยา วัสดุปรุงยา และแม้แต่วัสดุเล่นแร่แปรธาตุ”

หลังจากพึมพำกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง เมอร์ลินก็พูดว่า “พาฉันไปดูวัตถุดิบปรุงยาของที่นี่หน่อย”

หญิงสาวนำเมอร์ลินและพ่อมดเบอร์ตันไปที่ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เงียบสงบ ในห้องโถงนี้ มีการจัดวางวัสดุปรุงยาไว้ทุกหนทุกแห่งในปริมาณมหาศาล

เมอร์ลินเห็นบลูเบอร์รี่อย่างรวดเร็ว นี่คือวัตถุดิบปรุงยาที่เขาต้องการมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบถามราคาบลูเบอร์รี่แล้ว เมอร์ลินก็ได้แต่ส่ายหน้า มันแพงเกินไป การรวบรวมวัตถุดิบสำหรับน้ำยาบลูเบอร์รี่หนึ่งชุด มันจะต้องใช้หินธาตุอย่างน้อย 500ก้อน ราคาเช่นนี้ก็สูงเกินไป แม้ว่าเขาจะต้องการซื้อแต่เขาก็สามารถได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น

ต่อจากนั้น เมอร์ลินก็ถามถึงส่วนผสมปรุงยาของน้ำยามนตราอสูรอย่างระมัดระวัง เขาประหลาดใจที่พบว่าที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีวัสดุเหล่านี้เช่นกันแต่ราคามันสูงเกินไป

หลังจากดูมาสักพัก เมอร์ลินก็ได้รู้ว่าที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีวัสดุปรุงยามากมายกว่าเมื่อเทียบกับดินแดตมนต์ดำแล้ว ที่นั่นยังมีของน้อยกว่าที่นี่

จากนั้นเมอร์ลินกับพ่อมดเบอร์ตันก็ออกจากอาคารสเตอร์ลิ่ง เขาได้หันไปถามพ่อมดเบอร์ตันว่า “พ่อมดเบอร์ตันที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ วัสดุปรุงยา และของอื่น ๆ อีกมากมายที่แม้แต่ดินแดนมนต์ดำก็ยังเทียบไม่ได้ ที่แห่งนี้มันไม่ต่างจากองค์กรนักเวทย์ มันสุดยอดมาก”

“เทียบได้กับองค์กรนักเวทย์งั้นหรือ พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าท่านรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งอาคารสเตอร์ลิ่ง ท่านคงจะไม่ถามคำถามนี้หรอก”  พ่อมดเบอร์ตันส่ายหัวเล็กน้อย ใบหน้าของเขามีท่าทางแปลก ๆ

“โอ้ แล้วเขาเป็นใคร?” เมอร์ลินรีบถาม

“ท่านคือท่านจอมเวทย์สเตอร์ลิ่ง!” สีหน้าของพ่อมดเบอร์ตันก็ดูภาคภูมิใจขึ้นมาทันใด

“ท่านจอมเวทย์สเตอร์ลิ่ง? จอมเวทย์สเตอร์ลิ่งคนนั้นอย่างงั้นเหรอ?”

ใบหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขาตกตะลึง เขาไม่ใช่พ่อมดพเนจรที่ไม่รู้อะไรเลย

นับตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินได้รวบรวมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับนักเวทย์ ในบรรดานักเวทย์มีบางคนที่ได้รับสมญานามว่าจอมเวทย์ สิ่งนี้ไม่ได้แสดงถึงการให้เกียรติแต่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง!

จอมเวทย์คือนักเวทย์ที่มีระดับเก้าขึ้นไป มีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ จอมเวทย์ฟิเดล ผู้ก่อตั้งดินแดนมนต์ดำเป็นหนึ่งในนักเวท์ที่เหนือระดับเก้าเท่านั้นที่เขาหายตัวไป บางทีเขาอาจตายหรือเขาไปที่อื่น กล่าวคือไม่มีใครพบจอมเวทย์ฟิเดลอีกเลย

สำหรับจอมเวทย์สเตอร์ลิ่ง ผู้ก่อตั้งอาคารสเตอร์ลิ่งเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ที่หายากที่สุดในโลกของนักเวทย์ การคงอยู่ของเขาทำให้อาคารสเตอร์ลิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ความมั่งคั่งของที่นี่เทียบได้กับองค์กรนักเวทย์ขนาดกลางบางแห่ง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่องค์กรนักเวทย์ที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างดินแดนมนต์ดำจะมีของที่น้อยกว่า

"ที่อาคารสเตอร์ลิ่งมีสิ่งของที่ยอดเยี่ยมมากมายแต่ส่วนใหญ่มีราคาแพงเกินไป โดยปกติพ่อมดพเนจรอย่างข้าไม่คิดที่จะมาที่นี่ ด้วยซ้ำ"

พ่อมดเบอร์ตันเหลือบมองไปมองอาคารสเตอร์ลิ่งที่อยู่ข้างหลังแล้วส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง เป็นเรื่องยากสำหรับพ่อมดพเนจรที่จะกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังเนื่องจากพวกเขาขาดแคลนทรัพยากร

สำหรับเรื่องนี้ หากอยู่ในองค์กรนักเวทย์ อย่างดินแดนมนต์ดำ นักเวทย์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้ง่ายกว่าด้วยระบบแต้ม มันจึงไม่แปลกเลยที่พ่อมดพเนจรหลายคนจึงต้องการเข้าองค์กรนักเวทย์อย่างมาก

เมอร์ลินไม่ได้ไปไหนต่อ เขามุ่งหน้ากลับไปที่บ้านพร้อมกับพ่อมดเบอร์ตัน

เมื่อกลับมาที่ห้องของเขา เมอร์ลินก็ถอดจี้กระดิ่งที่ห้อยอยู่ที่หน้าอกของเขาออกและหยิบจี้ที่เขาซื้อมาจากอาคารสเตอร์ลิ่งออกมา จี้ห้อยคอปล่อยคลื่นพลังงานที่ลุกโชนออกมาในทันที

จี้ทั้งสองนี้ดูเหมือนจะคล้ายกันมาก อย่างไรก็ตาม จี้ห้อยคอมีที่ว่างสำหรับเก็บคาถา ในขณะที่จี้ที่ซื้อมาจากอาคารสเตอร์ลิ่งไม่มีที่ว่างดังกล่าวเลย ดูเหมือนจะไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนต์ด้วยซ้ำ

นับตั้งแต่ เมอร์ลินได้ใช้ลูกไฟยักษ์ที่เก็บไว้ในจี้ห้อยคอทั้งหมดจัดการเมอแรงค์ไปในวันนั้น มันก็กลายเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่ไร้ประโยชน์และไม่สามารถมใช้งานได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม จี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน สิ่งนี้ทำให้เมอร์ลินจับตามองอย่างคาดหวังว่าจี้อันนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบไหน

เมอร์ลินเปรียบเทียบจี้ทั้งสองอย่างระมัดระวัง เขาค่อยๆ มองเห็นร่องรอยอะไรบางอย่าง ดูเหมือนพวกมันจะถูกฉีกขาดออกจากกันโดยไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อเขาทราบเรื่องนี้ เขาจึงนำพวกมันประทบเข้ากันทันที ทันใดนั้นเอง ลำแสงขาวจากจี้ห้อยคอได้กลืนกินจี้อีกอันทันที

จี้ทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวจนตาพร่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น เมอร์ลินติดตามการเปลี่ยนของจี้อย่างใกล้ชิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด