ตอนที่ 250 ซากศพไนเรล
ตอนที่ 250 ซากศพไนเรล
ไนเรลฟื้นสติขึ้นมา เขากระอักเลือดติดต่อกันอยู่หลายครั้ง ใบหน้ามีเศษดินติดตามคราบเลือดที่ปาก หน้าอกข้างขวาเขียวช้ำจนดำจากการโดนเนโคต่อย แต่พอไนเรลหันไปมองปู่ก็ต้องตกใจ
“ปู่!” มือขวาของเขายังคาอยู่ที่หน้าอกของเนโค เขารับรู้ได้ถึงเลือดที่เหนียวข้นกำลังคลั่งอยู่ตรงมือมีเศษซากของหัวใจอยู่ในนั้นด้วย ไนเรลรีบกลับคือสู้สภาพมนุษย์ปกติก่อนดึงมือขวาที่สภาพข้อมือแตกหักออกมา
เลือดไหลออกจากบาดแผลตามมือในทันที ไนเรลใช้มือซ้ายที่ยังอยู่ในสภาพดีกดบาดแผลไว้ด้วยความร้อนรน เนโคเปิดตาขึ้นมามองไปที่ไนเรล แววตาของเนโคนั้นไม่มีความเจ็บแต่มันแทนทีด้วยความเหนี่อยล้าแทน
ไนเรลคิดจะพยุงตัวปู่ขึ้น แต่เนโคกับจับมือของไนเรลไว้แน่น และห้ามเขา
“ไม่ต้อง ปู่รู้ว่าตัวเองไม่รอดแล้ว” ตัวของเนโคมีพลังงานสีเงินไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ไนเรลพึ่งสังเกตเห็นมัน
“พลังของระบบทำให้ปู่ไม่ตาย ที่จริงแล้วปู่พึ่งจะมาเข้าใจก็เมื่อไม่นานมานี้ ปู่ตายไปตั้งแต่ตอนหนีออกมาจากศูนย์วิจัยแล้ว แต่ระบบเป็นผู้ที่ทำให้ปู่ไม่ตาย”
“ปู่หมายความว่ายังไง?” ไนเรลยังคงกดแผลของเนโค แต่เหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไร เพราะร่างกายของเนโคเริ่มแห้งเหี่ยวลงช้า ๆ
“เจ้าอาจจะไม่รู้ แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับความทรงจำที่มีเจ้าอยู่นั้นมันถูกสร้างขึ้น ตัวของเจ้ามาจากไหนข้าไม่รู้ แต่เจ้าไม่ใช่คนของตระกูลอาโรเดีย สิ่งที่บิดเบี้ยวได้แม้แต่ความทรงจำและโลกทั้งสองใบอาจจะเป็นสิ่งนี้ก็ได้” มือของเนโคสัมผัสไปที่กลางหน้าอกไนเรล มันชัดเจนว่าเนโคหมายถึงเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ
“หลังจากเกิดระเบิดพลังงานกระจายในตอนนั้น ทำให้เกิดบางอย่างกับศูนย์วิจัยนานาชาติ มันคืนความทรงจำและให้ข้าได้เห็นความบิดเบี้ยว...อัก...ไม่มีเวลาแล้ว ขอร้องแหละ...ช่วยทุกคนออกไป ถ้าเจ้าหนีไปได้ ฝากดูแลครอบครัว...” เสียงของเนโคหายไปอย่างช้า ๆ การหายใจของเขาค่อย ๆ หมดลง
“ปู่! แข็งใจไว้ก่อน...”
แม้ไนเรลจะพยายามเรียกเนโคยังไง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ความสามารถโลหิตแห่งชีวิตขอไนเรลหายไปแล้ว แต่ต่อให้มีเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะช่วยปู่ได้หรือไม่ เพราะปู่บอกที่ตัวเองมีชีวิตเพราะพลังงานระบบ
แต่ตอนนี้หลังจากทั้งสองหล่นลงมาในม่านพลังงานสีเขียวสุดจะแปลกประหลาด พลังงานระบบก็โดนผลักออกไปและสลายหายไปในทันที
เมื่อรู้ว่ามันเกี่ยวกับม่านพลังงานสีเขียว เขาคิดจะพาปู่ออกไป เพื่อหยุดการไหลของพลังงานระบบ แต่ปรากฏว่าตัวของเขาและปู่ไม่สามารถออกไปได้ ม่านพลังงานพวกนี้มันเหมือนกับเยื่อบาง ๆ แต่สุดจะทนทาน ไม่ยอมให้เขาและปู่ออกไป
เขาวางปู่ลงก่อนจะต่อยไปที่พลังงานสีเขียว แต่มันไม่ได้ผล พลังงานมันไม่ยอมสลายไป ไนเรลลองขุดลงไปก็เจอกับม่านพลังงานสีเขียว เขารู้สึกหมดหวัง
ลมหายใจของเนโคเริ่มช้าลง...เบาบางลงเรื่อย ๆ มือของเนโคจับเสื้อตรงคอของไนเรลแน่น ก่อนจะชี้ไปยังทิศหนึ่งเหมือนจะบอกบางอย่างก่อนจะหมดลมหายใจลงไป มือของเนโคตกลงพื้นแน่นิ่งไป
ในตอนนั้นเองพลังของระบบเสี้ยวสุดท้ายก็ดังไปทั่วหุบเขา
“เจ้าจะไม่ได้ออกไปจากที่นี่อย่างง่ายดาย” เสียงนั้นเหมือนดังมาจากทุกพื้นที่ แสดงให้เห็นว่าระบบไม่ใช่แค่ระบบ แต่มันมีความนึกคิด ซึ่งตอนนี้ไนเรลไม่ได้สนใจเสียงเตือนของระบบเลยแม้แต่น้อย
ไนเรลมองดูปู่ตายไปต่อหน้าต่อตา
มันจุกมาก จนเขาพูดไม่ออก เป็นความรู้สึกเจ็บที่ไม่อาจจะบรรยายมาเป็นคำพูดได้ มือของไนเรลสั่นไหวเบา ๆ ขณะที่ยืนไปปิดตาของปู่ การกระทำของเขาเชื่องช้าเป็นอย่างมาก
ราวกับต้องการมองดูตาคู่นี้ไว้
ในความทรงจำสมัยก่อน ปู่มักจะเข้มงวดกับเขาเสมอ แม้เขาไม่ได้เรื่องแค่ไหนก็ตาม ไนเรลไม่รู้ว่าความทรงจำพวกนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่มันคือสิ่งเดียวที่เหลือให้เขาระลึกถึงปู่
เขารู้ว่าแม้จะออกไปจากม่านพลังงานสีเขียวได้ แต่ระบบก็จะเข้าควบคุมปู่อีกที และเขาก็คงจะตายบางทีตอนที่ปู่ดึงมือของไนเรลแทงตัวเองตอนนั้นปู่ได้เลือกเส้นทางแล้ว
“ปู่เป็นแบบนี้เสมอ แบกรับเรื่องทั้งหมดไว้คนเดียว แล้วปู่ยังมาทิ้งพวกเราไว้แบบนี้อีก” ไนเรลพูดกับศพของเนโค
แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ ไนเรลมองไปตามมือของปู่มันชี้ไปตรงกลางของม่านพลังงานแห่งนี้ ที่นี่มีแต่แสงสีเขียวที่สว่างในความมืด เขาลุกขึ้นและเดินไปใจกลางของม่านพลัง
ม่านพลังแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก มันแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ยิ่งไนเรลเดินไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเฉยชาเท่านั้น
ด้านหน้ามีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ แม้ที่นี่จะอยู่ในม่านพลังสีเขียว แต่เขาเห็นอย่างชัดเจนว่ามีบางสิ่งที่อยู่หลังม่านพลังส่องแสงสีเขียวออกมา
ตุบ!
ในตอนนั้นเองเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการก็เหมือนจะตอบสนอง มันส่งเสียงดัง ตุบ! ออกมาอีกหลายครั้งตามก้าวที่ไนเรลเดินเข้าไป
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!................
เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการสั่นไหวไปมา ราวกับเสียงหัวใจที่เต้นไม่หยุด นั้นทำให้ตัวของไนเรลสั่นสะท้านด้วยความเจ็บจากแรงกระเพื่อมของพลังงานในร่างกาย ทำให้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้น ไนเรลทรุดลงกับพื้น มือค้ำยันชันเข่าไว้ไม่ให้ลงไปมากกว่านี้
ก่อนจะกัดฟันฝืนอาการบาดเจ็บลุกขึ้นยืนเดินไปอีกด้านของหิน ยังจุดที่ส่องแสงสว่าง
สิ่งแรกที่ไนเรลเห็นคือปลายเท้าของใครบางคนที่นอนอยู่บนพื้น แต่พอเขาเดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ก็ต้องตกใจ มันคือศพ มีศพผู้ชายนอนตายอยู่
ไนเรลมองดูศพด้านหน้า สภาพของศพนั้นเหมือนตกลงมาจากที่สูง จนกระดูกหลายส่วนแตกอย่างน่ากลัว ชุดสูทรบที่ใส่ก็อยู่ในสภาพไม่มีชิ้นดีพังเสียหาย ศพผู้ชายคนนี้เหมือนจะตายมานานนับร้อย ๆ ปีแล้ว ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีดำ แห้งจนหนังติดกระดูก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไนเรลถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก เพราะกลางหน้าอกของศพชายคนนี้มีสิ่งหนึ่งอยู่ มันคือเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ แบบเดียวกับของไนเรล
สิ่งนี้ทำให้ไนเรลนึกบางอย่างออก เขามองไปที่ศพจากนั้นก็เงยหน้ามองไปด้านบน
“นี่คือตัวฉันในโลกนี้ ไม่สิฉันที่กระโดดลงมาในครั้งนั้นตายไปแล้วจริง ๆ” ไนเรลไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ยังไง
ถ้าวินามาเห็นตอนนี้ก็คงจะบอกกับไนเรล ว่านี่คือภาพที่เธอเห็นในครั้งนั้น และได้บอกกับตัวของไนเรลไว้
“3 คำทำนาย คำทำนายสุดท้ายคือศพของชายที่มีเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการอยู่ตรงหน้าอก วินาบอกคือฉัน ตอนนี้คงจะจริง ถ้าอย่างนั้นที่ผ่านมา ฉันไม่ได้ไปโลกใบนั้นด้วยร่างกาย แต่เป็นวิญญาณ หรือความทรงจำอย่างนั้นเหรอ คำถามที่จูเรียโฮโลแกรมถาม คือสิ่งนี้ใช่ไหม”
ไนเรลเดินเข้าไปและนั่งลงข้าง ๆ ศพอย่างเหนื่อยล้า
เขามองดูศพตัวเองและพึมพำ...
“ตกลงชีวิตก่อนนายเป็นไนเรล ชีวิตนี้ไนเรลคือฉันใช่ไหม หรือเราทั้งสองต่างไม่ใช่ใครคนใดเลย”
ไม่มีใครตอบไนเรลกลับ มีเสียงลมที่ดังมาเป็นบางครั้งเท่านั้น เสียงของเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการยังเต้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันกลับคงที่เป็นอย่างมาก
“ช่างแม่ง ไม่ว่าแบบไหนตอนนี้ฉันคือไนเรล” ไนเรลยื่นมือไปหยิบเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการออกมาจากหน้าอกศพ
แกร็ก!
เสียงของเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการที่ถูกดึงออกมาจากศพ ไนเรลมองดูเมล็ดพันธุ์ในมือเขา ก่อนจะกลืนมันลงไปในครั้งเดียว หลังจากกลืนลงไปแล้วทุกอย่างก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไนเรลถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมมันถึงไม่มี...”
แต่ก่อนที่ไนเรลจะพูดจบ ก็มีเสียงบางอย่างในร่างกายของเขาระเบิดขึ้น
บึม!!!!!!!!!
จากนั้นตัวของไนเรลก็ร้อยขึ้นพลังงานในร่างสั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อม ๆ กับที่ไนเรลร้องออกมาเสียงดัง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!
พลังงานสีเขียวพุ่งออกไปทุกทิศทาง ม่านพลังสีเขียวที่ล้อมที่นี่ไว้ฉีกกระจายในทันที หุบเหวทั้งหมดไม่อาจจะทนพลังงานที่ออกมาจากตัวของไนเรลได้ มันสั่นสะเทือนพลังพังถล่มลงมา แต่พอหล่นมาใกล้กับไนเรล พื้นหินดินฝุ่นผงพวกนั้นก็สลายไปในทันที
แรงสั่นไหวเริ่มรุนแรงเรื่อย ๆ จากหนึ่งกิโลเมตร เป็นสิบกิโลเมตร ร้อยกิโลเมตร พันกิโลเมตร หมื่นกิโลเมตร แสนกิโลเมตร มันทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นมันก็เกิดระเบิดพลังงานขนาดใหญ่ทำลายดินทั้งหมดที่ติดกับรอยต่อของสามประเทศ กินอาณาเขตที่เคยเป็นของประเทศไทกีล่า จีนาส มิสทาล อามิวกัสหายไปจนหมด
คลื่นระเบิดขยายตัวไปอีก ก่อนที่จะทำให้ทวีบเทียลันน่าหายไปมันถึงได้หยุดลง เมฆหมอกพิษที่เคยเป็นของซอมบี้ก็หายไปด้วยเช่นกัน
หลังจากคลื่นพลังงานระเบิดหยุดลงมันกลับไม่หายไป เพราะมันไม่ใช่คลื่นพลังงานระเบิดธรรมดาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
คลื่นระเบิดหดตัวกลับกวาดทุกอย่างเข้าสู้ศูนย์กลางอย่างรวดเร็วบีบอัดดูดกลืนแม้แต่อากาศ ก้อนเมฆ ชั้นบรรยากาศท้ามองจากนอกดาวเคราะห์ A000 ตอนนี้มันเหมือนกับเกิดหลุมดำไปครึ่งดวงดาว
ฟรึบ!!!!!!!!!!!!!
ทุกอย่างถูกรวมเข้าด้วยกันก่อนที่จะหยุดนิ่งไปจริง ๆ ไม่มีแม้แต่ลมพัดผ่าน ฝุ่นและควันที่ลอยตัวอยู่ก็แข็งค้างไปทั้งอย่างนั้น
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่สามารถขยับตัวได้อยู่
ไนเรลมองดูมือทั้งสองของตัวเองด้วยสายตาที่เฉยชา ตอนนี้ตัวของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการหายไปจากหน้าอก อันที่จริงมันหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการของโลกใบนี้และเข้าไปแทนทีหัวใจของไนเรล
เลือดในตัวของไนเรลเปลี่ยนเป็นสีทองทั้งหมด แม้แต่ดวงตาและคริสตัลพลังงานที่ห้าผากก็ยังเป็นสีทองด้วย ตัวของเขายังคงลอยอยู่เหนือพื้นดิน
ไนเรลรู้สึกเป็นอิสระกับแรงโน้มถ่วงและอากาศ เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยแค่พลังงานในร่างของตัวเองเท่านั้นนับพันปีก็ยังได้
ตอนนี้ในที่สุดไนเรลก็ได้เข้าใจ จากความทรงจำของเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ อันที่จริงแล้วเม็ดพันธุ์วิวัฒนาการไม่ได้มีสอง แต่มันมีแค่หนึ่งเท่านั้น