ตอนที่47 ฝ่าหมอกเจอปัญหา
ตอนที่47 ฝ่าหมอกเจอปัญหา
ในโลกแห่งความเป็นจริง หลังจากที่กายออกจากโลกราชัน เขาก็กลับไปนอนบ้านตามปกติ เช้าวันต่อมาเขาตื่นเกือบ 10 โมงเช้า
กายจัดการงานบ้านทุกอย่างก่อนที่จะออกไปหาอะไรกิน ขณะที่เขาคิดว่าตัวเองควรสั่งอาหารแช่แข็งมาเก็บไว้บ้าง ในเมื่อเขามีตู้เย็นแล้ว ดีกว่าปล่อยมันทิ้งวางไว้ ส่วนเรื่องซื้ออาหารมาทำเอง กายยังไม่คิดถึงเรื่องนี้เพราะเขายังไม่มีเวลา
หลังจากนั้นกายกลับเข้าไปที่ร้านเกมเสมือนจริงตามปกติ เขาทักทายเจ๊ซาเรีย แต่วันนี้เธอกลับมาอารมณ์เสียอีกแล้ว กายไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขายังไม่ได้เข้าเล่นเกม แต่ลองหาข้อมูลการเดินป่าและการแกะรอย แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นข้อมูลในยุคเก่าสมัยนี้ไม่มีใครออกไปเดินป่าแล้ว เพราะมันไม่มีป่าให้ออกไปเดินเล่นแล้ว
พื้นที่แทบจะทั้งหมดของ 7 เขตถูกพัฒนาเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรมเป็นหลัก แม้จะมีหลายพื้นที่ให้สัตว์อยู่อาศัยเพื่อเป็นการอนุรักษ์สายพันธุ์สัตว์ไว้เท่านั้นและก็ไม่เปิดให้คนธรรมดาเข้าอยู่แล้ว
ดังนั้นวิดีโอส่วนใหญ่นั้นเป็นวิดีโอเก่า ๆ ตั้งแต่โลกยังไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้
วิดีโอแลกก็มีการสอนเรื่องกินของในป่า ชายที่อยู่ในคลิปกระโดดลงไปในน้ำไล่ตามจระเข้ไป จากนั้นก็ฆ่าและดื่มเลือดของมัน พอขึ้นมาตัวของชายคนนั้นก็เปียกไปหมด เล่นทำเอากายคิดในใจว่า อิหยังวะ! เลย
พื้นฐานการเดินป่าสิ่งแรกคือ การรักษาอุณหภูมิไม่ให้ลดต่อจนเป็นไข้ เพราะนั้นหมายถึงหายนะ แต่ชายในคลิปฉีกกฎทุกข้อนี้ทิ้งไป แถมยังกระโดดลงไปในน้ำที่ไม่รู้ว่ามีอะไรที่เป็นอันตรายกับมนุษย์หรือเปล่า เช่นพวกสัตว์เล็ก ๆ หรือพวกเชื้อโรค แบคทีเรียและพยาธิในเลือดสัตว์ ที่สำคัญถ้าเกิดท้องเสียอันนี้คงแย่น่าดู
กายคิดว่าเขาคงไม่ทำตามชายคนนี้ดีกว่า
หลังจากนั้นกายก็เปิดดูหนังอีกเรื่องมันเกี่ยวกับเกมที่จับมนุษย์ไปขังรวมกับในโดมและหาคนรอดชีวิตคนสุดท้าย ตัวหนังใช้นก “ม็อคกิ้งเจย์” สื่อถึงสัญลักษณ์แห่งการก่อปฏิวัติด้วย
ที่จริงกายก็ไม่คิดว่าในหนังจะเหมือนความเป็นจริงไปซะทุกอย่าง แต่มันก็มีหลาย ๆ สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กายได้เป็นอย่างดี
วันทั้งวันก็ผ่านไปแบบนี้ กายไม่ได้เข้าไปเล่นในโลกราชัน เพราะเขาไม่อยากหักโหมมากเกินไป ตอนนี้เขาต้องเก็บแรงไว้เล่นในโลกราชันมากกว่า
....
วันที่ 23 เมษายน ปีที่ 70 เวลา 00.00 น. ตามเวลาโลก กายเข้าไปในโลกราชันอีกครั้งหลังจากพักผ่อนมาทั้งวัน
วันนี้เป็นวันที่สองของการทดสอบ ถ้าตามเวลาโลกราชันแล้วมันคือวันสิ้นเดือนของเดือน 1 ปีดาราที่ 997 กายมองไปรอบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาใส่เชื้อเพลิงให้กับกองไฟเพิ่ม เขายังไปตรวจสอบว่าไมก้า นักเรียนคนนั้นที่เขามัดไว้ฟื้นขึ้นมายัง
แต่ดูเหมือนไมก้าจะยังไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ กายจึงกลับไปนอนต่ออีกสักพัก
อีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเช้า กายตื่นขึ้นมาด้วยความหนาว ยังดีที่เกราะของเขานั้นเป็นหนัง จึงกันน้ำได้ดี ทำให้เมื่อคืนที่ออกไปรอจัดการกับไมก้านั้นเขาไม่เปียกมาก
“หนาวเป็นบ้าเลย”
กายยกมือทั้งสองข้างถูกันไปมา จากนั้นก็ทำท่าเป่าลมหายใจออกมาจนเกิดไอหมอก ฝนด้านนอกก็หยุดตกแล้ว แต่กลับมีหมอกลงอย่างหนักแทน
“แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าเดิมซะอีก” กายขมวดคิ้วคิดว่ายุ่งยากซะแล้วหรือเขาควรจะหาที่ซ่อนรอหมดเวลาค่อยออกมา เพราะยังไงเขาก็ได้มาสองเหรียญตราแล้ว
“แต่จะให้ทิ้งโอกาสไปน่าเสียดาย” กายเหวี่ยงค้อนขวานในมือไปมา ขณะที่คิดอย่างหนัก สุดท้ายกายก็ตัดสินใจจะออกไปตามล่าเหรียญตรา เขาต้องสู้เพราะต้องการค่าประสบการณ์อีกมากในการยกระดับไปนักรบฝึกหัดขั้น 2
แล้วจะมีที่ไหนบ้างที่สามารถสู้ได้เต็มที่เท่าการทดสอบนี้
เมื่อตัดสินใจได้ กายก็เก็บข้าวของทั้งหมด เขาเก็บเหรียญตราของตัวเองไว้ในข้างในรองเท้า แล้วเอาเหรียญตราที่ชิงมาจากไมก้ามาแขวนไว้ในกระเป๋าแทน
กายไม่รู้ว่าเหรียญพวกนี้เป็นของใครของมันไหม แบบถ้าเสียเหรียญตัวเองจะมีผลอะไรไหม
ดังนั้นเขาจึงสลับเหรียญของตัวเองแล้วเอาเหรียญที่ได้มาใหม่มาแทนที่
ระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
แล้วถ้าเขาเจอคนสู่ไม่ไหว จะหนีก็ไม่รอดกายคิดว่าเขาจะเอาเหรียญออกมาปาไปไกล ๆ เพื่อล่อให้พวกนั้นไปเก็บเหรียญตรา เขาจะได้มีเวลาหนีมากขึ้น ก็ถือเป็นความคิดที่ดี
แต่แล้วกายคิดไปคิดมาก็หยิบหินมาก้อนหนึ่งก่อนจะเก็บลงไปในกระเป๋าไว้กับเหรียญตรา
“กระต่ายต้องมีหลายโพรง” กายยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะแบกกระเป๋าเป้เดินออกไปด้านนอกโดยมีค้อนขวานอยู่ในมือและดาบกระบองเพชรอยู่ข้างเอว
....
เสียงฝีเท้ากายเดิน ฉวบ ๆ ไปบนใบไม้ที่ชุ่มน้ำ กายเลือกจะเดินตามทางที่น้ำไหลแทนที่จะเดินขึ้นไปด้านบน ไม่ใช่เพราะว่าเขามีความรู้อะไรมาก แต่เพราะในสภาพแบบนี้เดินไปข้างบนมันยากกว่าเดินลงล่าง
หลังจากกายออกมาไม่นานก็มีเสียงพลุสัญญาณดังขึ้น
กายหันไปมองด้วยความสนใจ เขาเห็นแสงสีแดงวิ่งตัดผ่านหมอกขึ้นไปบนฟ้า มันเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ในยามที่แสงสีเหลืองทองของพระอาทิตย์กำลังขึ้นก็ตาม
กายไม่รู้ว่ามันมาจากพลุสัญญาณของไมก้าหรือไม่ แต่อาจจะใช่เพราะเป็นทิศทางเดียวกัน
กายยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ เขาระวังตัวมาก ในหมอกแบบนี้มันยากที่จะเห็นรอบตัวได้ชัดเจน ยิ่งเดินมาหมอกก็ยิ่งหน้าโดยเฉพาะพอแสงจากดวงอาทิตย์ขึ้นไม่นาน กายคิดว่าพอแดดแรงกว่านี้หมอกพวกนี้ก็คงจะหายไปเอง
กายรู้สึกหิวเล็กน้อย เขาจึงหยิบเนื้อแห้งออกมาใส่ปากเคี้ยวเล่นไปเพลิน ๆ แต่แล้วพอกายเดินฝ่าหมอกออกไปก็ต้องแปลกใจ ตอนนี้เขามายืนยู่ในพื้นที่โล่งกว้าง มันเป็นทุ่งหญ้าขนาดประมาณ 2,500 ตารางเมตร ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
แต่ที่กายคิดว่าซวยแล้วจริง ๆ นั้นก็คือข้างหน้าของกายมันมีกลุ่มนักเรียนชั้นปี 1 อยู่ เพราะหมอกที่หนา กายจึงไม่เห็นคนพวกนี้
กลุ่มนักเรียนชั้นปี 1 ที่รวมตัวกันมีอยู่ประมาณ 10 คน แต่ละคนใส่เกราะคล้าย ๆ กัน มีสามคนที่มีคันธนูเหน็บอยู่ด้านหลังในมือถือดาบสองในสามนั้นเป็นหญิงสาว อีกสองใช้โล่และดาบมือเดียว ส่วนอีก 5 ที่เหลือใช้ดาบสองมือเป็นหลัก
สรุปแล้วในกลุ่มนี้มีผู้หญิงสองคนและผู้ชาย 8 คน มีทั้งอาวุธโจมตีระยะใกล้และไกล ทั้งยังมีโล่ป้องกันมันแทบจะเรียกว่าทีมที่สมบูรณ์แบบ แถมกายคิดว่าทุกคนยังเป็นนักรบฝึกหัดขั้นที่สองอย่างแน่นอน
นอกจากกลุ่มของนักเรียนพวกนี้แล้ว ยังมีอีกสองคนที่ดูเหมือนโดนตามล่าอยู่ ทั้งสองถูกล้อมไว้ตรงกลาง คนหนึ่งเป็นผู้ชายบาดเจ็บที่ขามีลูกธนูปักคาอยู่ซึ่งกำลังทำตัวเป็นพระเอกปกป้องหญิงสาวอีกคนอยู่
กายถึงกลับกลืนน้ำลายเขาไม่คิดจะเข้าไปช่วย เพราะการทำแบบนั้นมันไม่ต่างจากเดินเข้าไปหานักเรียนกลุ่มนี้ แล้วบอกผมมารายงานตัวครับนี่คือเหรียญตราของผมเชิญเอาไปได้เลย
เขาคงไม่โง่ขนาดนั้น คนมากขนาดนี้จะไปสู้ด้วยได้ยังไง อีกอย่างนักเรียนสองคนนี้ก็ไม่ตายหรอกเพราะมันมีกฎอยู่ว่าห้ามฆ่า แถมถ้าทั้งสองไม่ไหวก็แค่ยิงพลุสัญญาณยอมแพ้ไปก็จบแล้ว
กายค่อย ๆ ถอยหลังอย่างช้า ๆ เข้าไปในแนวป่า แต่หญิงสาวที่หลบอยู่หลังนักเรียนชายที่บาดนั้นสังเกตเห็นกาย เธอรีบตะโกนเรียกเขา
“เฮ้...เจ้าได้ยินข้าไหม ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” เสียงของเธอดังเป็นอย่างมาก จนทุกคนถึงกับหันมามอง
“บัดซบ” กายถึงกับด่าออกมาด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว เด็กสาวคนนั้นตั้งใจให้คนพวกนี้เห็นเขาอย่างแน่นอน เพราะหลังจากนั้นเธอก็หันหลังจะวิ่งหนีในตอนที่ทุกคนมองหากาย
โดยไม่สนใจทิ้งผู้ชายคนที่บาดเจ็บไว้แบบนั้น แต่โชคร้ายเธอโดนเตะจนล้มลงไปก่อน แม้แต่ผู้ชายที่ปกป้องเธอยังรู้สึกโกรธกับการกระทำของหญิงสาว
“เจ้าน่ะ! หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้” หญิงสาวผมสีบอร์นยกธนูเล็งมาที่กาย คนอื่น ๆ ก็หันมามอง ทำให้ตอนนี้กายเป็นจุดสนใจของทุกสายตา
เท้ากายหยุดชะงักในใจคิดว่าซวยสุด ๆ เลย เขาส่งสายตาไม่พอใจไปทางหญิงสาวที่โดนเตะจนตัวงอเป็นกุ้งคนนั้น
“เออ...พวกเจ้าตามสบายเลย พอดีข้าแค่เดินผ่านทางมาเท่านั้น” กายโบกมือไปมา ทำตัวราวกับตัวเองเป็นคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น
เขายังคงก้าวถอยหลังช้า ๆ หญิงสาวที่เล็กธนูมาที่กายขมวดคิ้วด้วยความโมโหตะโกนบอกกายอีกครั้ง
“ข้าบอกให้หยุดเจ้าไม่ได้ยินอย่างนั้นเหรอ”
กายคิดในใจว่า แม้จะได้ยินแต่ข้าก็ไม่คิดจะหยุด เขาหันหลังวิ่งสับเท้าแตกทันที
หญิงสาวผมบอร์นพ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจเธอยิงธนูใส่กายทันที กายได้ยินเสียงดังฟริ้วเข้ามาเขารีบกระโจนหมอบกับพื้นราวกับกบ หลังจากนั้นก็มีเสียงดังปัง! ต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้ากายไม่ถึงสองเมตร มีลูกศรปักลึกจมอยู่ในต้นไม้เกือบจะมิดลูก เหลือเพียงแต่ปลายหางเท่านั้นที่โผล่ออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่กายเห็นพลังการโจมตีของลูกธนู
“เชี้ย!..เจ้าคิดจะฆ่าเลยงั้นเหรอ อย่าลืมว่ามีกฎห้ามฆ่าอยู่นะ” กายตะโกนกลับไป แต่หญิงสาวผมบอร์นไม่สนใจหยิบลูกศรขึ้นมาอีกดอก
กายรีบลุกตะกุยตะกายวิ่งไปหลบหลังต้นไม้
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ เจาะทะลวง ขั้น 2” หญิงสาวเล็งไปที่ต้นไม้ที่กายหลบอยู่ แสงสีแดงไหลผ่านร่างกายของหญิงสาวไปรวมกันอยู่ที่หัวลูกศรหลอมรวมกันหนึ่ง
หญิงสาวปล่อยลูกศรออกไป จนเกิดแรงอัดอากาศกระจายออกมาตอนที่ลูกศรวิ่งไป
กายรู้สึกเสียวที่สันหลังวาบ เขาหลบตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้นลูกศรก็....