327 - เพื่อนร่วมทางคนใหม่
327 - เพื่อนร่วมทางคนใหม่
ในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จ้าวฮุ่ยเผิงอาจเป็นคนไม่มีตัวตน เขาเป็นเพียงศิษย์ภายนอกของนิกาย ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังเหนือกว่าพวกอันธพาลจากเมืองจินหลิง
ทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทันทีที่พวกเขาปะทะกัน ความเหลื่อมล้ำระหว่างจุดแข็งของพวกเขาก็ปรากฏชัด ฝ่ายที่อ่อนแอกว่าก็ชดใช้ด้วยชีวิตทันที
หลายคนในขบวนคุ้มกันที่อยู่เบื้องหลังเพิ่งติดตามมาทันแต่สถานการณ์ของที่นี่ก็จบลงแล้ว ดังนั้นทุกคนได้แต่เก็บอาวุธของตัวเองไว้
“อย่าเข้ามาไม่งั้นข้าจะฆ่านางทันที!”
อันธพาลคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ตะโกนสุดปอดราวกับว่าเขาเสียสติไปแล้ว เขาจับผู้หญิงที่พวกเขากำลังกลั่นแกล้งก่อนหน้านี้เป็นตัวประกัน
เขาหยิบมีดออกมาจี้ไปที่ลำคอของหญิงสาวทำให้มีเลือดของนางซึมออกมาเล็กน้อย อันธพาลคนนั้นโผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังของหญิงสาวเพียงนิดหน่อยแล้วกล่าวว่า
“พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางซะ…!”
ทันใดนั้น ลูกธนูดอกหนึ่งก็แทงทะลุดวงตาของอันธพาลคนนั้น ร่างของอันธพาลที่ส่งเสียงร้องนั้นแข็งทื่อก่อนที่ขาของเขาจะอ่อนแรงและล้มลงกับพื้น
เอี้ยนลี่เฉียงเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเย็นชา
ผู้หญิงคนนั้นผอมเพรียวและดูเปราะบาง เส้นผมของนางกระเซอะกระเซิงใบหน้าของนางเปื้อนน้ำตา และร่างกายของนางสั่นสะท้าน
นางกอดไหล่ของตัวเองและดึงเสื้อผ้าที่ขาดเข้าหากันเพื่อปกปิดร่างที่เกือบเปลือยเปล่าของนาง นางหมอบอยู่บนพื้นและจับจ้องไปยังเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูก
เอี้ยนลี่เฉียงถอดเสื้อคลุมของเขาออกมาคุมให้นางแล้วถามว่า
“แม่นางเจ้าไม่เป็นอะไรนะ”
“ขอบคุณท่านผู้กล้า…” เสียงของหญิงสาวนั้นนุ่มนวล ไพเราะ และน่าฟังมาก นางเงยหน้าขึ้นและพูดกับเอี้ยนลี่เฉียงว่า
“ท่านพาข้าออกจากเมืองนี้ได้หรือไม่?”
"เจ้าชื่ออะไร?"
“หยูชิง…”
“ครอบครัวเจ้าอยู่ที่ไหน”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้เขาอย่างน่าสังเวชและกวาดสายตาของนางไปทั่วซากปรักหักพังรอบตัว
“ไป… ไปหมดแล้ว…”
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงคิดว่าเขาสามารถทำหัวใจให้เย็นชาและไม่หวั่นไหว
แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่ามันยังคงเป็นไปไม่ได้เมื่อเขาเห็นซากปรักหักพังรอบตัวเขาและซากศพที่เปื้อนเลือดกระจัดกระจายอยู่รอบตัวของหญิงสาว
เขาคิดว่าถ้าหญิงสาวคนนี้ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ นางอาจจะมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าการที่ลูกกระต่ายถูกโยนเข้าไปในรังหมาป่า
ในสถานที่ที่ไม่เป็นระเบียบเช่นนี้ ด้านที่บิดเบี้ยวของมนุษยจะถูกเผยออกมา ซากศพที่อยู่บนพื้นนั้นสามารถอธิบายได้ดี
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองหวังฮุ่ยและคนอื่นๆ จากหน่วยคุ้มกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชายที่สามารถฆ่าคนได้โดยปราศจากความสำนึกผิด แต่ความเห็นอกเห็นใจก็มีอยู่ในสายตาของพวกเขา
ทันทีที่พวกเขาเห็นผู้หญิงที่ชื่อหยูชิง ใครๆก็สามารถนึกภาพออกว่าหญิงสาวจะเผชิญอะไรหากพวกเขาไม่ได้ยินคำวิงวอนและให้ความช่วยเหลือไม่ทันท่วงที
“น้องลี่เฉียงพวกเรามีคนมากมายการที่จะเพิ่มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในขบวนก็ไม่ถือว่าลำบากอะไรหรอกนะ…”
หวังฮุ่ยเป็นคนแรกที่พูดขึ้น น้ำเสียงของเขาอ่อนลง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“คิดว่านางคงจะอายุเท่าๆกันกับลูกสาวของข้า…” เขาพึมพำกับตัวเองและถอนหายใจ
“เราได้ฆ่าคนของพวกเขาแล้ว ถ้าเราทิ้งผู้หญิงตัวน้อยคนนี้ไว้ที่นี่ ข้าเกรงว่าเพื่อนคนอื่นๆของพวกเขาจะกลับมาเพื่อแก้แค้นหลังจากที่เราจากไป…”
“หัวหน้าพูดเสมอว่าผู้ที่ท่องไปทั่วโลกควรคำนึงถึงความจงรักภักดี เราควรช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างสุดความสามารถถึงจะไม่ละอายใจที่เกิดมา!”
“ถูกต้อง ถูกต้อง นั่นแหละ!”
ทุกคนเริ่มพูดพร้อมกัน
กู่เจ่อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงยังคงนิ่งเงียบ แต่วิธีที่พวกเขามองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงก็เพียงพอที่จะถ่ายทอดความคิดของพวกเขา
ทุกคนได้สังเกตเห็นการแสดงของเอี้ยนลี่เฉียงในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เกือบครึ่งหนึ่งของศพบนพื้นเป็นผลงานของเอี้ยนลี่เฉียง
แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร แต่พวกเขาก็ประหลาดใจกับการฝึกฝนการยิงธนูและความเด็ดขาดของเขาในระหว่างการช่วยชีวิต ทุกคนเริ่มมองเอี้ยนลี่เฉียงในมุมใหม่
สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพในขณะที่กลุ่มเริ่มมองเขาอย่างเงียบๆ ว่าเขาจะตัดสินใจเช่นไร
“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่” เอี้ยนลี่เฉียงถามหญิงสาวที่ชื่อหยูชิง
"ได้!" หญิงสาวกัดฟันก่อนจะตอบ
“ดีมาก ตามเรามา!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ผู้หญิงคนนั้นยืนขึ้นและพยักหน้าให้เอี้ยนลี่เฉียง
“ไปกันเถอะ…” เอี้ยนลี่เฉียงหันกลับมาและเดินออกไป
“ลี่เฉียง ดูของบนพื้นสิ…”
หวังฮุ่ยส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา จากนั้นเหลือบมองร่างของพวกอันธพาลที่อยู่บนพื้น
ของมีค่าทะลักออกมาจากเสื้อผ้าของซากศพจำนวนไม่น้อยที่นอนอยู่บนพื้น มีทอง เงิน และเครื่องประดับต่างๆมากมาย
“คนเหล่านี้สมควรตายเป็นล้านครั้ง ของมีค่าพวกนั้นตอนนี้ไม่มีเจ้าของแล้ว จัดการให้หมดมันอาจจะเป็นประโยชน์เมื่อพวกเราต้องเดินทางไปต่อ!” เอี้ยนลี่เฉียงประกาศโดยไม่ลังเล เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็ยิ้มออกมา
พวกเขาทั้งหมดดำเนินการค้นหาศพ พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการค้นหาของมีค่าทั้งหมดที่อันธพาลเหล่านี้หยิบมาก่อนหน้านี้และบรรจุเป็นมัดใหญ่
ขณะที่ทุกคนกำลังค้นศพของพวกอันธพาล เอี้ยนลี่เฉียงก็สังเกตว่าหยูชิงเช็ดน้ำตาและใส่เสื้อของเขาเพื่อปกปิดร่างกายก่อนจะชักกระบี่ออกไปทิ่มแทงซากศพของอันธพาลพวกนั้น
แม้ว่านางจะดูเหมือนผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่ในเวลาเช่นนี้นางก็สามารถแสดงความเข้มแข็งออกมา
“นี่เป็นขี้ผึ้งสำหรับทาแผล ใช้มันซะไม่เช่นนั้นบาดแผลของเจ้าจะติดเชื้อ!” เอี้ยนลี่เฉียงเดินไปหาหญิงสาว หยิบขวดขี้ผึ้งที่ผลิตโดยนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ออกมา แล้วยื่นให้กับนาง
“ขอบคุณ…”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่เอี้ยนลี่เฉียงอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่นางจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า
“ขอ… ขอทราบชื่อท่านได้ไหม”
“เอี้ยนลี่เฉียง!”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าเบาๆและรับขี้ผึ้งไป