EP 528 แผนการเปลี่ยนแปลงชุมชน
EP 528 แผนการเปลี่ยนแปลงชุมชน
By loop
**** ขออนุญาตเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของ หวังอันชิ จาก เลขาธิการมณฑลเป็นคณะกรรมการเขต ***
ในวันถัดมา.
ลมฤดูร้อนพัดมานำพากความร้อนมากับมันด้วย ตั๊กแตนสองตัวปะทะอยู่บนตนไม้ริมทาง
ก่อนเก้าโมงเช้า ดงซูบินเดินไปทำงานจากอาคารที่พักไปยังสำนักงาน แทนที่จะกลับไปที่สำนักงานของเขาเอง เขาตรงเข้าไปในห้องธุรการที่ยังไม่ได้เปิด มีเจ้าหน้าที่หลายคนมาถึงแล้ว เหมือนทุกคนกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องและพิมพ์เอกสารบางอย่างอยู่ และบรรยากาศที่พลุกพล่านอยู่ในล็อบบี้ โจวหยินหยูเธอแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตและกางเกงขายาวแบบสบาย ๆ กำลังสั่งงานลูกน้องของเธอด้วยร่างกายที่อวบอิ่ม เจ้าหน้าที่หลายคนย้าย โต๊ะและวางไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน จากนั้น โจวหยินหยูก็ก้มหน้าลงและวางป้ายไว้เคาเตอร์ร้องเรียน
ดงซูบินยิ้มและพูดว่า "ผู้อำนวยการโจว"
" โอ้เลขาฯซูบินคุณอยู่ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี้กัน"
"พอดีวันนี้ฉันมาเร็วนะ"จริงๆแล้วดงซูบินนั้นตั้งใจขึ้นมาดูตั้งแต่แรก
โจวหยินหยูและชุนจ้าวยิ้มออกมาทันที "วันนี้มีหลายเรื่องที่จะต้องทำ ฉันเลยมาก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง คุณน่าจะเห็นหน้าเคาเตอร์ร้องเรียนแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว ดิฉันเองให้ เสี่ยวลู่รับผิดชอบเรื่องนี้ ตราบใดที่ยังมี คำร้องเรียนจากชาวบ้าน เราจะตรวจดู เมื่อมันเป็นเรื่องจริงก็จะทำการฟ้องไปที่ระบบคอมพิวเตอร์ของพรรคและประสานงานไปทางหน่วยงานรัฐอื่นๆ”
ดงซูบินพยักหน้าเล็กน้อย “ทำได้ดีมาก”
โจวหยินหยูยิ้ม “คุณต้องการเพิ่มเติมอะไรอีกไหมค่ะ”
"เราจะต้องเซตระบบในเขตหนางฉาง ในครั้งนี้ใหม่ทั้งหมด ช่วยดูเรื่องร้องเรียนให้ดีด้วย
“ดิฉันให้ความมั่นใจได้ว่างานนี้จะถูกส่งต่อไปยังพรรคและหน่วยงานของรัฐนั้น หากมีปัญหา ถามดิฉันได้เลย” โจวหยินหยูทำตามคำสั่งของดงซูบินทุกประการ ทำให้ดงซูบินดูสบายใจมากขึ้นกว่าเมื่อวาน "อ้อ เลขาธิการซูบิน เมื่อวานคุณพูดถึงการประชุมงานชุมชน ดิฉันจัดห้องประชุมเล็กๆ เวลา 10 โมงเช้า ตอนเช้า ถ้าเป็นไปได้ ให้ฉันจะแจ้งคณะกรรมการชุมชนทันที ผู้รับผิดชอบ?”
ดงซูบินโบกมือ “ไม่ใช่การประชุม แค่ทำความรู้จักกับทุกคน”
“รับทราบค่ะ ให้ดิฉันแจ้งตามที่คุณบอกมาเลยนะคะ?”
ดงซูบินพยักหน้า ในขณะนี้คณะกรรมการวินัยฉูหยินเซียว เดินเข้ามาอย่างมั่นคงจากด้านนอกพร้อมกับกระเป๋าของเขาในมือ หลังจากเห็นดงซูบินแล้ว ฉูหยินเซียวยิ้ม "ท่านเลขาธิการครับกฎการลงโทษ ... "
"เอาล่ะเดินไปพูดไปล่ะกัน"
"โอเค"
ทั้งสองมีสำนักงานอยู่ในอาคารเสริม ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปร่วมกัน และเริ่มการอภิปรายชุดหนึ่งเกี่ยวกับแผนการลงโทษเฉพาะระหว่างทาง ฉูหยินเซียวแนะนำว่า: "หลังจากที่ผมกลับไปเมื่อวานนี้ ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง เนื่องจากศูนย์บริการของเราได้จัดตั้งเคาเตอร์การร้องเรียน ในส่วนงานอื่นๆควรดำเนินด้วยหรือไม่ แน่นอน เคาเตอร์การรายงานไม่จำเป็นต้องอยู่ที่สำนักงาน ของคณะกรรมการพื้นที่ใกล้เคียง เราสามารถจัดการกับมันได้ในเวลาเดียวกันในสำนักงานเขตของเรา เคาเตอร์ร้องเรียนในห้องบริการยังรับการร้องเรียนจากคณะกรรมการพื้นที่ใกล้เคียงของแต่ละชุมชน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันการละเว้นและยกระดับการบริการ ทัศนคติของเจ้าหน้าที่ได้อีกด้วย"
ดงซูบินไตร่ตรองสักผัก "ข้อเสนอนี้ดี ฉันคิดว่าเราสามารถดำเนินการได้เลย"
ฉูหยินเซียวกล่าวอย่างเฉยเมย: "แม้ว่าสำนักงานเขตของเราจะมีห้องรับขอร้องเรียนแล้ว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะเกิดสถาณการณ์เช่น ข้อพิพาทเกี่ยวกับถิ่นที่อยู่และข้อพิพาททางการค้า เราไม่ค่อยยอมรับของร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ของเรา หากมีเคาเตอร์ร้องเรียนแล้ว น่าจะเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนที่จะทำได้ และผมคิดว่าเราน่าจะต้องกระจายข้อมูลเหล่านี้ไปพื้นที่ต่างๆที่เราดูแลอยู่ให้เร็วที่สุด” ความประทับใจครั้งแรกของฉูหยินเซียวที่มีต่อดงซูบินนั้นดูค่อนข้างดี ดูเหมือนเขาอาจจะกลายเป็นมือขวาของดงซูบินได้ไม่ยากนัก มันสรุปได้ว่าเขาเองได้พิจารณาอย่างรอบคอบและเห็นด้วยอย่างมากกับการดำเนินการตามมาตรการการรับเรื่องร้องเรียนของดงซูบินแล้ว
ดงซูบินกล่าวว่า: "ฉันเกรงว่าบางอย่างอาจะเป็นเรื่องยาก"
ฉูหยินเซียวพยักหน้าและเขาก็เข้าใจด้วยว่าคณะกรรมการเขตและรัฐบาลท้องถิ่นนั้นไม่ได้ควบคุมได้ง่ายๆ
"ฉูยินเซียว คุณต้องเข้าร่วมประชุมการทำงานกับชุมชนในขณะที่นำแผนรายงานบนโต๊ะและมุ่งมั่นที่จะใช้มันในทุกชุมชนโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้."
"รับทราบครัย เอกสารทั้งหมดพร้อมแล้ว."
ดงซูบินนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างก่อนจะกล่าวว่า: "บางเรื่องที่ไม่สำคัญก็อย่าไปใส่ใจมันมากนัก ฉันจะให้ทางพรรคและหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จัดทำเอกสารและฉันจะนำเสนอในที่ประชุมในภายหลัง"
ง่ายสำหรับพวกเขาที่จะพูดมากมาย แต่ยากหน่อยที่จะนำไปใช้ สถานการณ์ในแต่ละชุมชน นั้นซับซ้อนกว่าเสมอ เป็นสถานที่ที่พวกเขาจัดการกับคนทั่วไปโดยตรง ดงซูบินไม่แน่ใจว่าจะรวบรวมชุมชนทั้งหมดภายใต้คำสั่งของเขาเอง เคาเตอร์รับข้อร้องเรียนแบบนี้เองที่ทำให้ผู้คนบางกลุ่มขุ่นเคืองแน่นอน ไม่ว่าจะถูกนำไปใช้หรือไม่ก็ตาม มันจะทำให้พวกเขาเข้าถึงปัญหา มันเป็นสิ่งที่น่าขอบคุณ ดังนั้นดงซูบินตัดสินใจที่จะผลักดันเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปที่จะทำให้บางคนขุ่นเคืองหรือไม่พอใจ
ฉูหยินเซียวหัวเราะและพูดว่า "ท่านเลขาธิการซูบิน นี้คือผลงานเก่าๆของเรา ป็นงานของคณะกรรมการตรวจสอบวินัย ผมเองสามารถทนต่อแรงกดดันเล็กๆ น้อยๆ ได้" ดงซูบินจับมือเขา "คุณไมต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เมื่อเห็นเขาพูดอย่างนั้น ฉูหยินเซียวก็พูดอะไรไม่ออก เขารู้สึกซาบซึ้งในความกล้าหาญของดงซูบินเล็กน้อย หลังจากนี้สำนักงานจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง เลขาธิการคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้สองวันแน่นอน ไม่มีใครกล้าทำเหมือนดงซูบินฉูหยินเซียวรู้สึกถึงจิตวิญญาณของคนทำงานในที่สุดสำนักงานเขตกวางหมิง ก็มีผู้นำที่จริงจังกับการทำงานและไม่กลัวอำนาจใดๆ ทั้งสองพูดคุยกันอย่างจริงจัง และเมื่อพวกเขาแยกจากกันฉูหยินเซียว ยังมีพูดคุยกันอย่างลับๆ ว่าคณะกรรมาธิการงานวินัยจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับแผนการดำเนินงานของเคาเตอร์ร้องเรียน หัวใจของดงซูบินเริ่มเต้นแรง เขารู้สึกว่าสามารถเข้าใจได้ว่าฉูหยินเซียวเอนตัวไปทางเขาโจวหยินหยู, ฉูหยินเซียวและเครือค่ายของดงซูบิน กำลังเติบโตอย่างช้าๆ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดี
กลับมาที่สำนักงานดงซูบินเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมเข้ามา
ก่อนที่เขาจะจุดบุหรี่ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากทางเดินด้านล่าง นั่นคือหวังหยูริน เขาเห็นการแสดงออกของหยูรินชัดเจนจากตึกสูง
“ผู้อำนวยการหวัง”
“อรุณสวัสดิ์ ผู้อำนวยการหวัง”
พนักงานหลายคนทักทายเธอ
หัวของหวังหยูรินขยับราวกับว่าเธอกำลังพยักหน้าไม่แยแสเล็กน้อย
ดงซูบินหายใจออก วันนี้เขาไม่มาสายเหรอ? มาที่นี่เร็วจัง? เขาพร้อมจะสู้กับหวังหยู่หลิง และอาของเธอเป็นเวลานาน และเขายังกำลังวิเคราะห์ว่าคณะกรรมการเขตจะกดดันตัวเองและก่อปัญหาอย่างไร หลังจากที่หวังหยู่ริน ลุงกับป้าของเขาบ่นเรื่องสถานการณ์เลวร้าย สร้างสิ่งกีดขวาง? หรือเพียงแค่ทำมันด้วยตัวเอง? คิดไม่ออกแล้ว ดงซูบินจำต้องปฏิบัติตามกลอุบายใดๆ
สิบโมงเช้า.
ดงซูบิน เปิดประตูห้องประชุมเล็ก และไม่มีที่นั่งว่างด้านล่าง
ในนั้นมีรองผู้อำนวยการ ฉูหยินเซียว, โจวหยินหยู, เกาหมิงเฟิง และ หยูหลงเฟิงชายหญิงที่เหลือล้วนหน้าสด ดูป้าย มีสาขาของชุมชนหวางยินลี่ และสาขาของพรรคและ หัวหน้าชุมชนกวงหมิงหลิวเซียง สาขาพรรคชุมชน หัวหน้าชุมชนหลิ่วเซียง ฯลฯ ผู้นำที่หนึ่งและสองของคณะกรรมการชุมชนใกล้เคียงมาถึงแล้ว คณะกรรมการชุมชนและคณะกรรมการพื้นที่ใกล้เคียงเป็นสองแบรนด์และหนึ่งทีม และหลายคนก็เป็นกรรมการด้วย ดังนั้นผู้รับผิดชอบการประชุมครั้งนี้จึงมีไม่มากนัก สิบคนพยักหน้า
ดงซูบินไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระและพยักหน้ากับทุกคนด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั่งเก้าอี้ประธาน เขาจับไมโครโฟน ก็เริ่มแนะนำตัวเองง่ายๆ และทำความรู้จักกับพวกเขา หลังจากดงซูบิน พูดจบ คณะกรรมการในชุมชนต่อไปนี้ก็แนะนำตัวทีละคน และเมื่อสิ้นสุดการสนทนา พวกเขาก็พูดถึงจำนวนผู้อยู่อาศัยในชุมชนของตนและสถานการณ์ทั่วไป
ยี่สิบนาทีต่อมา
ดงซูบินจดจำใบหน้าทุกดวงในใจของเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วกวาดสายตาลงและเขาก็กล่าวถึงเคาเตอร์ร้องเรียนของสำนักงานเขตแก่ทุกคน ได้เริ่มอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ การดำเนินการ ข้อร้องเรียน และข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับชุมชนการพัฒนายังคงเป็นเรื่องสำคัญ บทลงโทษ และการดำเนินการเฉพาะของถนนโถงบริการมาตรฐาน น่าจะเป็นกรณีนี้ ฉันอยากได้ยินความคิดเห็นของพวกคุณ "
แน่นอนด้วยความที่ดงซูบินยังดูเด็กดูสิ่งที่พวกเขาได้ยินคือ เด็กน้อยที่ดูไร้ประสบการณ์ ตอนนั้นเองที่รู้ว่าขมวดคิ้ว เพราะเห็นว่าคณะกรรมการชุมชนไม่สนใจเขาเลย และกรรมการสองคนก็หยุดพูด
ดงซูบินเหลือบมองพวกเขา "ใครพูดกัน"
ไม่มีใครพูดและทุกคนก็เงียบอย่างกะทันหัน
ดงซูบินกระพริบตา "สนุกไหมกับ สิ่งที่คุณพูดถึง?"
ยังไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนพยายามก้มหน้า
ดงซูบินแปลกใจเล็กน้อย เขาคิดว่านี้ไม่น่าจะใช้เรื่องง่ายแล้วที่จะดำเนินแผนงานนี้ต่อ ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เขาพูด แน่นอน เขายังเข้าใจด้วยว่าความเงียบไม่ได้หมายถึงการสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงพูดง่ายๆ ว่า: "ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน ก็แค่นั้นแหละ พี่ฉู เรื่องนี้จะถูกควบคุมโดยคณะกรรมการงานวินัย เริ่มพรุ่งนี้”
ฉูหยินเซียวพยักหน้า เท่าที่เขารู้ ในชุมชนมีพวกที่หัวแข็งจำนวนมาก คนเหล่านี้จะเอาแต่เงียบแต่ลับหลังจะไม่ให้ความร่วมมือกับการสำนักงานเขตเลย การจะดื้อรั่นเอาขอคิดเห็นจากคนพวกนี้มันก็ดูไร้ประโยชน์ ดงซูบินค่อนข้างพอใจกับทัศนคติของทุกคน มาตรการลงโทษที่ดำเนินการในครั้งนี้เป็นการปรับปรุงงานของสำนักงานในละแวกชุมชนก่อน เขายังจะดำเนินการตามแผนใหญ่ครั้งแรกในตอนต้นของ เขาจะใช้แรงกระเพื่อมของงานนี้เพื่อรวบรวมสำนักงานในละแวกใกล้เคียงและชุมชนต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมกับสำนักงานเขต และงานต่างๆจะกระจายให้กับเจ้าหน้าที่ในชุมชน ในตอนนี้ทุกคนมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน บางคนไม่สนใจ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยค่อยสบอารมณ์ ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องประชุมกันไป
“พี่เฉิน คุณคิดอย่างไรกับแผนของเลขาธิการคนใหม่” “ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะสม ฉันเข้าใจว่านี่คือการปรับปรุงทัศนคติการบริการของชุมชน แต่มันรวดเร็วเกินไป และไม่มีความยืดหยุ่นใน ทางปฏิบัติ”
"ใช่ การทำงานกับชุมชน ไหนจะขัดแย้งกับชาวบ้าน อะไรแบบนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถูกแจ้งความทันทีเจออะไรเราจะทำงานไม่ได้"
“อือ ฉันเองก็เห็นด้วย
“. . . . . . . . . .”
"ถ้าเป็นแบบนี้เห็นที่จะลำบากคณะกรรมชุมชนส่ะแล้ว " หลายคนนั้นบ่นขึ้นมามากมาย
หัวหน้าชุมชนคนหนึ่งยิ้มและพูดว่า “เพี่เฉิน ทำไมคุณถึงไม่พูดถึงมันในที่ประชุมเมื่อครู่นี้?”
มันจะไม่มีสักกี่คนที่กล้าแสดงความคิดเห็นกันจริงไหม? เขาคนนี้เป็นคนจัดการกับเกิงเซียง และหลานสาวของคณะกรรมการเขตอย่างหวังหยิรก็โดนเลขาธิการคนใหม่ดุในวันที่สอง ในเวลานี้คนโง่เท่านั้นล่ะที่จะกล้าคัดค้านแผนการของเขา อย่างไร พวกเขาสามารถคัดค้าน ? ? ก็โดนด่าสิ? เลขาธิการซูบินมีความชัดเจน ขนาดเหล่าญาติของผู้นำระดับสูงยังไม่รอดจะนับประสาอะไรกับพวกเขากัน! พวกเขาทำได้เพียงรอดูการเปลี่ยนแปลงเพียงเท่านั้น
หลายคนรอดูปฏิกิริยาของหวังหยูรินและคณะกรรมการเขตหวังอันชิ ในเวลานี้ เป็นการดีกว่าที่จะนิ่งเฉย