Chapter 129: ผู้พิทักษ์สุสาน (ส่วนที่ 1)
“เอ่อ? เอ๊ะ?”
ในตอนแรกดวงตาของฮานส์ดูสับสนจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เขาเริ่มเดินถอยไปด้วยความกลัว ขาของเขาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง เขาเสียสมดุลและล้มก้นจ้ำเบ้า
ด้วยระยะห่างแค่เส้นผม คมดาบก็ฟันผ่านอากาศเหนือศีรษะของเขา
เขามองโครงกระดูกที่เข้ามาช่วยเขาอย่างสับสนและพึมพำออกมา “ค..โครงกระดูกศักดิ์สิทธิ์! ข้ารู้อยู่แล้ว ตอนนั้นสายตาของข้าไม่ได้โกหกจริงๆ
เจ้าโง่เอ้ย นี่ไม่ใช่เวลามาทึ่งกับมันนะ!
ไซคลอปส์โกเลมยกดาบของมันขึ้นอีกครั้ง
ในขณะที่สังเกตดูรูปปั้น ฉันก็ตะโกนออกมา “ช่วยเหลือ!”
โครงกระดูกทำการเคลื่อนไหวต่อไปอย่างรวดเร็ว พวกมันก้มตัวลงและคว้าแขนของฮานส์เอาไว้ก่อนที่จะดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน
“ยับยั้ง!”
โครงกระดูกอีกกลุ่มใช้โซ่เหล็กของพวกมันมัดแขนขาของไซคลอปส์โกเลมเอาไว้
“ลงทัณฑ์!”
โครงกระดูกศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปจากทั้งฝั่งซ้ายและขวาก่อนที่จะเหวี่ยงดาบของพวกมันไปที่หน้าอกของโกเลมอย่างงดงาม
เสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น และโกเลมยักษ์ก็ถอยไปข้างหลัง อย่างไรก็ตาม โครงกระดูกซึ่งถูกสะบัดออกมาได้มองไปยังดาบของพวกมันหลังจากที่กลับลงมาถึงพื้น
คมดาบที่คนแคระตีขึ้นมีรอยแตกแล้ว
ฮานส์รีบตะโกนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ “ภายนอกของเจ้าสิ่งมีชีวิตนั่นมีธาตุเอลเทร่าผสมอยู่ครับท่าน! โลหะนั่นแข็งกว่าเหล็กหลอม และยังมีคุณสมบัติต้านทานเวทมนตร์ด้วย! ดาบธรรมดาสร้างความเสียหายกับชุดเกราะของเจ้านั่นไม่ได้หรอกครับ!”
เวรกรรม มีปัญหาเข้ามาไม่หยุดเลยใช่ไหมเนี่ย? เจ้าบอกว่าอาวุธที่พวกคนแคระตีขึ้นไร้ประโยชน์กับเจ้ารูปปั้นนี่เหรอ?
ในตอนที่ไซคลอปส์โกเลมเหวี่ยงดาบของมันไปรอบๆด้วยมือทั้งสองข้างของมัน โครงกระดูกศักดิ์สิทธิ์ก็รีบยกโล่พยายามที่จะรับการโจมตีในทันที อย่างไรก็ตาม พวกมันทนแรงกระแทกที่เกิดจากดาบเล่มใหญ่กระแทกเข้ากับโล่ของพวกมันไม่ไหวและถูกซัดกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ
“อะ...อะไรกัน!?
พวกทหารรับจ้างเองก็ยกโล่ของพวกเขาขึ้นด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาพยายามปกป้องตัวเองจากการฟันที่ไร้ความปราณีของโกเลม แต่โชคไม่ดี แขนขาและร่างกายของพวกเขาได้ถูกสับเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดายเหมือนกับสับเต้าหู้
“เหวอออ!”
หัวหน้าทหารรับจ้างคาซาลส่งเสียงร้องออกมาด้วยความกลัวในขณะที่เขามองพรรคพวกถูกฆ่าตายอย่างน่าอนาถ เขารีบหันหลังกลับเตรียมที่จะหนีจากห้องโถง อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เขาไปถึงทางออกประตู เขาก็ตระหนักได้ว่าประตูปิดอยู่ ทางออกได้ถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนาในขณะที่พวกเรามัวสนใจกับการอาละวาดของโกเลม
“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!? ตอนแรกมันเปิดอยู่ไม่ใช่เหรอ!?”
แม้ว่าคาซาลจะพยายามทุบประตูที่ปิดเอาไว้อย่างเต็มที่ มันก็ไม่ได้ขยับเลยซักนิด
“ท่านหญิงทีน่า! มาทางนี้ครับ...!”
ดาม่อนรีบพาทีน่าเข้าไปซ่อนข้างหลังหนึ่งในเสาที่ทั้งกว้างและสูง พวกเขายกคทาขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะใช้เวทมนตร์
ในขณะเดียวกัน โครงกระดูกอัญเชิญที่สวมชุดเกราะเต็มยศและถือโล่ของฉันก็ได้เผชิญหน้ากับไซคลอปส์โกเลมอยู่ ฉันเอาปืนคาบศิลาออกมาและเข้าไปหลบหลังเสาต้นเดียวกัน และในขณะที่เอนตัวพิงเสา ฉันก็เริ่มสวดภาวนา
มันคือจังหวะเวลานั้นเองที่ดวงตาที่มีอยู่เพียงดวงเดียวของไซคลอปส์โกเลมเริ่มลุกไหม้ด้วยแสงสีแดงน่าขนลุก จากนั้นมันก็ตามมาด้วยลำแสงสีแดงฉานแทบจะทันที
โครงกระดูกได้ยกโล่ของพวกมันขึ้นอีกครั้งเพื่อรับการโจมตีใหม่นี้
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ลำแสงและโล่ของพวกมันปะทะกัน...
…โล่กับโครงกระดูกก็ค่อยๆกลายเป็นหิน
“เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย!?”
ฉันถึงกับลืมหายใจกับภาพที่เห็น
ตอนนี้ดาม่อนกำลังกอดทีน่าเอาไว้แน่นในขณะที่แผ่นหลังของเขาพิงเข้ากับเสา เขาตอบกลับ “มันคือเวทย์กลายเป็นหินครับนายท่าน!”
เวทย์กลายเป็นหินเหรอ? คล้ายกับดวงตาเมดูซ่าจากเรื่องเล่าของกรีกใช่ไหม?
“เดี๋ยวนะ แบบนี้ก็แสดงว่าฉันจะตายในทันทีถ้าฉันโดนเจ้านั่นแค่ครั้งเดียวล่ะสิ?”
ความขี้โกงจนไม่ยุติธรรมนี่มันอะไรกัน!?
ดาม่อนอธิบายต่อในขณะที่มีเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าของเขา “เวทมนตร์นั้นจะห่อหุ้มเหยื่อเอาไว้ด้วยชั้นหินแข็งครับนายท่าน ถ้าโชคไม่ดีโดนเข้ากับลำแสงนั่นตรงๆ แทนที่จะเปลี่ยนเป็นหิน ท่านจะถูกเผาจนตายจากความร้อนสูงหรือไม่ก็ขาดอากาศหายใจแทน
ถ้างั้นนี่มันก็เหมือนกับลำแสงคอนกรีตแบบแห้งในทันทีน่ะสิ?
ฉันหันไปมองทางเสาอีกต้นที่อยู่อีกฝั่งนึง ฮานส์อยู่ตรงนั้น เขายังมีชีวิตและกำลังเอาตัวพิงเสาอยู่
ฉันเรียกเขา “นี่ เจ้าไม่มีของที่มีประโยชน์บ้างเหรอ?”
“ว่ายังไงนะครับ? เอ่อ ช่วยรอซักครู่นะครับ”
ฮานส์วางกระเป๋าใบใหญ่ของเขาลงและเริ่มควักขยะทุกอย่างออกมาจากข้างในนั้น ฉันใช้เนตรจิตเพื่อตรวจสอบของของเขาไปด้วย
[ระเบิดพิษ] [แว่นกันลมที่ช่วยให้เห็นวงเวทย์] [คัมภีร์วาร์ป] บวกกับหนังสือต่างๆและของกระจุกกระจิกอื่นๆ เท่าที่ฉันบอกได้ถึงแม้ว่าจะเป็นนักแปรธาตุ แต่เขาดูไม่เหมือนจะมีของที่ใช้ประโยชน์ได้ซักเท่าไหร่เลย
“นี่ ส่งของสามฉันตรงนั้นมาให้ฉันซะ”
“ว่ายังไงนะครับ? ต..แต่ว่า..?” ถึงแม้ว่าฮานส์จะโยนระเบิดพิษกับแว่นกันลมมาทางฉัน แต่เขายังคงถือคัมภีร์วาร์ปเอาไว้อยู่ “ของชิ้นนี้มันแพงมากเลยนะครับท่าน”
“สำหรับฉันมันดูเหมือนกับสินค้าราคาถูกที่ช่วยให้วาร์ปได้แค่ประมาณสามเมตรเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? ช่างเถอะหน่ารีบๆส่งมาจะได้ไหม!?”
พูดตามตรง เมื่อเทียบกับเวทมนตร์วาร์ปที่นาซัสเคยใช้ เจ้าสิ่งนี้ไม่ควรจะมีชื่อเดียวกันด้วยซ้ำ
“พูดแบบนั้นได้ยังไงกันครับ...? นี่มันหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของข้าเลยนะครับท่าน! เอ๊ะ? จะว่าไปท่านรู้การทำงานของมันได้ยังไง?”
“หุบปากแล้วส่งมันมาได้แล้ว หรือเจ้าอยากจบชีวิตด้วยการถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นแทน?”
สุดท้ายแล้วฮานส์ก็ยอมโยนคัมภีร์วาร์ปมาทางฉัน
ในขณะที่ไซคลอปส์โกเลมกำลังเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับยิงลำแสงสีแดงนั่นออกมา ฉันก็สวมแว่นกันลมและจ้องไปยังเจ้ารูปปั้นที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ฉันมองเห็นกระแสพลังมาณที่อยู่ข้างในและรอบตัวเจ้าสิ่งนั้น
ซึ่งสายตาของฉันไปหยุดอยู่ตรงอัญมณีที่เหมือนกับว่าจะฝังอยู่เป็นดวงตาของโกเลม ดูเหมือนว่ามันจะทำหน้าที่เป็นสมองของไซคลอปส์โกเลม
ฉันรีบส่งพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในลูกแก้วผลึกที่ชื่อว่าระเบิดพิษ ศัตรูของพวกเราเป็นรูปปั้น เพราะฉะนั้นระเบิดที่อัดแน่นด้วยพลังมารไม่น่าจะเพียงพอที่จะกำจัดมัน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์คงจะต่างออกไปบ้างถ้ามันถูกชำระล้างเป็นระเบิดน้ำศักดิ์สิทธิ์
ฉันโยนลูกแก้วซึ่งตอนนี้เก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ใส่โกเลม มันแตกที่หน้าอกของรูปปั้นและระเบิดอย่างยิ่งใหญ่ รูปปั้นยักษ์ที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นเดินซวนเซและหยุดยิงลำแสงสีแดงไปชั่วคราว จากนั้นมันก็เริ่มส่ายหัว
นี่ล่ะจังหวะเปิดฉากของฉัน!
ฉันใช้ออร่าศักดิ์สิทธิ์และเสริมแกร่งคัมภีร์วาร์ปชั่วคราว
ในตอนที่ฉันกางคัมภีร์ออก ร่างกายของฉันก็กลายเป็นประกายแสงเล็กๆและฉันก็เคลื่อนย้ายไปยังที่แห่งนึง เป้าหมายของฉันคือเหนือศีรษะของไซคลอปส์โกเลม
ฉันหาที่มั่นให้ตัวเองด้วยการยืนบนไหล่ของโกเลม จากนั้นฉันก็จับหัวของเจ้าบ้านี่ด้วยมือข้างนึงและใช้มืออีกข้างเล็งปากกระบอกปืนคาบศิลาไปที่ดวงตาอันใหญ่โตของมัน
“เห้ย ไอ้ระยำ ถึงเวลาตายแล้ว”
ในตอนนี้เองฉันก็ลั่นไก
กระสุนศักดิ์สิทธิ์ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกและโดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง ทำให้หลังศีรษะของโกเลมระเบิด มันเดินซวนเซไปข้างหลังก่อนที่จะคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน มันเอื้อมมือมาจะคว้าตัวฉัน แต่ในตอนนี้เอง รอยแตกนับไม่ถ้วนก็เริ่มเกิดขึ้นทั่วร่างกายอันใหญ่โตของโกเลม และในที่สุด เจ้าตัวบ้านี่ก็พังลงมาเป็นชิ้นๆ
ฉันซวนเซเล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถยืนเหนือซากของรูปปั้นได้อยู่ ฉันมองไปยังพื้นที่รอบๆ ในตอนนี้ ทหารรับจ้างทุกคนได้ตายหมดแล้ว บางคนร่างกายถูกสับเป็นชิ้นๆ ในขณะที่อีกส่วนนึงได้ถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นหิน
ฉันหันไปมองที่ทางออกและในตอนนั้นเองก็ได้พบหัวหน้าทหารรับจ้างคาซาล เขาเองก็ถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นเหมือนกัน ถูกแช่แข็งตลอดกาลในขณะที่กำลังทุบประตูอยู่
“นี่มัน...จบแล้วใช่ไหม?”
ฮานส์ชะโงกหัวออกมาจากเสา
ดาม่อนพาทีน่าออกมาจากที่ซ่อน จากนั้นด้วยการมองกลับไปกลับมาระหว่างฉันกับซากไซคลอปส์โกเลม เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม
มันคือตอนนั้นเองที่โถงทางเดินเริ่มสั่นอย่างรุนแรง เศษหินเริ่มตกลงมาจากเพดาน และจากนั้นทุกสิ่งอย่างก็ค่อยๆเริ่มลงมาหาพวกเราจากด้านบน
“จริงจังใช่ไหมเนี่ย!? ขอพักซักหน่อยเถอะ”
พวกเรามาที่นี่เพื่อสำรวจสุสานโบราณ แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ฉันอาจจะได้ถ่ายทำภาคต่อไปของอินเดียน่าโจxก็ได้
ในขณะที่กำลังมองโครงกระดูกของฉัน ฉันก็นวดขมับของตัวเองอย่างเงียบๆ พวกมันแยกรูปปั้นของคาซาลออกมาและพยายามแงะประตูอย่างสุดแรง แต่ในท้ายที่สุดพวกมันก็ถอดใจและส่ายหัว
ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ฉันมองไปที่อีกทางออกนึง มันมีประตูเล็กๆอยู่ข้างหลังจุดที่ไซคลอปส์โกเลมเคยยืนอยู่
“เห้อ นี่อยากจะให้พวกเราเข้าไปลึกอีกสินะ?”
มันเหมือนกับว่าสุสานพยายามกระตุ้นให้ผู้บุกรุกเอาตัวเองไปเจอกับดักต่อไป
“ทุกคนรีบออกจากที่นี่กันเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราโดนทับตายแน่!”
ฮานส์เรียกพวกเราและจากนั้นก็รีบเก็บของเข้ากระเป๋าของเขา
ในระหว่างนี้เอง ฉันก็หยิบซากของไซคลอปส์โกเลมส่วนนึงขึ้นมา ด้วยการใช้เนตรจิต ออร่าศักดิ์สิทธิ์ และแว่นกันลมของฮานส์ ฉันสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบเวทมนตร์ของมันได้ไม่ยากนัก
ฉันจ้องมองหินเวทมนตร์ที่อยู่ในซากเป็นเวลาพักนึงก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังทางออก ทีน่ากับดาม่อนรีบตามหลังฉันมา