329 - ดำเนินตามแผนการ
329 - ดำเนินตามแผนการ
กลิ่นหอมของข้าวหุงสุกในหม้อเหล็กอบอวลอยู่ในลานบ้าน กลิ่นหอมของข้าวทำให้ผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติสงบลงได้อย่างมาก
จนถึงเวลานี้ คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้กินอะไรอย่างอื่นนอกจากของเหลือเล็กน้อยในขบวนคุ้มกัน แต่ละคนยังคงหวาดกลัวและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กองไฟที่ลุกโชนและกลิ่นหอมของข้าวทำให้จิตใจของพวกเขาอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ความหวังที่เคยริบหรี่ค่อยๆลุกโชนขึ้นในใจพวกเขา
เอี้ยนลี่เฉียงนั่งรอบกองไฟอีกฟากหนึ่ง แบ่งปันความคิดและแผนการทั้งหมดของเขากับส่วนที่เหลือโดยไม่เก็บข้อมูลใดๆไว้
หลังจากฟังเอี้ยนลี่เฉียง หัวหน้าผู้คุ้มกันทั้งสามก็แลกเปลี่ยนสายตากัน ไม่มีใครพูด แต่พวกเขาสามารถอ่านความคิดของกันและกันผ่านสายตาที่แลกเปลี่ยนกันได้
พวกเขาทั้งสามไม่สามารถคิดแผนที่ดีไปกว่าที่เอี้ยนลี่เฉียงเสนอ
“ดีมาก ไปกันเถอะ!” หวังฮุ่ยตบต้นขาของเขาทันที
“เจ้าจะไปตรวจสอบสถานะการที่เมืองหลวงกับใครน้องลี่เฉียง?” หวังเซิ่งถาม
“ข้าคิดว่าแค่ตัวข้าและพี่หวังก็น่าจะพอแล้ว หากพวกเรานำคนไปเป็นจำนวนมากมันจะยุ่งยากเปล่าๆ แค่เราสองคนจะง่ายกว่าและยังสามารถดูแลความปลอดภัยให้แก่กันและกันได้!”
เอี้ยนลี่เฉียงบอกหวังเซิ่งและกงเต๋อฉวนอย่างตรงไปตรงมา
“อย่างไรก็ตาม พวกเราบางคนจะต้องคอยดูของที่นี่และขนของออกไปหลังจากที่เราจากไป
เรามีเวลาเหลือเพียงวันเดียวเท่านั้น หลังจากการเตรียมการเสร็จสิ้น พวกเราจะต้องออกจากเมืองจินหลิงหลังจากพลบค่ำในวันพรุ่งนี้!”
“เอาล่ะ ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว น้องลี่เฉียงและข้าจะออกเดินทางคืนนี้ ม้าแรดสามารถมองเห็นได้ดีในที่ความมืด ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับเราที่จะเดินทางตอนกลางคืน
พวกเราอยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนักดังนั้นเราจะสามารถกลับมาได้ในคืนวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าเตรียมการเก็บของได้เลย…” หวังฮุ่ยมีบุคลิกที่เข้มแข็งและเด็ดขาด เขาลุกขึ้นยืนในขณะที่พูด
“ถ้าพวกเราไม่สามารถกลับมาทันคืนพรุ่งนี้แสดงว่าเกิดเรื่องกับเราแล้ว
ดังนั้นพวกท่านต้องออกเดินทางทันทีและทำตามแผนการที่วางไว้ หากพวกเรายังมีชีวิตพวกเราจะตามขบวนไปเอง หรือไม่พวกเราจะได้พบกันที่เมืองเฟิง!”
"ตกลงตามนี้!" หวังเซิ่งและกงเต๋อซวนพยักหน้า
พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นจากจุดรอบกองไฟ จบการสนทนาและเริ่มทำงานทันที
เอี้ยนลี่เฉียงค้นหากู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงก่อน จากนั้นจึงบอกแผนการของเขาและบรรยายสรุปให้พวกเขาฟัง ทั้งคู่ต่างตื่นตระหนกทันทีที่ได้ยินคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียง
“ท่านผู้นำ เราสองคนไปกับเจ้า…!” กูเจ๋อซวนแสดงความไม่พอใจทันที แม้ว่าจ้าวฮุ่ยเผิงยังคงนิ่งอยู่ แต่สายตาของเขาก็มั่นคงอย่างยิ่ง
“เราจะไปที่เมืองหลวงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลเท่านั้น มันจะไม่สะดวกถ้าพวกเราไปกันมากเกินไป!” เอี้ยนลี่เฉียงอธิบาย แล้วลดเสียงลงและตบไหล่พวกเขา
“พวกเราสามคนมาจากยอดเขาเทียนเฉียวถ้าพวกเราไปกันหมด คนที่อยู่ที่นี่จะคิดว่าพวกเราพยายามแย่งความดีความชอบ พวกเราร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว พวกเราไม่ควรสร้างความขัดแย้งขึ้น…”
กู่เจ๋อซวนเป็นคนฉลาด ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงกล่าว เขาก็เข้าใจความกังวลของเอี้ยนลี่เฉียง ความรู้สึกเทิดทูนต่อสถิติปัญญาของเอี้ยนลี่เฉียงสำหรับเขายิ่งมีเพิ่มมากขึ้น
จ้าวฮุ่ยเผิงกำหมัดแน่น
“น่าเสียดายที่ข้ายังไม่สามารถเป็นนักรบได้ไม่อย่างนั้นคงมีส่วนในการช่วยเหลือเจ้าเป็นอย่างมากหัวหน้า…”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มให้เขาแล้วกล่าวว่า
“การแสดงออกในวันนี้ของเจ้ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ฮุ่ยเผิงข้าไม่นึกเลยว่าวันนี้เจ้าจะจู่โจมอย่างกล้าหาญและดุเดือดได้ขนาดนี้
ข้าไม่คิดว่าขอบเขตนักรบต่อสู้จะเป็นจุดสิ้นสุดของเจ้า สำหรับพวกเราแล้วนั่นมันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น…”
คำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงทำให้หัวใจของกู่เจ่อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทั้งสองพยักหน้าให้เขาอย่างหนัก ไม่รู้สึกหดหู่ใจอีกต่อไป
“ใช่แล้ว หยูชิงอยู่ที่ไหน”
หยูชิงเป็นผู้หญิงที่เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆได้ช่วยชีวิตจากเมืองจินหลิงก่อนหน้านี้
“ผู้หญิงคนนั้นกำลังเย็บผ้าอยู่ตรงนั้น” กู่เจ๋อซวนตอบ
“เย็บผ้า?” เอี้ยนลี่เฉียงถามด้วยความสงสัย
"ใช่. เจ้าไปดูเถอะ นางมีความสามารถบางอย่างจริงๆ…”
……
ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ใกล้ๆกองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ นางก้มศีรษะลงขณะที่นางตั้งใจทำงานของตัวเอง
เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆพบผ้าจากโกดังแห่งหนึ่งที่พังถล่มในคลัง เดิมทีนี่เป็นสินค้าของพ่อค้าเดินทาง อย่างไรก็ตามกลุ่มพ่อค้านั้นก็หายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว
เมื่อพวกเขาทำความสะอาดโกดังพวกเขาก็รู้สึกว่ามันอาจจะมีประโยชน์จึงเก็บกลับมา
ผู้หญิงคนนั้นกำลังตัดเย็บเสื้อผ้า จากนั้นม้วนและพับแต่ละชิ้นในขนาดคงที่ก่อนจะเย็บเข้าด้วยกัน โดยเหลือช่องที่สามารถดึงเชือกให้เปิดออกได้
มือของหญิงสาวเปลี่ยนผ้าเป็นกระเป๋าที่ดูเหมือนกระเป๋าบางยาวที่สามารถผูกรอบเอวได้
หลังจากที่ข้าวในหม้อเหล็กเย็นลงแล้ว ก็สามารถตักใส่ห่อผ้าของนางและแจกจ่ายให้กับทุกคนไว้เป็นเสบียงในวันต่อไปได้
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกโล่งใจทันทีเมื่อเห็นการอุทิศตนของหยูชิง เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะสามารถเดินทางไปกับทุกคนในหน่วยคุ้มกันโดยที่ไม่สร้างภาระใดๆ
ผู้หญิงที่สามารถกลั้นน้ำตาของเธอไว้ได้หลังจากประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่และยังทำงานเย็บปักถักร้อยให้ผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยจะสามารถอยู่รอดได้อย่างแน่นอน!
……
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เขาสวมเสื้อคลุมที่มีหมวกปิดบังใบหน้าและพกพาคันธนูและลูกศรรวมไปถึงกระบี่อีกหนึ่งเล่มก่อนจะเดินทางไปพร้อมกับหวังฮุ่ย
หญิงสาวที่กำลังเย็บผ้าได้เงยหน้าขึ้นมอง และมองดูเงาของเอี้ยนลี่เฉียงที่หายไปในความมืดพร้อมกับธนูยาวบนหลังของเขา
นางหลับตาลงและทำให้เข็มที่กำลังปักอยู่แทงนิ้วของนางจนเลือดซึมออกมาเล็กน้อย…