312 - ข่าวจากบ้าน
312 - ข่าวจากบ้าน
เอี้ยนลี่เฉียงชื่นชมความรอบคอบนายผู้เฒ่าลู่ที่ส่งผู้คนจากตระกูลลู่มาสำรวจตลาดในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ความตั้งใจของตระกูลลู่คือการเพิ่มผลกำไรสูงสุดจากการขายก้อนรากบัวก่อนที่สูตรจะรั่วไหลสู่สาธารณะ
แน่นอนว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไม่หยุดพวกเขาจากการทำเช่นนั้นเพราะเป็นโอกาสที่ดี แต่เขาก็ต้องการเตือนตระกูลลู่ด้วย เอี้ยนลี่เฉียงไตร่ตรองและกล่าวว่า
“พี่หก ท่านรู้เกี่ยวกับสถานการณ์มากแค่ไหน ? ข้าอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เมืองหลวงก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายจริงๆ…”
ลู่เปียนยิ้มแล้วกล่าวว่า
“ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสระน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาและจระเข้ตัวใหญ่ ตระกูลลู่เป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยและเรารู้จักที่ของเรา
เจ้าจำได้หรือไม่ว่าตระกูลของเรามีความเกี่ยวข้องกับนิกายภูเขาวิญญาณอยู่บ้าง? ดังนั้นการเดินทางมาเมืองหลวงครั้งนี้ของข้าก็เพื่อติดต่อกับผู้คนของนิกายภูเขาวิญญาณ”
"อ้อเข้าใจแล้ว. ท่านไปเยี่ยมพวกเขาหรือยัง?
"ไม่ ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงเมื่อวานนี้ พวกเรากังวลว่าในเมืองหลวงนี้ค่าครองชีพค่อนข้างแพงดังนั้นจึงกลัวว่าเจ้าจะไม่มีเงินใช้จึงคิดจะไปเยี่ยมเจ้าก่อน
ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่บ้านท่านซุนเมื่อวาน แต่ผู้รับใช้ที่บ้านท่านซุนบอกว่าเจ้าถูกย้ายไปทำงานที่คฤหาสน์กวางแล้ว บังเอิญข้าได้ยินว่าวันนี้ผู้ติดตามของท่านซุนจะทำการประลองเป็นตายข้าจึงคิดว่าอาจจะเจอเจ้าที่นี่ และก็เจอเจ้าจริงๆ”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ยินคำพูดของลู่เปียน
“พ่อข้าเป็นยังไงบ้าง”
“เขาสบายดีแน่นอน ทุกคนในแคว้นผิงซีรู้ดีว่าอาวุธจากร้านตีเหล็กของตระกูลเอี้ยนนั้นมีคุณภาพที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะมีดคูกรีที่เจ้าออกแบบเป็นสินค้าขายดีสร้างชื่อเสียงให้กับแคว้นนของเราเลยทีเดียว
ข้าลืมบอกเจ้า ตอนนี้พ่อของเจ้าได้รับแต่งตั้งเป็นนายอำเภอหลิวเหอแล้ว ฮ่าๆๆดูเหมือนผู้ว่าการมณฑลชิงไห่เห็นแก่หน้าเจ้าอยู่บ้าง…”
“ตอนนี้พ่อของข้าเป็นนายอำเภอหลิวเหอ?”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างตลก แต่เขาก็รู้สึกดีใจในเวลาเดียวกัน นายอำเภอหลิวเหอคนก่อนมาจากตระกูลหง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ร้ายในตระกูลหงตำแหน่งนายอำเภอก็ว่างมาโดยตลอด
“พ่อของเจ้าเป็นคนมีหลักการ เขามีความยุติธรรมต่อทุกคนตอนนี้ธุรกิจของเขาดีแล้ว เขายังบริจาคเงินเพื่อซ่อมแซมถนนและโรงเรียนอีกด้วย”
“ตอนแรกข้าคิดว่าท่านพ่ออาจจะไม่ชินกับการอยู่ว่าง ตอนนี้เมื่อเขามีงานทำแล้วข้าก็รู้สึกสบายใจ” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้ม
“ลี่เฉียง เจ้าทำงานอะไรในคฤหาสน์กวาง?”
“ข้าเป็นผู้ดูแลลานธนูหลวง!”
“ผู้ดูแล?” หลู่เปียนขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ตำแหน่งงานทั่วไปดังนั้นลู่เปียนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“นี่เป็นตำแหน่งทางการหรือเปล่า”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น”
“แล้วตำแหน่งทางทหารของเจ้าคืออะไร”
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกอายเล็กน้อยที่จะให้คำตอบ
“ไม่ใช่ตำแหน่งระดับสูงอะไร แค่ผู้บัญชาการหยิงหยาง!”
"อะไร?"
ใบหน้าที่ผ่อนคลายของลู่เปียนถูกแทนที่ด้วยอาการตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ลี่เฉียง เจ้ากำลังบอกว่าตอนนี้เจ้าเป็นผู้บัญชาการหยิงหยาง?”
“ใช่ แต่ตำแหน่งนี้ไม่มีอำนาจมากนักในหน่วยทหารม้าแห่งจักรวรรดิและข้าไม่มีทหารในสังกัดแม้แต่คนเดียว หน้าที่ส่วนใหญ่ของข้าเพียงลาดตระเวนสนามธนูเท่านั้น”
“แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะยังไม่มีอำนาจอะไร แต่ผู้บัญชาการหยิงหยางก็ยังคงเป็นผู้บัญชาการหยิงหยาง
นอกจากนี้ยังเป็นผู้บัญชาการหยิงหยางในหน่วยทหารม้าแห่งจักรวรรดิที่รับคำสั่งโดยตรงจากฝ่าบาท ดังนั้นผู้บัญชาการหยิงหยางของเจ้าจะเป็นตำแหน่งเล็กๆได้อย่างไร…”
ลู่เปียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินข่าว เขาไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะกลายเป็นผู้บัญชาการหยิงหยางของหน่วยทหารม้าจักรวรรดิภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี
แม้แต่เฉียนซูที่ทำงานมาตลอดชีวิตก็มีเพียงตำแหน่งผู้บัญชาการหยิงหยาง ตำแหน่งที่สูงกว่าเขาในมณฑลหวงหลงก็มีเพียงผู้บัญชาการเฟยหยางของกงเถี่ยซานเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงอายุยังน้อยของเอี้ยนลี่เฉียงและความจริงที่ว่าเขาอยู่ในหน่วยทหารม้าของจักรวรรดิ นี่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่แม้แต่คนทั่วแคว้นผิงซีก็ไม่มีใครสามารถเทียบได้
ลู่เปียนรู้สึกเสมอว่าเอี้ยนลี่เฉียงเป็นบุคคลที่มีความสามารถ เขาจะสามารถประสบความสำเร็จได้ทุกที่ที่เขาไป อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จครั้งนี้มาเร็วเกินไปจนลู่เปียนไม่สามารถจินตนาการได้
“พ่อของข้าและพ่อของเจ้าคงต้องดีใจจนกระโดดโลดเต้นแน่ที่รู้ว่าเจ้าเป็นบัญชาการหยิงหยางอย่างเป็นทางการแล้ว …!”
"ฮิฮิ! ข้าแค่โชคดี ข้ามีผลงานเล็กๆน้อยๆในระหว่างการเดินทางเท่านั้นไม่ควรค่าแก่การอื่นถึง”
แน่นอนว่าลู่เปียนไม่ทราบว่าเหตุไฉนเขาถึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการหยิงหยาง แต่เอี้ยนลี่เฉียงไม่มีนิสัยคุยโวดังนั้นเรื่องนี้จึงผ่านไป
ในขณะที่พวกเขาคุยกันก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้น
“พวกเขากำลังมา! พวกเขากำลังมา!” ท่ามกลางฝูงชน ชายสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ทั้งสองข้างของถนนขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังใจกลางเวทีอย่างสงบ
เอี้ยนลี่เฉียงสังเกตเห็นหนึ่งในนั้นทันที มันคือเหลียงอี้เจี๋ย และเขาสวมชุดนักบู๊สีดำถือกระบี่ไว้ในมือ
รอบๆตัวเขามีเด็กหนุ่มสาวอีกเจ็ดคนเดินเคียงข้างเป็นชายห้าคนและผู้หญิงสองคน ทุกคนถืออาวุธเช่นกัน พวกนั้นคงเป็นเพื่อนของเหลียงอี้เจี๋ยและพวกเขามาที่นี่เพื่อชมการต่อสู้
“ลี่เฉียง ถ้าเจ้าว่างก็แวะมาหาข้าที่ศาลาชุมนุมแคว้นกาน ข้าจะอยู่ที่นั่นอีกสองสามวันข้างหน้า”
“ได้เลยพี่หก ถ้าจะไปเยี่ยมท่านในอีกไม่กี่วัน!” เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้า
ลู่เปียนกล่าวคำอำลาหลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในฝูงชน เขาไม่ได้อยู่ดูการต่อสู้กับเอี้ยนลี่เฉียง ท้ายที่สุดแล้วโอกาสนี้ไม่เหมาะสำหรับที่ลู่เปียน เพราะเขาเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง
เมื่อลู่เปียนออกไปแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็เดินผ่านฝูงชนขณะที่มุ่งหน้าไปยังเหลียงอี้เจี๋ย
“พี่เหลียง!”
“ลี่เฉียง!”
เหลียงอี้เจี๋ยยิ้มทันทีเมื่อเห็นเอี้ยนลี่เฉียงเขาตบไหล่เอี้ยนลี่เฉียงในขณะที่เขาประกาศกับเพื่อนๆของเขาว่า
“นี่คือน้องชายของข้า เขาชื่อลี่เฉียง เขาคือคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริงพวกเจ้าไม่อาจดูถูกเขาว่าเขาเป็นเด็กได้!”
เหลียงอี้เจี๋ยยกย่องเอี้ยนลี่เฉียงอย่างสูงต่อหน้าเพื่อนของเขา และเพื่อนทั้งเจ็ดก็ประทับใจในสิ่งนี้ทันที พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงราวกับว่ามีดอกไม้อยู่บนใบหน้าของเขา