197-198
7/8
Ep.197
ใกล้เที่ยง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าสู่แนวทิวเขาสีดำที่ทอดยาว
ซูเฉินมองไปยังหน้าจอควบคุมส่วนกลาง แต่แล้วคิ้วของเขาต้องขมวดเข้าหากัน
เพราะบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่านี่คือเทือกเขาเหยกู่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ รอบๆสถานชุมชนเฝิงซี ในเวลานี้กลับมีจุดสีแดงล้อมกรอบอยู่ คำนวณคร่าวๆแล้วน่าจะมากกว่าหมื่นจุด
ซึ่งหมายความว่า สัตว์กลายพันธุ์จากเทือกเขาเหยกู่กำลังปิดล้อมสถานชุมชนเฝิงซีอยู่นั่นเอง
สถานชุมชนเฝิงซีเป็นเพียงสถานชุมชนเล็กๆ ตามหลักเหตุผลแล้ว เมื่อมันถูกโจมตีโดยคลื่นสัตว์กลายพันธุ์นับหมื่น ย่อมพินาศในพริบตา
อย่างไรก็ตาม ซูเฉินค้นพบว่า แม้สถานชุมชนเฝิงซีจะถูกห้อมล้อมไปด้วยสัตว์กลายพันธุ์ แต่มันกลับยังไม่ล่มสลาย
และจำนวนมนุษย์ข้างใน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด
“สถานชุมชนเฝิงซีแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?” ซูเฉินรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็หันไปพูดกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ไปดูกันเถอะ”
“รับทราบ”
หลังจากได้รับคำสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็มุ่งหน้าไปยังสถานชุมชนเฝิงซี
“ซูเฉิน คุณพบรังของพวกสัตว์กลายพันธุ์แล้วหรือ?” หวู่หยางก้าวเข้ามาและเอ่ยถาม
ซูเฉินพยักหน้า “พวกสัตว์กลายพันธุ์กำลังล้อมสถานชุมชนเฝิงซีอยู่”
“โอ้”
ได้ยินคำตอบนี้ หวู่หยางไม่แปลกใจ ทั้งยังรู้สึกยินดี
เนื่องจากภูมิประเทศอันซับซ้อนของเทือกเขาเหยกู่ การล่าสัตว์กลายพันธุ์เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันตัดสินใจหนี
แต่ถ้าออกจากเทือกเขาแล้วรวมตัวกันในจุดเดียว อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
เพราะกรณีนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะช่วยลดความยากลำบากในการล่าได้เป็นอย่างมาก และยังมีโอกาสฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย
ซูเฉินก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน จึงออกคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังสถานชุมชนเฝิงซี
สิบนาทีต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] มาถึงตำแหน่งที่ห่างจากสถานชุมชนเฝิงซีหนึ่งไมล์ และจอดลง
ซูเฉินเพ่งมองไปยังสถานชุมชนเฝิงซี
ในสายตาเขา เห็นแค่เพียงกลุ่มก้อนขยุกขยิกสีดำอยู่ด้านนอกชุมชน พวกมันทั้งหมดคือสัตว์กลายพันธุ์
และสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นไม่ได้มีเพียงสายพันธุ์เดียว อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าสิบชนิด
ไม่ว่าจะเป็น หมีศิลาคลั่ง , หมูป่ากระหายเลือด ที่เคยเจอมาก่อนก็ล้วนอยู่ที่นั่น
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นไม่อ่อนแอเลย มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 1 อยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 2 อีกหลายสิบตัว
อาจกล่าวได้ว่า กำลังรบโดยรวมของคลื่นสัตว์กลายพันธุ์นี้แข็งแกร่งมาก มันทรงพลังยิ่งกว่าคลื่นสัตว์กลายพันธุ์ในเทือกเขาฮวงเจ๋อหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม แม้กำลังรบของพวกมันจะมากมายสักแค่ไหน แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายประตูของสถานชุมชนเฝิงซีได้
ส่วนเหตุผลก็ง่ายๆ
เพราะตอนนี้ สถานชุมชนเฝิงซีกำลังถูกปกคลุมไปด้วยบางสิ่งที่คล้ายกับโล่แสงพลังงาน
ด้วยการปกป้องจากโล่แสงพลังงานนี้ คลื่นสัตว์กลายพันธุ์จึงไม่สามารถบุกเข้าไปในสถานชุมชนได้
มองไปยังสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซูเฉินค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดสถานชุมชนเฝิงซีถึงยังปลอดภัย
“สถานชุมชนเฝิงซี .. น่าสนใจจริงๆ” ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถอนสายตากลับมา หันไปถามหวู่หยาง “หัวหน้าหวู่ คุณพอจะรู้ไหมว่าโล่แสงพลังงานนั่นคืออะไร”
“มันน่าจะเป็นค่ายกลป้องกัน” หวู่หยางคิดสักพักแล้วตอบกลับ
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ซูเฉินได้ยินเรื่องนี้ จู่ๆเขาก็เกิดสนใจขึ้นมา เริ่มถามต่อทันที “แล้วค่ายกลมีไว้ทำอะไรได้บ้าง?”
“ฉันก็ไม่รู้มากนักหรอก” หวู่หยางถอนหายใจ กล่าวต่อ “ฉันรู้แค่ว่าค่ายกลมีสามประเภท ได้แก่ ค่ายกลโจมตี , ค่ายกลป้องกัน และค่ายกลกับดัก แต่พวกมันมีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือต้องใช้หินพลังงานเป็นจำนวนมาก”
“หมายความว่า สถานชุมชนเฝิงซีต้องมีความแข็งแกร่งไม่เลว” ซูเฉินใคร่ครวญ
แม้เฝิงซีจะเป็นสถานชุมชนขนาดเล็ก แต่การที่สามารถปกป้องเมืองทั้งเมืองได้ แสดงว่าต้องมีหินพลังงานเป็นจำนวนมหาศาล
8/8
Ep.198
“การเปิดค่ายกลนี้ แม้การป้องกันจะเข้มแข็งและมั่นคง แต่มันไม่สามารถอยู่ได้นาน หินพลังงานหมดเมื่อไหร่ นั่นคือเวลาที่สถานชุมชนเฝิงซีถูกทำลาย” หวู่หยางถอนหายใจยาว
ความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนี้ คือคำขอร้องซูเฉินเช่นกัน ว่าพวกเราควรออกไปล่าสัตว์กลายพันธุ์ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ดีหรือไม่?
ซูเฉินเข้าใจความหมายของหวู่หยาง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาต่างเป็นมนุษย์ และหวู่หยางไม่อยากเห็นสถานชุมชนเฝิงซีล่มสลาย
“เสี่ยวจือ ขับรถไป” ซูเฉินสั่ง
ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็ต้องล่าสัตว์กลายพันธุ์เหล่านั้นอยู่แล้ว งั้นก็ถือโอกาสนี้รวดช่วยสถานชุมชนเฝิงซีเลยแล้วกัน
[รถศึกอัจฉริยะ] เร่งความเร็วเต็มกำลัง เคลื่อนไปข้างหน้า
คนอื่นๆบนรถต่างยกสองมือขึ้นถูไปมา เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] ขับไปจนอยู่ห่างจากสถานชุมชนเฝิงซีไม่ถึงร้อยเมตร เหนือเทือกเขาเหยกู่ จู่ๆก็ปรากฏเงาดำบินผ่านเข้ามา
ในตอนแรก เงาดำนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่เมื่อมันใกล้เข้ามา เงาสีดำนี้ก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งมันลอยอยู่เหนือสถานชุมชนเฝิงซี รูปลักษณ์ทั้งหมดของมันก็เปิดเผยสู่ทุกสายตาอย่างสมบูรณ์
ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว มันมีรูปร่างเหมือนพวกมังกรตะวันตก
ลำตัวยาวกว่าห้าสิบเมตร และทั้งตัวมีสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึก สองปีกยามสยาย ปกคลุมทั้งผืนฟ้า บดบังแสงอาทิตย์
ทุกครั้งที่มันกระพือปีก จะเกิดลมกรรโชกแรง เป่าหินดินทรายปลิวว่อน กระทั่งพวกสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ด้านล่างยังเสียการทรงตัว
“นั่นมันมังกรเพลิงทมิฬ!” สีหน้าของหวู่หยางแปรเปลี่ยนกลับกลาย ริมฝีปากสั่นระริก
คนอื่นต่างตะลึงงัน อ้าปากตาค้าง สีหน้าแสดงถึงความหวาดกลัว
อาศัยเพียงร่างกายอันใหญ่โตดั่งขุนเขาของมังกรเพลิงทมิฬ ก็สามารถสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจต่อผู้คนได้มหาศาล
ควบคู่ไปกับสายเลือดเผ่ามังกร ทำให้มันส่งแรงกดดันมหาศาลออกมา แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ก็ยังทำให้ผู้คนหายใจติดขัด
แต่ยังไงก็ตาม เมื่อเทียบกับความสยองเกล้าของผู้อื่นแล้ว ตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ ท่าทีของซูเฉินกลับยังคงสงบ
มังกรเพลิงทมิฬน่าหวาดกลัวก็จริง แต่กำลังรบของมันไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก
อย่างมากที่สุดไม่เกินเลเวล 5
ด้วยกำลังรบในปัจจุบันของซูเฉิน เขายังพอสามารถรับมือมันได้
“หัวหน้าหวู่ มังกรเพลิงทมิฬตัวนี้เป็นสัตว์กลายพันธุ์ระดับไหน?” ซูเฉินถาม
“มีข่าวลือว่า ปรากฏมังกรเพลิงทมิฬเลเวล 3 ขึ้นในเขตหวงหลินของเรา สมควรเป็นตัวที่อยู่ตรงหน้า”
หวู่หยางตอบ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ถึงแม้มันจะเป็นแค่เลเวล 3 แต่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”
“สุดท้ายก็แค่เลเวล 3” ซูเฉินส่ายหัว
มีเพียงสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 5 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างแรงกดดันต่อเขาได้ แม้ศัตรูคราวนี้คือมังกร แต่มันแค่เลเวล 3 ดังนั้นไม่อยู่ในสายตาเขา
มองไปยังท่าทีไม่แยแสของซูเฉิน หางตาของหวู่หยางกระตุก
เขารู้ว่าซูเฉินคงกำลังคิดจะสังหารมังกรเพลิงทมิฬตัวนี้เป็นแน่ จึงรีบเกลี้ยกล่อม “ซูเฉิน พวกเราถอยกันเถอะ มังกรเพลิงทมิฬไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สามารถยั่วโมโหได้”
ในความคิดเขา ต่อให้ซูเฉินไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน และอาจสามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้
แต่มังกรเพลิงทมิฬมิใช่สัตว์กินพืช มันดุร้าย และสามารถสังหารคู่ต่อสู้ที่มีเลเวลมากกว่าได้อย่างง่ายดาย
บวกกับสถานะเผ่ามังกร และร่างกายที่แข็งแกร่ง เปี่ยมไปด้วยพละกำลังอย่างหาผู้ใดเทียบ ไม่มีทางที่มนุษย์ผู้วิวัฒนาการเลเวลเดียวกันจะสามารถโค่นได้อย่างแน่นอน
หากซูเฉินยืนกรานที่จะต่อสู้กับมังกรเพลิงทมิฬ
เขาเชื่อว่าสุดท้ายคนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบคือซูเฉิน และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
“ซูเฉิน น้องหวู่พูดถูกแล้ว ครั้งนี้ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป พวกเราควรหลีกเลี่ยง” หยางหลิงเทียนก็ก้าวเข้ามาเกลี้ยกล่อมเช่นกัน
หยางฮ่าวและคนอื่นๆก็ก้าวออกมา แม้พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่แววตาสะท้อนไปด้วยความวิตกอย่างมิอาจกลบซ่อน
ตลอดมา ซูเฉินคือตัวคนที่ไม่มีใครทัดเทียมได้ในใจของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของมังกรเพลิงทมิฬ ส่งผลให้ความคิดนี้ของพวกเขาถูกสั่นคลอน
***พรุ่งนี้งดประจำสัปดาห์จ้า***