193-194
3/8
Ep.193
“ตอนนี้ยังอยากจะต่อรองกับฉันอีกไหม?” ซูเฉินยิ้มเยาะ เหลือบมองลงมายังร่างของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีอ้าปากหอบหายใจหนักหน่วง สีหน้าของเธอยังคงแฝงไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวด
หลังจากถูกซูเฉินทรมาน ปราการในใจเธอก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้ ในสายตาของเธอ ซูเฉินมิใช่มนุษย์ที่อ่อนแออีกต่อไป แต่เป็นอสูรร้ายที่เลือดเย็นยิ่งกว่าเผ่าปีศาจราตรีร้อยเท่า
“ฉันยอมแล้ว ฉันจะบอกทุกอย่าง ได้โปรดอย่าทรมานฉันอีกเลย!‘ หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรียอมจำนน
“งั้นก็ตอบมา แกมาจากที่ไหน” ซูเฉินถาม
“ฉันมาจากเกาะว่านเหลียนซาน” หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีตอบตามความจริง
“เกาะว่านเหลียนซาน …” ซูเฉินพึมพำครุ่นคริด
เขารู้จักเกาะว่านเหลียนซาน มันคือเกาะที่มีแต่ภูเขาอยู่ทุกหนแห่ง
ในตอนที่ได้รับแผนที่ทวีปเสวียนเทียน เขาเคยลองเปรียบเทียบขนาดของเกาะเฉียนหยูดู
และได้ข้อสรุปว่า พื้นที่ของเกาะว่านเหลียนซานมีขนาดใหญ่เป็นสิบเท่าของเกาะเฉียนหยู
“ถ้างั้นแล้วเผ่าปีศาจราตรีมีเส้นทางที่ใช้ผ่านไปยังเกาะว่านเหลียนซานรึเปล่า?” ซูเฉินถาม
เห็นได้ชัดว่าเผ่าปีศาจราตรีไม่ได้อาศัยอยู่ในเกาะเฉียนหยู ดังนั้นการมาที่นี่ มีเพียงหนทางเดียว นั่นคือผ่านเขตแดนเท่านั้น
สำหรับเรื่องนี้ เขาได้ทราบข้อมูลคร่าวๆมาจากเผ่าเต่าเขียวในเทือกเขาฮวงเจ๋อแล้ว
“ใช่ พวกเรามีเส้นทางผ่านเขตแดนอยู่ คุณสามารถใช้มันเดินทางระหว่างเผ่าปีศาจราตรีและเกาะเฉียนหยูได้” หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีตอบ
ซูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “แล้วทางผ่านเขตแดนถูกเปิดออกรึยัง? บนเกาะว่านเหลียนซานตอนนี้ใครเป็นผู้ปกครอง?”
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องจำนวนซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์บนเกาะเฉียนหยูแล้ว ในภายภาคหน้าอย่างไรก็ไม่เพียงพอ วันใดวันหนึ่งเขาจำเป็นต้องออกจากเกาะเฉียนหยู ไปตามล่าซอมบี้ที่อื่น
และเกาะว่านเหลียนซานก็เป็นเกาะใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะเฉียนหยู ดังนั้นจึงวางแผนว่าจะไปที่นั่นเป็นจุดต่อไป
หากเกาะว่านเหลียนซานถูกครอบครองโดยเผ่าปีศาจราตรี ซูเฉินจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
“ไม่ ทางผ่านตรงจุดนั้นไม่ค่อยเสถียร มีเผ่าปีศาจราตรีออกมาได้ไม่มากนัก นอกจากนี้ระดับการฝึกฝนสูงสุดที่ออกมาได้ คือเลเวล 3 เท่านั้น”
ซูเฉินปาดจมูกเขา “แล้วต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนทางผ่านแห่งนั้นถึงจะเสถียร”
“ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี”
ซูเฉินพยักหน้า เวลาสิบปีน่าจะพอแล้วสำหรับเขาที่จะกวาดล้างเกาะเฉียนหยู จากนั้นก็มุ่งหน้าไปสังหารซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์บนเกาะว่านเหลียนซานต่อ
“กำลังรบของเผ่าปีศาจราตรีเป็นอย่างไร? ผู้แข็งแกร่งที่สุดมีระดับการฝึกฝนขั้นไหน?” ซูเฉินถาม
ก่อนหน้านี้เขาได้ข้อมูลจากเผ่าเต่าเขียวแล้ว ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 4
ดังนั้นเขาเลยอยากเปรียบเทียบกับเผ่าปีศาจราตรี เพื่อนำมาตัดสินความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์อื่น
“เผ่าปีศาจราตรีของเราเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์นับหมื่น ผู้แข็งแกร่งที่สุดสามารถตัดผ่านขอบเขตเลเวล 10 ได้แล้ว” ระหว่างกล่าวคำเหล่านี้ ใบหน้าของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ
“ตัดผ่านเลเวล 10?” ซูเฉินตกใจมาก
เขายังไม่รู้เลยว่าบนเกาะเฉียนหยูมีเลเวล 5 อยู่หรือไม่ เมื่อย้อนคิดไปว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเต่าเขียวคือเลเวล 4 ในขณะที่เผ่าปีศาจราตรีถือกำเนิดตัวตนที่ตัดผ่านเลเวล 10ไปแล้ว
แม้ทั้งสองจะเป็นเผ่าพันธุ์จากต่างโลกเหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งห่างชั้นกันอย่างเทียบไม่ติด
หลังสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ ซูเฉินยังคงถามต่อว่า “แล้วในบรรดาหมื่นเผ่า เผ่าไหนมีชื่อเสียงเทียบเท่ากับเผ่าปีศาจราตรีบ้าง?”
“นอกจากนี้ก็มีเผ่าเทพ , เผ่าอมตะ , เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ และเผ่ามายา” หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีกล่าวอย่างเคร่งขรึม ดูเหมือนเธอจะหวั่นเกรงเผ่าพันธุ์เหล่านี้มาก
สำหรับเผ่าพันธุ์ลึกลับเหล่านี้ ซูเฉินรู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเอ่ยถาม “แล้วอะไรคือเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ทั้งห้า แน่นอนว่าเผ่าสุดท้ายรวมถึงของแกด้วย”
“ถ้าให้อธิบายง่ายๆ เผ่าปีศาจราตรีของพวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์นับหมื่น ด้วยเหตุนี้สมาชิกเผ่าส่วนใหญ่จึงเป็นผู้วิวัฒนาการ”
“เผ่าเทพมีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ พวกเขาเชี่ยวชาญในการฝึกฝนพลังจิต ส่วนใหญ่เป็นปรมาจารย์พลังจิต”
“เผ่าอมตะ กล่าวอ้างว่าครอบครองร่างกายที่ไม่มีวันตาย แต่อันที่จริงแล้วก็แค่กลายเป็นซอมบี้ แต่ยังคงสามารถรักษาสติปัญญาเอาไว้ได้”
“เผ่าอสูรศักดิ์สิทธิ ก็ตามชื่อเผ่า พวกมันแม้มีประชากรน้อย แต่ความสามารถในการต่อสู้รายตัวแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์นับหมื่น”
“เผ่ามายา ฉกาจในด้านฝึกฝนพลังเวทย์ ผู้แข็งแกร่งของพวกเขา ล้วนเป็นปรมาจารย์มนตรา”
4/8
Ep.194
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีกล่าวในลมหายใจเดียว ขณะเดียวกันลอบมองไปยังซูเฉิน
ในสายตาเธอ แม้ซูเฉินจะเป็นเผ่ามนุษย์ แต่เขาเป็นทั้งผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์พลังจิต และทั้งคู่ยังมาถึงเลเวล 3 แล้ว
ตอนนี้ เธอเกิดความสงสัยขึ้นมา ว่าซูเฉินอาจมีสายเลือดของเผ่าปีศาจราตรีและเผ่าเทพใช่หรือไม่
ไม่อย่างนั้น ด้วยอายุที่ยังเยาว์วัย อีกฝ่ายจะสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงเช่นนี้ได้อย่างไร?
หลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี ซูเฉินตะลึงงัน
เขาไม่เคยคาดคิดเลย ว่าในทวีปเสวียนเทียนจะมีเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอยู่มากมายขนาดนี้
เมื่อเทียบกับสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ เผ่าเต่าเขียวที่ได้รู้จักกันในตอนแรก แค่โดนเจ้าพวกนี้ผายลมใส่ก็ตายเกลี้ยงแล้ว
ซูเฉินสูดหายใจลึก เริ่มปั่นความคิด ในเมื่อหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีอุตส่าห์ถ่อมาจากต่างแดน เช่นนั้นเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพียงเพราะต้องการเที่ยวชมภูเขาและแม่น้ำแน่ๆ
เช่นนั้นแล้วเป้าหมายของเธอคืออะไร?
“จุดประสงค์ที่แกมายังเกาะเฉียนหยูคืออะไร?” ซูเฉินถามด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีลังเลเล็กน้อย ทว่าภายใต้สายตาอันเฉียบคมของซูเฉิน เธอยอมสารภาพ
“จุดประสงค์ของเผ่าปีศาจราตรีของเราคือการรวบรวมทุกเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกัน และเผ่ามนุษย์เป็นเป้าหมายแรก ฉันมาที่นี่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์”
“หืม~ ความทะเยอทะยานของเผ่าปีศาจราตรีไม่ธรรมดาเลย”
ซูเฉินแอบหวั่นใจเล็กน้อย แต่ไม่เผยร่องรอยใดๆบนใบหน้าเขา เอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “และโจวฉางคือคำตอบของแกใช่ไหม?”
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีพยักหน้า
“โอเค อะไรที่ควรถามฉันก็ได้คำตอบมาหมดแล้ว ถึงเวลาส่งแกไปยมโลกเสียที” ซูเฉินหัวเราะเบาๆ ก่อใบมีดสายลมขึ้นบนฝ่ามือเขา
“นี่แก ..” สีหน้าของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีแสดงออกถึงความปวดร้าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เธออธิบายในสิ่งที่ทั้งสามารถบอกได้และบอกไม่ได้ออกไปแล้วแท้ๆ
แต่สุดท้าย ซูเฉินก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอไปอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ยปากสาปแช่ง เธอก็พบว่าซูเฉินร่ายเวทย์ลมออกมา
และเมื่อพิจารณาจากคลื่นความผันผวน บ่งบอกว่ามันเป็นเวทย์ลมเลเวล 3!
ในเวลานี้ สมองของเธอความหยุดนิ่ง
ผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 , ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 แถมยังเป็นปรมาจารย์มนตราธาตุลมเลเวล 3 ในร่างเดียวกัน!
และทั้งหมดรวมอยู่ในผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์รุ่นเยาว์!
เธอรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ใช่เรื่องจริง จนเผลอมองข้ามความตายที่กำลังใกล้เข้ามา
ในเมื่อมิใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเมตตา!
ซูเฉินไม่ใจอ่อน เหยียดมืออย่างสบายๆ ใบมีดสายลมส่งเสียงหวือออ! ถูกยิงออกไป
สะบั้นศีรษะหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีโดยตรง
ทันทีที่หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นปรากฏลำแสงสว่างวาบจากศพเธอ
“เศษชิ้นส่วน!” ซูเฉินรู้สึกมีความสุขมาก
การสังหารสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์ ก็ยังสามารถดรอปชิ้นส่วนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ แม้จะดรอปเพียงชิ้นเดียว แต่ที่ดรอปมันเป็นชิ้นส่วนสีม่วงทอง
และสีม่วงทองเป็นตัวแทนของแต้มพลังงาน!
ปัจจุบันแต้มพลังงานของซูเฉินมีมากกว่า 9,000 แต้มแล้ว หากเขาหยิบชิ้นส่วนนี้ขึ้นมา แต้มพลังงานของเขาก็จะเกิน 10,000 แต้ม
จากนั้นเขาก็จะสามารถแลกเปลี่ยน[กายาเทพอสูรนิรันดร์] หรือ [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] ได้
มองไปยังชิ้นส่วนสีม่วงทองตรงหน้าเขา ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ก้มลงคว้าด้วยมือสั่นเทา
ทันใดนั้น เสียงอันคุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหัวเขา
“คุณได้รับ [2,000 แต้มพลังงาน] *1 , ชิ้นส่วนที่ต้องการ (1/1) , จำนวนองค์ประกอบครบแล้ว คุณต้องการเลือกปลดล็อคหรือแลกเปลี่ยนเป็นแต้มพลังงาน?”
มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเลือกแลกชิ้นส่วนนี้เป็นแต้มพลังงาน
ซูเฉินกล่าวอย่างไม่ลังเล “ปลดล็อค”
สิ้นเสียง เขาก็เข้าไปตรวจสอบ [ร้านค้าวันสิ้นโลก] อย่างรวดเร็ว
เมื่อพบว่าแต้มพลังงานกลายเป็น 11,036 แต้ม เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ใช้เวลาอยู่นาน ซูเฉินถึงสามารถคุมตัวเองให้สงบลง
ตั้งสติได้ เขาก็ออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว กลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
ซูเฉินไม่รีบร้อนที่จะแลกเปลี่ยนมัน เพราะ 10,000 แต้มพลังงานไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เขาจำเป็นต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ