313 - การดวลเป็นตาย
313 - การดวลเป็นตาย
“พี่เหลียง พูดเกินจริงไปแล้วข้าก็แค่โชคดีเท่านั้น! นอกจากนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนได้รับการดูแลจากท่าน!”
“ฮ่าฮ่า! เราเป็นเพื่อนกับอี้เจี๋ยมาหลายปีแล้ว ไม่ค่อยเห็นเขายกย่องใครมากขนาดนี้
เขาบอกเราว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงธนู ลี่เฉียงเขายังบอกว่าเจ้าสามารถสังหารศัตรูนับร้อยได้ด้วยตัวคนเดียว สักวันเรามาแข่งกัน!”
คนที่พูดเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ปี ยืนอยู่ข้างเหลียงอี้เจี๋ย เขามีร่างกายสูงใหญ่และสูงกว่าเหลียงอี้เจี๋ยหลายนิ้ว
เขามีผิวสีเข้มประกอบกับดวงตาที่สดใสของเขาทำให้มั่นใจได้ว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญการยิงธนูคนหนึ่ง
“ฮ่าฮ่า! ลี่เฉียง ให้ข้าแนะนำพวกเขาให้เจ้ารู้จัก คนที่ต้องการก็ประลองการยิงธนูกับเจ้าชื่อจางหยุนต้วน เขาต้องการต่อสู้กับทุกคนที่มีฝีมือการยิงธนู”
หลังจากนั้นเหลียงอี้เจี๋ยก็แนะนำกลุ่มที่เหลือให้กับเอี้ยนลี่เฉียงด้วย ชื่อของพวกเขาคือหยวนเป่ยหง จางรุ่ย หยินหยาเจี๋ยและเหมียวอู๋เฉิน
ในขณะที่หญิงสาวสองคนคือเฟิ่งถิงและฮั่วหรูเสวี่ยตามลำดับ
หยวนเป่ยหงเป็นชายร่างใหญ่ที่มีดวงตาดุร้ายโดดเด่นด้วยคิ้วหนาคู่หนึ่ง ในบรรดาทุกคนหยวนเป่ยหงมีอาวุธที่พิเศษที่สุดคือกระบี่แม่ลูกขนาดใหญ่ที่เขาแบกไว้บนหลัง
จางรุ่ยเป็นคนที่ผอมที่สุดในบรรดาพวกเขา และเขาก็ยิ้มด้วยดวงตาที่ดูเหมือนจะรู้ทันคนอยู่เสมอ เขาก็ใช้กระบี่เช่นเดียวกันแต่มันยากที่จะบอกว่ามันเป็นอาวุธของเขาหรือเป็นเครื่องประดับกันแน่
เหมียวอู๋เฉินเป็นสุภาพบุรุษที่แต่งตัวเหมือนบัณฑิต เขาถือพัดกระดาษและมีดวงตาชั่งสังเกต
สำหรับหญิงสาวทั้งสองคน เฟิงถิงเป็นสาวงามที่มีใบหน้ารูปไข่ที่สมบูรณ์แบบ นางสวมชุดสีเขียวและมีดาบพระจันทร์เสี้ยวแขวนไว้ที่เอว
ในทางกลับกันฮั่วหรูเสวี่ยสวมชุดสีขาว ใบหน้าของนางงดงามสมบูรณ์แบบและมีอารมณ์ค่อนข้างเย็นชา
ฝูงชนมากกว่าครึ่งต่างจับจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงามของฮั่วหรูเสวี่ยนับตั้งแต่พวกเขามาถึง
“หญิงสาวในชุดสีขาว ใช่เทพธิดากระบี่ฮั่วหรูเสวี่ยหรือไม่?”
"ถูกต้อง. ข้าเคยพบนางครั้งหนึ่งความงามของนางเปรียบได้กับเทพธิดาจริงๆ!”
ซูหลางก็มีสหายแปดถึงเก้าคนอยู่เคียงข้างเขา ในบรรดาคนกลุ่มนั้นมีคนที่เอี้ยนลี่เฉียงจำได้นั่นก็คือ เกาอู๋เฟิงเขาเป็นผู้ติดตามของเจ้ากรมชูเช่นเดียวกับซูหลาง
ซูหลางและกลุ่มของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในเวลานี้สายตาของพวกเขาท้าทายกลุ่มของเหลียงอี้เจี๋ยจากระยะไกล
ซูหลางเงยศีรษะขึ้นสูงโดยปราศจากความกลัว เขายังทำท่าปาดคอใส่เหลียงอี้เจี๋ยเพื่อข่มขู่ในขณะที่กลุ่มเพื่อนๆของเขาต่างก็หัวเราะออกมา
รอบๆสนามประลองเต็มไปด้วยผู้คน แต่ทันทีที่ทั้งสองกลุ่มมาถึง ฝูงชนก็จะเปิดทางให้พวกเขาเข้าสู่ใจกลางเวทีได้สะดวก
“พี่เหลียงระวังด้วย เนื่องจากซูหลางเชิญท่านเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยตัวเขาเอง เขาต้องเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี!” เอี้ยนลี่เฉียงแนะนำเหลียงยี่เจี๋ยอย่างจริงจัง
“นี่คือการต่อสู้ของชีวิตและความตาย แน่นอนว่าข้าจะทำให้มันดีที่สุด ข้าอยากจะฆ่าเจ้าคนชั่วนี้มานานแล้ววันนี้ก็มีโอกาสสักที!”
เหลียงอี้เจี๋ยหัวเราะอย่างเต็มที่ เขาตบไหล่เอี้ยนลี่เฉียงและพยักหน้าให้เพื่อนๆจากนั้นเขาก็ทะยานขึ้นเวทีโดยที่ไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงอะไรมาก
นี่เป็นเพียงทักษะระดับพื้นๆสำหรับเชี่ยวชาญยังเขา แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ฝูงชนรอบๆเวทีเงียบลง ทุกคนต่างก็แสดงความตื่นเต้นออกมาเมื่อเห็นเช่นนี้
ในอีกด้านหนึ่งของเวที ซูหลางก็ไม่คิดจะเสียเวลาเช่นกัน เขาทะยานขึ้นไปบนเวทีก่อนจะหัวเราะกล่าวว่า
“เหลียงอี้เจี๋ย วันนี้ปีหน้าจะเป็นวันครบรอบการตายของเจ้า!”
“เก็บเรื่องไร้สาระไว้กับตัวเอง! ถ้าเจ้าคิดจะตายข้าจะส่งเสริมเจ้าเอง!”
เมื่อมองไปที่เหลียงอี้เจี๋ยและซูหลางกรรมการสองคนที่ยืนอยู่กลางเวทีก็ถามว่า
“พวกเจ้าเข้าใจกฎของเวทีนี้อย่างชัดเจนหรือไม่?”
ทั้งสองพยักหน้า
“เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนข้าจะประกาศกดซ้ำอีกครั้ง พวกเจ้าสามารถใช้อาวุธและอาวุธลับบนเวทีได้แต่ต้องไม่ถูกอาบด้วยยาพิษ
พวกเจ้ายินยอมที่จะต่อสู้กันอย่างเป็นตายจะต้องลงชื่อในหนังสือรับรอง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดช่วยเหลือพวกเจ้าไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสินประหารชีวิต” หลังจากที่เขาอ่านกฎจบเขาก็หยิบหนังสือรับรองออกมาเพื่อให้ทั้งสองประทับลายนิ้วมือ
เมื่อทั้งสองประทับลายนิ้วมือเสร็จก็มีเสียงกลองดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง…!
ทันทีที่จบเสียงกลองเหลียงอี้เจี๋ยก็พุ่งเข้าหาซูหลาง ซูหลางซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็วิ่งเข้าทางเหลียงอี้เจี๋ยด้วย
พวกเขาพบกันที่กลางเวทีและทักทายกันด้วยกระบี่สีขาวและสีแดงวาววาบ ตามมาด้วยเสียงอาวุธปะทะกัน
นี่เป็นครั้งที่สองที่เอี้ยนลี่เฉียงได้เห็นทักษะการต่อสู้ของเหลียงอี้เจี๋ย
ครั้งแรกที่เขาเห็นทักษะการต่อสู้ของเหลียงอี้เจี๋ยคือตอนที่พวกเขาลงมือจัดการเย่เทียนเฉิงในเมืองผิงซี
ตอนนี้เหลียงอี้เจี๋ยเคลื่อนไหวเหมือนมังกรอีกครั้งบนเวที กระบี่ของเขาวรวดเร็วราวสายฟ้า
เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วทักษะของเขาดีกว่าตอนนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงมันไม่ได้น่าประทับใจเหมือนเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ในระหว่างการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเอี้ยนลี่เฉียงมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน เนื่องจากพวกมันเร็วเกินไปสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ครั้งนี้ สายตาของเอี้ยนลี่เฉียงสามารถจับทุกการเคลื่อนไหวที่เหลียงอี้เจี๋ยจู่โจม และเขารู้สึกว่าฝีเท้าของเหลียงอี้เจี๋ยนั้นยังไม่เร็วพอ
ในทางกลับกันซูหลางพยายามอย่างเต็มที่ พวกเขาทั้งคู่เก่งพอๆกัน มันยากที่จะบอกได้ว่าใครจะชนะ กระบี่ขนาดใหญ่ของซูหลางก็เพียงพอที่จะทำให้กระดูกสันหลังของใครๆสั่นสะเทือน
ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงมองดู เขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับซูหลางในใจของเขา
เขานึกภาพทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้และทุกการเคลื่อนไหวที่ซูหลางสามารถทำได้และวิธีที่เขาจะป้องกันการโจมตีของซูหลางเพื่อชนะการต่อสู้
ถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งของเหลียงอี้เจี๋ย เขาจะไม่สามารถเอาชนะซูหลางได้อย่างแน่นอน ประสบการณ์การต่อสู้ยุทธวิธีและความเชี่ยวชาญดาบของซูหลางนั้นเหนือกว่ามาก
การใช้กระบี่ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เอี้ยนลี่เฉียงจะแพ้ เขายังอาจตายภายใต้กระบี่ของซูหลาง
อย่างไรก็ตามถ้าเขาสามารถเปลี่ยนไปใช้อาวุธอื่นได้ เช่นทวนยาวหกร้อยจิน ซูหลางจะไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเขาได้ แม้ว่าซูหลางจะมีความเร็วแต่สุดท้ายเขาก็ต้องถูกทวนยาวทุบจนแหลกเละ
ตัวอย่างเช่น สำหรับการเคลื่อนไหวนี้เอี้ยนลี่เฉียงไม่จำเป็นต้องกระโดดเข้าหาคู่ต่อสู้ เพียงเขากวัดแกว่งทวนยาวอยู่รอบนอกก็สามารถคุกคามคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระยะไกลได้แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น เอี้ยนลี่เฉียงไม่ต้องเสียพลังงานในการหลอกล่อคู่ต่อสู้เหมือนกับที่เหลียงยี่เจี๋ยทำ เขาเพียงควงทวนในมือเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
หากซูหลางคิดจะปะทะกับเขาด้วยกระบี่เล็กๆ รับรองได้ว่าเพียงไม่กี่กระบวนท่ากระบี่ของซูหลางจะถูกบดขยี้เป็นเศษเหล็กอย่างแน่นอน