321 - คุ้มกันสินค้าไปจินหลิง
321 - คุ้มกันสินค้าไปจินหลิง
เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนอย่างหนักที่คฤหาสน์กวางในระหว่างวันและกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ส่วนในช่วงกลางคืนนั้นเขาเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์เพื่อทำภารกิจสำนักให้สำเร็จ
เมื่อเทียบกับการเดินทางที่เขาต้องพาเย่เทียนเฉิงมาเมืองหลวงนั้น การไปส่งสินค้าพร้อมกับผู้พิทักษ์สี่ทะเลกลับเป็นเรื่องที่สนุกสนานกว่ามาก
ตลอดการเดินทางหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพวกเขาพบกับกลุ่มโจรมากมาย โจรพวกนี้มีวิธีการที่น่าสนใจ ตั้งแต่การนำท่อนไม้มาขวางทางหรือพยายามสร้างกับดัก
โดยส่วนใหญ่ ความกล้าหาญของโจรและพวกนอกกฎหมายจะลดน้อยลงทันทีที่พวกเขารู้ว่าขบวนสินค้านี้เป็นของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสี่นิกายหลักของโลก
ใครก็ตามที่กล้าปล้นสินค้าของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะถูกไล่ล่าจากยอดฝีมือของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จนกว่าพวกเขาจะตาย
ดังนั้นที่พวกเขาพบเจอระหว่างทางก็ล้วนแล้วแต่เป็นโจรเล็กโจรน้อยทั้งสิ้น
ในบางครั้งการตั้งด่านเพื่อปล้นของพวกโจร พวกเขาก็ไม่รู้ว่าคนที่พวกเขากำลังจะปล้นมันเป็นใคร แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าเป็นผู้พิทักษ์สี่ทะเลมาด้วยตัวเองพวกเขาก็จะเลิกลาโดยสันติ
การเดินทางทั้งหมดอาจดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้ประสบอันตรายใดๆเลย
ความท้าทายที่หน่วยคุ้มกันต้องเอาชนะระหว่างการเดินทางเพื่อส่งมอบสินค้าบางอย่างเป็นสิ่งที่เปิดหูเปิดตาให้กับเอี้ยนลี่เฉียงอย่างแท้จริง
นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้เรียนรู้ว่านิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจแค่ไหนเท่านั้น แต่เขายังเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมในยุคนี้ และธรรมชาติการทำธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จอีกด้วย
หลังจากเดินทางนานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงครึ่งทางพอดี
ในตอนเย็นของวันที่ 7 เดือน 9 ในปีที่ 17 ของรัชกาลหยวนผิง ในที่สุดกองคาราวานก็มาถึงนอกเมืองจินหลิงในเขตเมืองหลวงทางใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 'สี่เมืองหลวงของจักรวรรดิ'
ภายในเมืองจินหลิงนี้ไม่อนุญาตให้กองคาราวานที่พกพาอาวุธเข้าสู่เมือง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงเดินอ้อมและตั้งค่ายนอกเมืองเท่านั้น
……
“พวกเราเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้วเมื่อมาถึงเมืองจินหลิงข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้าผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปในเมืองเพื่อพักผ่อน…!”
หัวหน้าเฟิงประกาศเสียงดังในขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังกำแพงเมืองจินหลิง
นักรบทุกคนในกองคาราวานต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
เอี้ยนลี่เฉียงนั่งอยู่ในรถม้าคุ้มกันคันหนึ่ง ขาข้างหนึ่งของเขาที่ห้อยอยู่ด้านนอกรถม้าที่กำลังแกว่งไปมาตามการเคลื่อนไหวของรถม้า
การเดินทางมากับขบวนคาราวานมากกว่าหนึ่งเดือนมันทำให้เขาอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ที่จะได้พักผ่อนในเมืองนี้
หลังจากออกจากนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้สามวันพวกเขาก็ต้องใช้ผ้ามาปิดหน้าตา เพราะพวกเขาจะต้องเดินทางในทะเลทรายเป็นเวลานานก่อนจะมาถึงเมืองจินหลิง
ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองจินหลิงเป็นที่ทราบได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากเมืองจินหลิงประมาณ 20 ลี้ แต่ทางหลวงก็แออัดไปด้วยการจราจรที่คับคั่ง
“พี่หนิว ดูเหมือนทุกคนจะดีใจมากเลยที่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าเฟิง…?” เอี้ยนลี่เฉียงถามคนขับรถม้าที่อยู่ด้านข้าง
คนขับรถมาคนนี้แซ่หนิวชื่อเต็มของเขาคือหนิวซานเขาเป็นชายวัยสี่สิบเป็นคนขับรถระดับต่ำสุดของหน่วยงานผู้พิทักษ์สี่ทะเล ซึ่งรับผิดชอบในการขับรถรั้งท้ายขบวน
หลังจากนั่งรถม้าคันนี้มาประมาณหนึ่งเดือนเอี้ยนลี่เฉียงก็สนิทสนมกันกับชายคนนี้เป็นอย่างมาก ในบางครั้งหนิวซานเหน็ดเหนื่อยมากเกินไปพวกเขาก็เปลี่ยนกันขับรถม้า
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม… เจ้ายังเด็ก ลี่เฉียง เจ้าจะเข้าใจเมื่อเจ้าโตขึ้น ขอบอกให้เจ้าทราบ ความคาดหวังสูงสุดของผู้คนในกองคาราวานนี้ต่างก็อยู่ที่เมืองจินหลิงทั้งสิ้น”
แม้ว่าคำตอบของหนิวซานจะคลุมเครือ แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถจับข้อความที่เขาพยายามจะสื่อได้ นอกจากนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิวซานก็ชัดเจนอย่างยิ่ง
“ไม่คิดว่าจะมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาถึงขนาดนี้ในโลก…!” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หูของเอี้ยนลี่เฉียง
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงหันกลับไปมองเขาก็เห็นหญิงสาวสองคนนั่งอยู่บนรถมาซึ่งกำลังจะขับสวนเขาไปพอดี
เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงจากตระกูลธรรมดา ผู้หญิงสองคนบนรถม้าถือได้ว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำพวกนางยังใจกล้าอีกด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มให้พวกนาง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาหันหน้าหนีและดึงผ้าเช็ดหน้าที่พันรอบคอขึ้นมาให้คลุมใบหน้าเกือบทั้งหมด
ในช่วงค่ำพวกเขาก็ตั้งค่ายเสร็จแล้ว และตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งวุ่นวายกับการขนสินค้าลงจากหลังรถม้า เพราะพวกเขาจะอยู่พักผ่อนที่นี่เป็นเวลาหลายวัน
"หัวหน้า…"
เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งขนของลงจากรถมาได้ไม่นานกู่เจ๋อซวนก็โผล่มาข้างหลัง
"โอ้? งานของเจ้าเสร็จหรือยัง” เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองกู่เจ๋อซวน
“ฮ่าฮ่า เกือบแล้ว!” กู่เจ๋อซวนยิ้มอย่างซุกซน
“ฮุ่ยเผิงอยู่ที่ไหน”
“ยังช่วยขนถ่ายของอยู่!”
“ถ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดมา!” เอี้ยนลี่เฉียงสำรวจบริเวณโดยรอบแล้วกล่าวว่า “ถ้าเฒ่าเฉินหาเรื่องพวกเราอีกพวกเราคงต้องเลี้ยงม้าอยู่ที่นี่ไม่ได้เข้าเมืองไปกับคนอื่น…!”
“ฮ่าฮ่า เฒ่าเฉินก็แค่อิจฉาความหล่อของเจ้า ดังนั้นเขาจึงหาเรื่องพวกเราอยู่ตลอดเวลา!” กู่เจ๋อซวนยิ้มอย่างซุกซน
“มีอะไรก็รีบพูดมาไม่งั้นข้าจะกลับไปทำงาน...”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ อย่าเพิ่งไป!” กู่เจ๋อซวนดึงเอี้ยนลี่เฉียงอย่างรวดเร็ว เขาเลียริมฝีปากแล้วมองเอี้ยนลี่เฉียงก่อนจะพูดว่า
“เจ้าต้องการไปเที่ยวกับเราคืนนี้หรือเปล่า”
เมื่อกู่เจ๋อซวนพูดแบบนั้น แววตาที่ฉายผ่านดวงตาของเขาดูคุ้นเคยกับเอี้ยนลี่เฉียงมากเกินไป มันเป็นรูปลักษณ์เดียวกันกับที่เขาเห็นจากหนิวซานเมื่อสักครู่นี้เอง
“มีอะไรน่าสนใจในจินหลิง” เอี้ยนลี่เฉียงถามอย่างตั้งใจ
“ฮ่าฮ่า เจ้าไม่รู้หรือว่าจินหลิงเป็นเมืองที่มีหญิงงามมากที่สุดในโลก? ได้ยินมาว่าแม่น้ำฉินฮุ่ยมีกลิ่นเหมือนหญิงสาวที่ล่องเรืออยู่ในแม่น้ำนั้น เจ้าไม่อยากไปสัมผัสเหรอ?”
“ดี งั้นเราไปที่นั่นกันหลังอาหารเย็น!”
เอี้ยนลี่เฉียงไม่เพียงแต่จะไม่ปฏิเสธแต่เขายังมีความสนใจในสถานที่แบบนี้ของโลกนี้อีกด้วย
"ใช่! นั่นคือสัญญา!” กู่เจ๋อซวนมีท่าทางตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
“เอ๊ะ เสือเฒ่าเฉินกำลังจะมา…!” เอี้ยนลี่เฉียงมองกู่เจ๋อซวน กู่เจ๋อซวนก็ไม่รอช้าเขากระโดดลงไปในกองฟางที่อยู่ด้านข้างทันที
เอี้ยนลี่เฉียงนำม้าสองสามตัวเข้าไปในคอกม้าและมัดมันไว้ ก่อนที่เขาจะเดินออกมาแล้วพบกับสายตาดุร้ายของชายชราแซ่เฉิน
“เอี้ยนลี่เฉียงเจ้าเห็นกู่เจ๋อซวนหรือไม่”
“อ่า เขากำลังขนของลงรถอยู่!” เอี้ยนลี่เฉียงชี้ไปที่ระยะไกล
“ดูนั่นสิ! กู่เจ๋อซวนอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ?”
เฒ่าเฉินหันศีรษะและเห็นว่ากู่เจ๋อซวนกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน ถึงกระนั้นเขาก็ยังพ่นลมอย่างเย็นชา
“หลังจากทำงานเสร็จให้อาหารม้าด้วย!”
"ตกลง!"
“และก็…” สายตาของเฒ่าเฉินจ้องมองไปที่ใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าเป็นสมาชิกหน่วยคุ้มกันอย่าพยายามหว่านเสน่ห์ทำให้หน่วยคุ้มกันของพวกเราขายหน้า อย่านึกนะว่าข้าไม่เห็นก่อนหน้านี้เจ้าเล่นหูเล่นตากับหญิงสาวพวกนั้น…” พูดจบเขาก็เดินจากไป
“เจ้าเกิดมาอัปลักษณ์ก็เป็นปัญหาของเจ้า มันเกี่ยวอะไรกับข้า!” เอี้ยนลี่เฉียงสาปแช่งอยู่ในใจ