301 - คนทรยศ?
1612 - คนทรยศ?
โหนกแก้มของจินไท่จุนแตกออกจากฟันทุกซี่ของนางหลุดร่วงออกมาทั้งหมด
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้าทำเกินไปแล้ว!” ดวงตาของจินไท่จุนมืดมนนางตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น
แต่นางยังไม่ยอมจำนนแต่แอบสนทนาอย่างลับๆกับเซียนอมตะหวังเพื่อที่จะได้ร่วมกันโจมตีเมิ่งเทียนเจิ้งและปราบปรามเขา
ในความเป็นจริงผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งสามารถจัดการนางได้ตั้งนานแล้ว เพียงแค่ว่าเขาไม่ได้ปิดผนึกนางในทันทีแต่กลับทารุณกรรมนางด้วยการโจมตีลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้นางโกรธมาก
“ ฮวงเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จโดยมีร่างกายเป็นเมล็ดพันธุ์ซึ่งแม้แต่ข้าก็ทำไม่ได้ เขามีโอกาสอย่างมากที่จะก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะ!
อย่างไรก็ตามเจ้ามีแรงจูงใจแอบแฝงจึงส่งเขาออกไปเช่นนี้ต่อให้ข้าสังหารเจ้าที่นี่ ก็ไม่ถือว่าเกินไป!” เมิ่งเทียนเจิ้งคำราม
ปา!
เมิ่งเทียนเจิ้งโจมตีเข้าที่ใบหน้าของนางอีกครั้งอีกครั้ง แม้ว่าจินไท่จุนจะรู้ว่าใบหน้าต้องถูกโจมตี แต่นางก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
“สหายเต๋าขอให้เรื่องมันจบลงตรงนี้เถอะ!” เซียนอมตะหวังเข้ามาขัดขวางการโจมตีของเมิ่งเทียนเจิ้ง
“เมื่อทำผิดพลาดก็ต้องชดใช้!” ผู้อาวุโสใหญ่ยังคงไม่ไหวติงและยังดำเนินการต่อไป
“ข้าทำผิดอะไร? ก็แค่เด็กคนเดียวเจ้าถึงกับทำร้ายข้าขนาดนี้?” สายตาของจินไท่จุนเย็นเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งแต่นางไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้
“ตอนนี้ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าคือคนทรยศของเมืองจักรพรรดิที่ยังไม่เปิดเผยตัว!” เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าว
เมื่อคำพูดเหล่านี้ดังขึ้นสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดต่างก็หวั่นไหว มีความรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้อย่างยิ่ง
“เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า! หากมีหลักฐานก็เอาออกมา?” ใบหน้าของจินไท่จุนเปลี่ยนไปอย่างมากนางตะโกนออกมาด้วยความคับแค้น
ฮ่อง!
ในเวลานี้เมิ่งเทียนเจิ้งระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง รัศมีของเขาไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักเลยแม้แต่น้อย
จินไท่จุนรู้สึกหวาดผวาจิตใจของนางพังทลายโดยสมบูรณ์
“สหายเต๋าเรื่องนี้มันเลยเถิดเกินไปแล้ว! เจ้าควรพอสักที!” เซียนอมตะหวังเริ่มมีทีท่าว่าจะลงมือ
“ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนางข้าต้องตรวจสอบให้แน่ชัด การที่เจ้าเข้ามาขัดขวางอย่างนี้หรือมีเจตนาแอบแฝง!” เมิ่งเทียนเจิ้งคาดคั้นเซียนอมตะหวัง
“นางเฒ่าคนนี้จะขอสู้ตายกับเจ้า!” จินไท่จุนคำราม
นางระเบิดพลังเผาผลาญแก่นแท้ทั้งหมดในร่างกายเพื่อทุ่มให้กับการโจมตีในครั้งนี้
เกียง!
ในขณะเดียวกันเซียนอมตะหวังก็ใช้ออกด้วยวิชาสยบความวุ่นวายของเขาอย่างเต็มกำลังเช่นเดียวกัน!
นี่เป็นวิชาโบราณอันยอดเยี่ยมว่ากันว่าคือ 1 ใน 3 วิชากระบี่ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลก มาตั้งแต่สมัยยุคเซียนโบราณ
สำหรับวิชากระบี่อีก 2 ชนิด ได้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว แม้ว่าพวกมันจะหลงเหลืออยู่ก็เป็นเพียงมรดกที่ไม่สมบูรณ์
วิชาสยบความวุ่นวายได้แสดงพลังอย่างเต็มที่เมื่อครั้งช่วงกลางของยุคเซียนโบราณครั้งสุดท้าย มีเซียนจากตระกูลหวังใช้วิชานี้สังหารศัตรูต่างมิติไปมากมาย
ทันใดนั้นกระบี่เล่มเล็กก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเซียนอมตะหวัง
มันมีขนาดเล็กมากมีความยาวประมาณฝ่ามือเดียวเท่านั้น มันมีสีดำสนิทราวกับหมึกพร้อมกับปลดปล่อยแสงสีดำที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง
นี่เป็นวิชากระบี่ที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปร่างของวิญญาณดั้งเดิม ภายใต้สวรรค์นี้ไม่มีวิชากระบี่ใดที่แข็งแกร่งไปกว่ามันอีกแล้ว
เจิ้ง!
กระบี่ส่งเสียงกรีดร้องมันพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
เวลานี้การแสดงออกของเมิ่งเทียนเจิ้งดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงความหวาดวิตกใดๆออกมา
เมื่อกระบี่ลอยเข้ามาใกล้ตัวเขาเขาก็กระแทกกำปั้นออกไปอย่างดุดันไม่มีอ่อนข้อแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเซียนอมตะหวังหดตัวอย่างรวดเร็วและตกตะลึงอย่างมาก เป็นเพราะวิธีการต่อสู้ของเมิ่งเทียนเจิ้งแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ที่ผ่านมาเขาจะไม่เผชิญหน้ากับวิชาสยบความวุ่นวายตรงๆแบบนี้!
แดง!
กำปั้นของเมิ่งเทียนเจิ้งกระแทกเข้ากับคมกระบี่ด้วยความรุนแรง
ในช่วงที่เซียนอมตะหวังตกตะลึงอยู่นั้นเมิ่งเทียนเจิ้งรีบหันหน้าพุ่งเข้าโจมตีจินไท่จุนด้วยความเร็ว
ปา ปา ปา!
มือทั้งสองข้างของเมิ่งเทียนเจิ้งใช้ออกด้วยญาณวิเศษอันล้ำค่า เขาทำการปิดผนึกร่างกายของจินไท่จุนอย่างแน่นหนา
ปู!
หลังจากถูกเมิ่งเทียนเจิ้งจัดการจนไม่สามารถขยับตัวได้ จินไทยจุนก็กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำก่อนที่จะไม่สามารถดิ้นรนได้อีกต่อไป
ในช่วงเวลานั้นเมิ่งเทียนเจิ้งยังทำการปิดผนึกร่างกายของนางอีก 36 จุดด้วยความเร็วเพียงหนึ่งลมหายใจ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต้องอ้าปากค้าง เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ทุกคนรู้ดีว่าจินไท่จุนจะไม่มีทางกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกแล้วตราบใดที่เมิ่งเทียนเจิ้งยังมีชีวิตอยู่
นางถูกจัดการต่อหน้าทุกคนแบบนี้ นับได้ว่าหมดสิ้นศักดิ์ศรีจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองผู้คนได้อีก?
เกียง!
ตอนนี้กระบี่วิญญาณดั้งเดิมได้ปลดปล่อยแสงสีแดงออกมาพร้อมกับโจมตีเข้าใส่เมิ่งเทียนเจิ้งอย่างดุดัน และเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
แดง!
ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งยังคงไม่รู้สึกตื่นตระหนกใดๆ เพียงกระแทกหมัดออกมาปะทะกับคมกระบี่อีกครั้ง
ผู้หนึ่งฝึกฝนร่างกายจนถึงขั้นสูงสุดของโลก อีกผู้หนึ่งได้ชื่อว่ามีวิญญาณดั้งเดิมที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเซียน
ทั้งสองต่างเป็นยอดคนอันดับหนึ่งของเก้าสวรรค์ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่มีผู้ใดเทียบได้
เมื่อสิ้นสุดการโจมตีใบหน้าของเซียนอมตะหวังก็เต็มไปด้วยความกังวล เขาพยายามคิดหาหนทางที่จะช่วยเหลือจินไท่จุนออกมาจากมือของเมิ่งเทียนเจิ้ง
“ให้มันจบลงที่นี่เถอะ” ผู้อาวุโสชิงมู่เดินขึ้นเข้ามาขวางหน้าของทั้งสองคน เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปอีก
เซียนอมตะหวังกำลังหาทางลงพอดี เขาจึงไม่ได้ต่อต้านเพียงเก็บกระบี่วิญญาณดั้งเดิมเข้าไปที่หน้าผาก
“ไม่ว่าจะอย่างไรจินไท่จุนก็ต้องถูกปิดผนึก ข้าจะเป็นผู้สอบปากคำนางเอง!” ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวออกมาด้วยความแข็งกร้าว
เขาประกาศว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเต็มที่ผู้ทรยศของเมืองจักรพรรดิจะต้องถูกถอนรากถอนโคนไปทั้งตระกูล
ปา!
หลังจากได้รับความทุกข์ทรมานจากการตบครั้งสุดท้าย ร่างของจินไท่จุนก็บินออกไปและชนกำแพงเมือง นางล้มลงกับพื้นไม่สามารถประคองสติไว้ได้อีก
เป็นเพราะตอนแรกนางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคมกระบี่ของเมิ่งเทียนเจิ้ง โดยที่ยังไม่ได้ทำการรักษาตัวเองให้ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์มากพอกลับถูกปิดผนึกซ้ำอีกครั้ง ทำให้อาการบาดเจ็บของนางทรุดหนักลงไปอีก
นางได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขนาดถึงที่ว่าเขาสีทองคู่นึงบนศีรษะของนางงอกคืนมา นี่เป็นร่างเดิมของบรรพบุรุษตระกูลจิน
“ข้าต้องการคนช่วยเหลือเพื่อสอบปากคำนาง” เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวกับผู้สูงสุดทุกคน