191-192
1/8
Ep.191
“หุบปากให้หมด!”
ซูเฉินตวาดเสียงเย็น ทุกคนสะดุ้งตกใจ สรรพเสียงทั้งห้องพลันเงียบหายราวกับปีกจั๊กจั่น
เขากวาดมองไปทั่วห้อง สุดท้ายสายตาเบนกลงบนร่างของชายชราผอมบาง เอ่ยถามเสียงหม่นว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
“เรียนนายท่าน ที่นี่คือคฤหาสน์ของโจวฉาง” ชายชรากลัวว่าหากตอบช้าเกินไป จะชักนำเภทภัยมาสู่ตน จึงเอ่ยปากอย่างเร่งร้อน
“แล้วพวกคุณเป็นใคร?” ซูเฉินยังคงถามต่อ
“พะ .. พวกเราเป็นชาวเมืองหวังเยว่ จะเรียกว่าเป็นลูกน้องของโจวฉางก็ได้” สำหรับคำถามนี้ ชายชราตอบด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ซูเฉินหรี่ตาลง ใช้ความคิด
เขาพอจะเดาได้แล้ว คาดว่าคนเหล่านี้คงได้รับข่าวว่าโจวฉางถูกฆ่าตาย จึงฉวยโอกาสปล้นทรัพย์สิน
“งั้นมีซอมบี้หรือพวกสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่รวมกันเยอะๆอยู่แถวๆนี้บ้างไหม?” ซูเฉินถามอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เจอสัญญาณของพวกซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์จำนวนมากบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ดังนั้นเมื่อมีโอกาส จึงถามข้อมูลจากคนในพื้นที่
ชายชราผอมบางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “มีสัตว์กลายพันธุ์จำนวนมากอาศัยอยู่ในเทือกเขาเหยกู่”
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นทันที
เขาเคยเห็นเทือกเขาเหยกู่บนแผนที่มาก่อน มันเป็นทิวเขาที่ไม่เล็กไม่ใหญ่
นอกจากนี้ยังมีสถานชุมชนขนาดเล็กที่ชื่อว่า ‘เฝิงซี’ อยู่ใกล้ๆกันอีกด้วย
หลังจากได้รับข้อมูลที่ต้องการแล้ว ซูเฉินอารมณ์ดีขึ้นมาก กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ออกไปจากที่นี่ให้หมด!”
“ขอบคุณนายท่าน!”
ชายชราผอมบางและคนอื่นๆคล้ายได้รับคำประกาศนิรโทษกรรม ทั้งหมดรีบหนีออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
รอจนกระทั่งทุกคนจากไป ซูเฉินจึงปลดปล่อยพลังจิต เริ่มสำรวจคฤหาสน์
จุดสีดำที่แสดงบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง มันตั้งอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้
จุดประสงค์ของการปลดปล่อยพลังจิต ก็เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตจากต่างโลก
ไม่นาน เขาก็พบว่ามีห้องใต้ดินซ่อนอยู่ในคฤหาสน์
ชั้นใต้ดินที่เจอมีขนาดไม่ใหญ่มาก และด้านในมืดสนิท
ซูเฉินควบคุมพลังจิตของเขา ค่อยๆขยายลงไป เมื่อถึงปลายทางของชั้นใต้ดิน หางตาของเขากระตุกขึ้นทันที
เพราะภายใต้รัศมีการสำรวจของพลังจิต เขาเห็นผู้หญิงผมยาวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างใน
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากมนุษย์มาก
เพราะเธอมีใบหูที่ยาวและแคบ หลังหูมีขนปุกปุย ผิวของเธอเป็นสีฟ้าอ่อน มีเขี้ยวแหลมสองซี่โผล่ออกมานอกปาก และยังมีปีกสีดำคู่หนึ่งบนแผ่นหลัง
“หรือว่าเธอจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างโลก?” ซูเฉินขมวดคิ้ว
ก่อนจะมาที่นี่ เดิมเขาคิดว่าคงเป็นพืชโลหิต แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินก็ตัดสินใจว่าจะลงไปดู
เนื่องจากที่นี่คือบ้านของโจวฉาง และสิ่งมีชีวิตจากต่างโลกก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ดังนั้นระหว่างพวกเขาต้องมีการสมรู้ร่วมคิดบางอย่างกันแน่ๆ
เนื่องจากไม่ทราบกลไกทางเข้าห้องได้ดิน ซูเฉินเลยชกพื้นเปิดรู แล้วกระโดดลงจากด้านบน
หญิงสาวต่างสายพันธุ์ในห้องใต้ดิน เมื่อได้ยินเสียงโครมใหญ่ ก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอเห็นว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามา ก็ตะโกนสวนกลับไป “แกเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงได้บุกรุกที่นี่ แล้วโจวฉางเล่าไปไหนแล้ว?”
หญิงสาวต่างสายพันธุ์ไม่ได้ใช้ภาษากลางของทวีปเสวียนเทียน แต่ซูเฉินปลดล็อค [หมื่นภาษาและคำศัพท์] เชี่ยวชาญในทุกๆสำเนียง ดังนั้นย่อมสามารถเข้าใจความหมายของมันได้ดี
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ด้วยว่าภาษาที่หญิงสาวต่างสายพันธุ์ใช้นั้นเป็นของ ‘เผ่าปีศาจราตรี’
จากนั้น เขาก็เอ่ยเป็นภาษาของ ‘เผ่าปีศาจราตรี’ ว่า “แกมาจากเผ่าปีศาจราตรีใช่ไหม? ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่?”
หญิงสาวต่างสายพันธุ์ตกใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนเพ่งมองซูเฉินดีๆอีกครั้ง สีหน้าของเธอค่อยๆมืดมนลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังว่า “คุณเป็นใคร? ทำไมถึงรู้ภาษาเผ่าปีศาจราตรีของพวกเรา?”
“ฉันเป็นใคร แกไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้” ซูเฉินหรี่ตาลง เริ่มเอ่ยขู่ “และแกควรตอบคำถามฉันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อย่างงั้นก็อย่าหาว่าฉันหยาบคาย!”
2/8
Ep.192
“บังอาจ!”
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีตวาดเดือดดาล แสยะยิ้มเย็น “เป็นแค่เผ่ามนุษย์ ถือดียังไงถึงกล้ามาข่มขู่เผ่าปีศาจราตรีอย่างพวกเรา ช่างไม่รู้จักที่ตาย!”
สิ้นเสียง เธอก็ย่ำเท้าเบาๆ ส่งตัวเองทะยานเข้าหาซูเฉิน
“ผู้วิวัฒนาการเลเวล 3?” ซูเฉินขมวดคิ้ว
ผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ถือได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับต้นๆของเกาะเฉียนหยู
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของซูเฉิน เลเวล 3 ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย
เพราะในระดับเดียวกัน ซูเฉินจัดว่าอยู่ในสถานะคงกระพัน!
แล้วเขาจะกลัวหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีเลเวล 3 ได้อย่างไร?
ในจังหวะที่คู่ต่อสู้กำลังพุ่งเข้ามา ซูเฉินปลดปล่อยพลังจิตทันใด
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นโถมเข้าใส่ สะกดเธอจนเชื่องช้าเสมือนดั่งจมอยู่ในหล่มโคลน สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนกลับกลาย กรีดร้องว่า “ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3!”
ในบรรดาสามอาชีพหลัก ปรมาจารย์พลังจิตเป็นอาชีพที่ฝึกฝนยากที่สุด น้อยคนนักที่จะสามารถเป็นได้
โดยเฉพาะคนที่สามารถฝึกฝนจนไปถึงเลเวล 3 เป็นอะไรที่หาได้ยากพอๆกับขนหงสาหรือเขากิเลน หากสามารถบรรลุ อาจเรียกว่าเป็นยอดฝีมือในบรรดาผู้แข็งแกร่งได้เลย
กระทั่งในเผ่าปีศาจราตรี ที่มีอัจฉริยะมารวมตัวกันมากมาย ยังมีปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 อยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ทว่าเผ่ามนุษย์ที่แสนอ่อนแอตรงหน้า กลับสามารถก้าวสู่ขอบเขตผู้ใช้พลังจิตเลเวล 3 ได้อย่างน่าฉงน
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก
และพิจารณาจากในแง่ของอายุ ชายหนุ่มเบื้องหน้าเธอ เขาน่าจะอายุไม่เกิน 20 ปีเท่านั้น
ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี!
มุมปากของซูเฉินยกโค้งขึ้นเล็กน้อย “อันที่จริงฉันเป็นมากกว่าปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 3 นะ”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี ผงะไปครู่หนึ่ง คล้ายกำลังย่อยความหมายในคำพูดของซูเฉิน
ซูเฉินไม่ตอบคำ ซัดกำปั้นชกเข้าตรงหน้าท้องเธอ
บังเกิดเสียงดังปึก!
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีถูกอัดด้วยหมัดจนร่วงลงกับพื้น
แต่เพราะยังมีเรื่องอยากจะถาม ซูเฉินจึงไม่ใส่พละกำลังทั้งหมดลงไปในหมัดนี้
ถึงกระนั้น หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีก็ยังถูกแรงปะทะจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง นอนชักกระตุกอยู่กับพื้น
“เอาล่ะ ตอนนี้แกน่าจะยอมบอกที่มาให้ฉันรู้ได้แล้วใช่ไหม?” ซูเฉินก้มมองหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี กล่าวหยอกเย้า
หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีเงยหน้าขึ้น ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “คุณ … ที่แท้คุณก็เป็นผู้วิวัฒนาด้วยเลเวล 3 ด้วย!”
เป็นถึงสองอาชีพหลัก แถมทั้งคู่ยังก้าวไปถึงเลเวล 3 แล้ว การดำรงอยู่ดั่งสัตว์ประหลาดเช่นนี้ แม้แต่ในเผ่าปีศาจราตรีก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ความอดทนของฉันมีจำกัด เลิกพล่ามไร้สาระได้แล้ว!” ซูเฉินชักสีหน้าเย็นชา ในแววตาทอประกายเย็นยะเยือก
ภายใต้สายตาอันเฉียบคมของซูเฉิน หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีตัวสั่นงันงก กัดฟันข่มอารมณ์ แล้วกล่าวว่า “ถ้าฉันบอกคุณทั้งหมด คุณจะปล่อยฉันไปได้ไหม?”
“แกไม่มีคุณสมบัติที่จะเอ่ยถามหรือต่อรองกับฉัน!” ซูเฉินเอ่ยเสียงเย็น ปราศจากเมตตาแม้แต่น้อย
“ในเมื่อบอกไปก็ไม่รอด แล้วจะพูดทำไม” หญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีก็ไม่ยอมถอยเช่นกัน เธอต้องการใช้เรื่องนี้แลกเปลี่ยนกับซูเฉิน
“ช่างไม่รู้จักชั่วดี!” ซูเฉินแค่นเสียงเย็นชา เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ งั้นเขาก็คร้านจะหว่านล้อมเธออีกต่อไป
พลังจิตแปรเปลี่ยนเป็นมือใหญ่ที่มองไม่เห็น ฉกเข้าคว้าคอหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี ยกขึ้นไปในอากาศ
จากนั้น ซูเฉินก้าวออกมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอ ในมือเขาทอประกายแสงสีทอง คว้าแขนข้างหนึ่งของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรี แล้วหักมันอย่างแรง!
ได้ยินเพียงเสียง เป๊าะ!
กระดูกแขนของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีถูกหักแยกออกเป็นสองส่วน หากไม่มีเนื้อและผิวหนังคอยเชื่อมต่อ มันคงหลุดออกจากร่างเธอไปแล้ว
“อื๊อออ!”
ใบหน้าของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่เพราะถูกบีบคอ เธอเลยไม่สามารถตะโกน ได้แต่ทำเสียงอู้อี้ในลำคอ
ซูเฉินไม่หวั่นไหว ตรงไปหักแขนอีกข้างทันที
เจ็บปวดเพียงใดสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน เวลานี้ดวงตาของหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีเปลี่ยนเป็นขาวซีด แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าจุดไฟแห่งความหวาดกลัวจนได้ที่ ซูเฉินก็ถอนพลังจิตออก เหวี่ยงหญิงสาวเผ่าปีศาจราตรีลงกับพื้น