324 - ความขัดแย้ง
324 - ความขัดแย้ง
ในยามเช้าเอี้ยนลี่เฉียง กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงได้เดินผ่านถนนที่พังยับเยินและซากปรักหักพัง ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญและร้องไห้อย่างเจ็บปวดระหว่างทาง
พวกเขากลับมาที่ค่ายของผู้พิทักษ์สีทะเลเพื่อรวมตัวกับคนอื่นๆ
ในช่วงภัยพิบัติครั้งใหญ่เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของทั้งสามคนก็เหมือนกับมดที่อยู่ในกระแสน้ำ กลายเป็นไม่มีนัยยะสำคัญอะไรเลย
พวกเขาสามคนทำงานตลอดทั้งคืนและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากซากปรักหักพังและแม่น้ำได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บางคนก็เสียชีวิตหลังจากที่พวกเขาช่วยขึ้นมา
มีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บดังนั้นพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องค้นหายาและเวชภัณฑ์ในร้านขายยาซึ่งพังทลายรอบๆบริเวณนั้น
ผู้รอดชีวิตมีน้อยมาก ตลอดทั้งคืนเอี้ยนลี่เฉียงไม่เห็นเจ้าหน้าที่ทางการแม้แต่คนเดียว ฉากที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่แตกต่างจากวันสิ้นโลกเลย
เมื่อทั้งสามกลับมาถึงค่าย ที่นั่นก็วุ่นวายพอๆกัน อาคารทุกหลังในโกดังก็พังทลายลงเช่นกัน ลานสองแห่งถูกไฟไหม้และไฟได้เผาผลาญสินค้าในโกดังสองสามแห่ง
“สวรรค์เหตุไฉนท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้…?!”
เจ้าของโกดังที่พวกเขาเช่าเพื่อเก็บของนั่งคุกเข่าต่อหน้าอาคารที่ถล่ม เขาร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าโกดังที่ด้านหน้าเขามีซากศพบิดเบี้ยวอยู่สองสามซาก
ในบรรดาศพเหล่านั้นมีภรรยาและลูกชายของเขา ครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสุขและสวยงามถูกทำลายในชั่วข้ามคืน เหลือเพียงชายชราคนเดียวที่มีชีวิตรอด
“พวกเจ้าสามคนเห็นหัวหน้าเฟิงไหม”
เจ้าหน้าที่คุ้มกันคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาถามพวกเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เอี้ยนลี่เฉียงและอีกสองคนรู้จักการคุ้มกันนี้ด้วย เขาชื่อหวังฮุ่ย เช่นเดียวกับเฉินหูเขายังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถของหัวหน้าเฟิง
หวังฮุ่ยบังเอิญเป็นหนึ่งในคนที่อยู่คุ้มครองสินค้าเมื่อคืนนี้ดังนั้นเขาจึงรอดชีวิตได้อย่างปาฏิหาริย์
เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัว “เราไม่เห็นหัวหน้าเฟิง”
แววตาผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังฮุ่ยทันที
“แล้วพี่น้องคนอื่นๆของเราล่ะ?”
“เมื่อคืนนี้เราสามคนไม่ได้อยู่กับคนอื่นๆ ดังนั้น…”
หวังฮุ่ยโบกมืออย่างรำคาญก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะพูดจบประโยค จากนั้นเขาตะโกนออกมา
“แล้วพวกเจ้าทำอะไรอยู่ รีบไปย้ายของออกจากโกดัง…”
เอี้ยนลี่เฉียงและสหายของเขาเป็นเพียงบุคคลที่ไม่สำคัญในขบวน หวังฮุ่ยไม่ได้สนใจที่จะรู้ว่าพวกเขาทั้งสามไปที่ไหนเมื่อคืนนี้หรือว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่
ในความเป็นจริงหวังฮุ่ยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองหวังฮุ่ยอย่างใจเย็นแต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับไปไหน
"หูแตกหรือไง พวกเจ้าไม่ได้ยินคำสั่งของข้าเหรอ?”
หวังฮุ่ยโกรธทันทีที่มองเห็นปฏิกิริยาของเอี้ยนลี่เฉียง
“รีบไปทำงานเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่หวังฮุ่ยเริ่มตะโกน คนอื่นๆจากหน่วยผู้พิทักษ์สี่ทะเลก็หยุดงานแล้วมองมาที่พวกเขา
เอี้ยนลี่เฉียงมองหวังฮุ่ยด้วยความเห็นอกเห็นใจ หวังฮุ่ยอาจเป็นผู้คุ้มกันที่มีความสามารถ แต่เขาไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้
เห็นได้ชัดว่าหวังฮุ่ยเป็นคนไม่ฉลาดเท่าไหร่ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมองซึ้งถึงสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
เอี้ยนลี่เฉียงกวาดตามองผู้พิทักษ์สี่ทะเลที่อยู่ที่นี่ทุกคน พวกเขามีความกลัว สิ้นหวังและหมดกำลังใจ
“พวกเราไม่ควรขนย้ายสินค้าออกมา สิ่งที่พวกเราต้องทำอย่างแรกคือเข้าไปในเมืองและรวบรวมทรัพยากรที่สามารถใช้ได้ให้ได้มากที่สุด
พวกเราควรหาคำตอบว่าระบบราชการของอาณาจักรฮั่นยังคงใช้ได้หรือไม่ จากนั้นพวกเราค่อยวางแผนกันอีกครั้ง” เอี้ยนลี่เฉียงแสดงความคิดเห็นด้วยความสงบ
หวังฮุ่ยเริ่มหัวเราะด้วยความโกรธ
“โอ้ เจ้าเด็กดื้อกล้าสอนวิธีทำงานให้ข้างั้นหรือ?”
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้อารมณ์เสีย
“หัวหน้าคุ้มกันเฟิงเป็นผู้นำที่มีประสบการณ์มากมาย เขามีวินัยในตนเองและจัดการเรื่องต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสมอ เขาออกจากค่ายไปเมื่อคืนนี้โดยพาคนติดตามไปด้วยสามคน หากเขายังมีชีวิตอยู่เขาต้องส่งคนมาแจ้งพวกเราแล้ว”
“ไร้สาระ…!” หวังฮุ่ยตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด “เจ้ากล้าดียังไงถึงมาสาปแช่งหัวหน้าเฟิง! ข้าจะตัดลิ้นเจ้าออกมาซะ…!”
“ผู้พิทักษ์หวัง ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีสิทธิ์ลงโทษข้า” แม้กระทั่งถึงตอนนี้เอี้ยนลี่เฉียงก็ยังคงรักษาความสงบเช่นเดิม
"เจ้าพูดอะไร?"
ใบหน้าของหวังฮุ่ยบิดเบี้ยวทันที กระบี่ที่เอวของเขาหลุดออกจากฝักและจี้เข้าใส่ลำคอของเอี้ยนลี่เฉียง
“บิดาคนนี้จะกรีดหน้าเจ้าให้ยับเยิน เชื่อหรือไม่…!”
เอี้ยนลี่เฉียงยังคงยิ้มโดยปราศจากความกลัวใดๆบนใบหน้าของเขา เขาใช้สายตาเพื่อเตือนกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงว่าอย่าประมาท ก่อนจะหันกลับไปมองหวังฮุ่ยอย่างเย็นชา
“ข้ารู้ดีว่าใบหน้าข้าค่อนข้างหล่อเหลา อย่างไรก็ตามเจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่ใช่คนของผู้พิทักษ์สี่ทะเล ข้าคือศิษย์อย่างเป็นทางการของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
ข้าเข้าสำนักมาด้วยกุญแจของผู้อาวุโสเจียง ข้าเป็นศิษย์ของยอดเขาเทียนเฉียว เมื่อใดที่สำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อนุญาตให้ผู้พิทักษ์สี่ทะเลสามารถลงโทษศิษย์จากยอดเขาเทียนเฉียวได้?
เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากกระบี่ของเจ้ากดเข้ามาในลำคอของข้าแม้แต่นิ้วเดียวจะเกิดอะไรขึ้น อย่าว่าแต่ตัวของเจ้าจะถูกลงโทษเลยต่อให้เป็นครอบครัวของเจ้าก็จะถูกผู้พิทักษ์สำนักสังหารจนหมดสิ้น?
การแสดงออกบนใบหน้าของหวังฮุ่ยบิดเบี้ยวในขณะที่เขาฟังคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียง เหงื่อเย็นๆไหลลงมาที่หน้าผากทันที…
เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจขณะที่เขายื่นนิ้วออกไปกดกระบี่ให้ออกห่างจากคอของเขา
“ข้าไม่คิดจะต่อสู้กับเจ้า ข้าอยู่ที่นี่และต้องการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จเท่านั้นจึงไม่เคยสร้างความขัดแย้งกับพวกเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าคิดจะรังแกเราได้…”
“เจ้าเป็นเพียงคนไม่สำคัญของยอดเขาเทียนเฉียน มาดูกันว่าเมื่อกลับสำนักข้าจะให้คนของลานบัญชาการลงโทษเจ้าอย่างไร!”
หวังฮุ่ยตะโกนใส่เอี้ยนลี่เฉียงเสียงดัง แต่เขาได้นำกระบี่ออกจากคอของเอี้ยนลี่เฉียงแล้ว
“ฮ่าฮ่า! เจ้าสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าต้องมีชีวิตรอดกลับไปก่อน” เอี้ยนลี่เฉียงจ้องมองที่หวังฮุ่ยอย่างสงบ
"เจ้าหมายถึงอะไร?" หวังฮุ่ยจ้องกลับไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
“พวกเราทำหน้าที่คุ้มกันสินค้าไปส่ง แต่ตอนนี้หัวหน้าขบวนคุ้มกันได้หายสาบสูญไปแล้ว หากพวกเรายังคงติดตามและฟังคำสั่งของเจ้าข้าไม่คิดว่าจะมีใครรอดชีวิตกลับไปได้!”
“ข้าก็แค่สั่งให้พวกเจ้าขนสินค้าออกจากโกดังเพื่อป้องกันความยุ่งเหยิง แล้วมันผิดตรงไหน?”
หวังฮุ่ยกำหมัดของเขาในขณะที่เขาก้าวเข้าไปใกล้เอี้ยนลี่เฉียง
“ข้าหวังฮุ่ยรับใช้หน่วยงานนี้มาหลายสิบปีแล้ว! พวกเจ้ามาที่นี่ก็แค่ต้องการเอาใจลูกค้า การที่เจ้ายั่วโทสะของข้า หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าตีเจ้าให้ตาย ลองบอกมาข้าทำผิดพลาดตรงไหน!”
"ดี ในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าอธิบาย ข้าก็จะบอกเจ้า!” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ตอนนี้เราอยู่ท่ามกลางภัยพิบัติ และจนกระทั่งตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ยินข่าวของหัวหน้าเฟิงเราจึงต้องมองในทางร้ายไว้ก่อนว่าเขาตายแล้ว นอกจากนี้คนของเราก็เหลือไม่ถึงหนึ่งในสามด้วยซ้ำ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่ใหญ่เฟิงตายแล้ว แล้วถ้าเขากลับมาล่ะ?” หวังฮุ่ยหน้าแดง อาจเพราะความละอาย กระนั้นเขาก็ยังพยายามแสดงจุดยืนของตัวเอง
"ดี แต่ในเมื่อเจ้าทำงานมานานเจ้าไม่รู้หรือว่าการที่เราจะทำภารกิจให้สำเร็จได้พวกเราต้องมีกำลังคน” น้ำเสียงของเอี้ยนลี่เฉียงเริ่มเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้เราขาดกำลังคนอย่างเห็นได้ชัด และอาหารของเรากำลังจะหมดเจ้าหวังจะให้เราอยู่ที่นี่โดยไม่มีน้ำและอาหารอย่างนั้นหรือ…”
“ก็…”
หวังฮุ่ยไม่เก่งเรื่องคำพูด แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงเขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลสมผลดี ตอนนี้พวกเขาขาดกำลังคน และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาความปลอดภัยของสินค้า
ทุกคนในหน่วยต่างยุ่งกับการขนถ่ายสินค้า แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดพวกเขาก็หยุดการทำงานทันที
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงพูด สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือการค้นหาอาหารให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีทางรอดชีวิตจากสถานการณ์ที่วุ่นวายนี้