296 - ตัวประกัน
1607 - ตัวประกัน
ด้วยเสียง
ปู!
เลือดพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศปลดปล่อยความสดใสห้าสีแพรวพราวและสุกใส ศีรษะร่วงลงมากระทบกับพื้นเสียงดังสนั่น นี่มันน่าตกใจเกินไป!
ทุกคนมึนงง นี่คือศีรษะของใคร? มันเป็นของฉีปู้ผู้สูงสุดจากตระกูลจักรพรรดิ!
อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาก็ยังพ่ายแพ้ ตระกูลจักรพรรดิที่ไม่เคยส่งผู้ใดออกมาสู่โลกภายนอกนับหมื่นนับแสนปี บัดนี้เขาถูกตัดศีรษะต่อหน้าผู้คนมากมาย
ตระกูลจักรพรรดิคงอยู่อย่างสันโดษไม่ค่อยออกมาจากดินแดนบรรพบุรุษมากนัก เป็นเพราะว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากเกินไปจึงไม่มีความสนใจต่อสิ่งมีชีวิตด้านนอก
เวลาส่วนใหญ่พวกเขาหากไม่ใช่ทำการฝึกฝนเพื่อเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะ ก็เป็นการเฝ้าชมดูความเป็นไปของโลกด้วยสายตาของผู้ที่มีระดับชนชั้นแห่งชีวิตที่เหนือกว่า
ความประทับใจที่พวกเขาที่ผู้อื่นมองนั้น มันเป็นการกดขี่ข่มเหงที่ไม่มีวันต่อต้านได้ ตราบใดที่มีผู้ที่คิดจะแข็งข้อพวกเขาจะถูกกวาดล้างไปทั้งตระกูล
อาจกล่าวได้ว่าในระดับเดียวกันพวกเขาไม่เพียงแต่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายเท่านั้น ในความเป็นจริงน่าจะถูกเรียกว่าการบดขยี้ฝ่ายเดียว!
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันนี้มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บรรทัดฐานทุกอย่างถูกพลิกกลับ
ฉีปู้ถูกตัดศีรษะออกไป ร่างกายที่ไม่มีศีรษะทรุดลงกับพื้นเลือดห้าสีของเขายังคงทะลักออกมาไม่หยุด สร้างความหวาดกลัวให้กับสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติเป็นอย่างยิ่ง
“ฉีปู้ถูกฆ่าตายในสนามรบ! ผู้อาวุโสเมิ่งตัดศีรษะเขามาได้จริงๆ!” ผู้คนจากฝั่งของเมืองจักรพรรดิกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว
ความสำเร็จในการต่อสู้แบบนี้แทบจะไม่มีให้เห็นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่างน้อยในชีวิตของพวกเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!
เพื่อความรุ่งเรืองในระดับนี้บางทีอาจต้องย้อนกลับไปสู่ยุคเซียนโบราณ มีเพียงผู้คนในยุคนั้นเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ
“ชนะเราเอาชนะจักรพรรดิ์แถมยังตัดหัวของเขามาด้วย…ฮ่าฮ่า!” เหล่านักรบผู้ยิ่งใหญ่รวมไปถึงผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ที่ออกมาด้านนอกของกำแพงเมืองจักรพรรดิต่างพากันกรีดร้องอย่างสนุกสนาน
“ฮ่า ๆ พวกเจ้าบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ! ผู้สูงสุดจากตระกูลจักรพรรดิพวกเจ้าถูกตัดศีรษะลงในวันนี้ที่นี่? หากพวกเจ้ามีความกล้าก็บุกเข้ามาอีกครั้งพวกเราพร้อมสนองให้เสมอ!” ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมา
เป็นเพราะในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเมื่อทั้งสองกองทัพเกิดการต่อสู้กัน พวกเขามักจะได้รับความพ่ายแพ้และถูกทำให้อับอายอยู่เสมอ
วันนี้สถานการณ์พลิกกลับด้วยการสู้รบเพียงครั้งเดียว ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งได้สังหารสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดของศัตรูไปมากมาย แม้กระทั่งตัดศีรษะของผู้สูงสุดตระกูลจักรพรรดิลงมา เมืองจักรพรรดิเคยมีความรุ่งโรจน์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ความสำเร็จในการต่อสู้ประเภทนี้เหนือล้ำกว่าที่ผ่านๆมาทั้งหมดเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญอย่างมาก!
บนกำแพงเมืองจักรพรรดิ ใบหน้าของจินไท่จุนเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าซึ่งตอนนี้เป็นสีเขียวมีลักษณะน่าเกลียดมาก
ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่าเมิ่งเทียนเจิ้งนั้นแข็งแกร่ง แต่นางไม่เคยคิดว่าเขาจะ 'มหัศจรรย์' ขนาดนั้น หลังจากออกจากเมืองเขาได้สังหารสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดอย่างต่อเนื่อง
ความกล้าหาญของเขาไม่มีใครเทียบได้ ในที่สุดแม้กระทั่งผู้สูงสุดของตระกูลจักรพรรดิก็ยังถูกเขาตัดศีรษะลงมา?
ยิ่งเมิ่งเทียนเจิ้งทำได้ยอดเยี่ยมมากเท่าไหร่ใบหน้าของนางก็ยิ่งมืดคล้ำลงเท่านั้น
บนกำแพงเมืองไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลจินหรือตระกูลตู้รวมทั้งคนจากตระกูลอื่นๆ ใบหน้าของพวกเขาล้วนย่ำแย่มีท่าทางหวาดกลัว
เมื่อไม่นานมานี้จินไท่จุนได้กล่าวหาเมิ่งเทียนเจิ้งว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่คำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ แต่ตอนนี้การต่อสู้กลับได้รับชัยชนะอย่างงดงาม และใกล้จะถึงเวลาที่เขาจะกลับเข้าสู่เมืองจักรพรรดิแล้ว!
ผู้คนมากมายที่นี่ล้วนตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าเมิ่งเทียนเจิ้งน่าจะตายอยู่ข้างนอกเหมือนกับที่จินไท่จุนคิด
ตอนนี้มันแตกต่างไปจากที่พวกเขาคิดอย่างสิ้นเชิง เมิ่งเทียนเจิ้งได้สังหารผู้สูงสุดจากต่างมิติมากมายและเขาจะกลับมาที่นี่อย่างวีรบุรุษ อนาคตของพวกเขาทุกคนสามารถมองเห็นได้ลางๆแล้ว
ในขณะเดียวกันผู้คนมากมายจากกองทัพต่างมิติล้านเงียบสงบไม่ได้พูดจาอะไรออกมา พวกเขายังไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากความมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
บทสรุปนี้เลวร้ายเกินไปสำหรับพวกเขา ผู้สูงสุดของตระกูลจักรพรรดิพ่ายแพ้มิหนำซ้ำยังถูกตัดศีรษะลงมา พวกเขาทั้งอับอายและอัปยศ รวมไปถึงความหวาดกลัวที่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น?
ในความเห็นของพวกเขานี่คือความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด สงครามครั้งยิ่งใหญ่สองยุคก่อนหน้า ฝั่งของพวกเขาล้วนได้รับชัยชนะอย่างงดงาม แต่เมื่อมาถึงปัจจุบันด้วยกองทัพอันมากมายมหาศาลพวกเขากลับพ่ายแพ้ยับเยินที่นี่
“ปล่อยตัวฉีปู้เดี๋ยวนี้!” ผู้สูงสุดจากต่างมิติคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เขาเปิดใช้งานอาวุธชั้นเซียนของตัวเองแล้วโจมตีลงมาด้วยความคุ้มคลั่ง
อย่างไรก็ตามผู้สูงสุดของเมืองจักรพรรดิ์ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อยในมือของพวกเขามีทั้งธงสงครามเลือดเหล็ก แผนภาพสิบพิภพหม้อหงส์เพลิงเก้าศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงกระบี่เซียนในมือของเมิ่งเทียนเจิ้ง
ทั้งสองฝ่ายต่างก็เชิญหน้ากันอย่างรุนแรงด้วยการใช้งานของวิเศษชั้นเซียนออกมาอย่างเต็มที่ พายุทรายโหมกระหน่ำขึ้นสู่ท้องฟ้า สวรรค์เบื้องบนสั่นสะเทือนคล้ายกับจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
หลังจากต่อสู้กันได้สักระยะพวกเขาก็ถอยกลับมาคุมเชิงกันที่ด้านหน้าผู้คนจากฝั่งของตนเอง
“ปล่อยตัวผู้สูงสุดฉีปู้เดี๋ยวนี้!” ในกองทัพจากต่างมิติยังมีคนที่ตะโกนออกมาประปราย
สิ่งนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ หากมีใครบางคนจากตระกูลจักรพรรดิเสียชีวิตจะเป็นหายนะใหญ่หลวงสำหรับพวกเขา
ถ้าเป็นลูกหลานของคนอื่นก็ยังพอมีช่องทางให้สนทนากันบ้าง แต่กับจักรพรรดิแดงผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก มีหรือจะปล่อยผู้สูงสุดทุกคนที่อยู่ที่นี่ให้มีชีวิตรอดต่อไป
ทุกคนไม่รู้ว่าความโกรธเกรี้ยวของเขาจะรุนแรงมากแค่ไหนหากฉีปู้ไม่สามารถกลับมา ดังนั้นพวกเขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือผู้สูงสุดคนนี้
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องที่ไปไม่ได้ หลังจากที่เมิ่งเทียนเจิ้งตัดหัวของเขาลงมา วิญญาณดั้งเดิมของฉีปู้ก็ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาเว้นแต่ผู้ไม่ดับสูญจะมาด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นต่อให้กองทัพจากต่างมิติจะมีมากกว่านี้นับสิบเท่าก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้
ตอนนี้ฉีปู้กำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆเปลวไฟแห่งชีวิตของเขากำลังริบหรี่ลงพร้อมที่จะแตกดับได้ทุกเมื่อ!
บนพื้นศพที่ไร้หัวนั้นพังทลายและจากนั้นสูญสลายไปหมดแล้วเป็นเพราะลูกธนูโลหิตได้ทำลายพลังชีวิตของเขาไปจนหมดสิ้น
แม้แต่ศีรษะที่อยู่ในมือของเมิ่งเทียนเจิ้งก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกมิหนำซ้ำยังมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
วิญญาณดั้งเดิมของฉีปู้อ่อนแอลงอย่างถึงที่สุด ต่อให้เมิ่งเทียนเจิ้งปล่อยเขาตอนนี้เขาก็ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้แล้ว
ฉีปู้รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุด ที่ต่อให้จักรวาลอันยิ่งใหญ่ระเบิดอยู่ต่อหน้าเขาก็ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป
เป็นเพราะตอนนี้ศีรษะของเขาถูกหิ้วอยู่ในมือของศัตรู เขาครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าเขาพ่ายแพ้ด้วยเหตุผลใด?
ในฐานะคนจากตระกูลจักรพรรดิผู้สืบเชื้อสายของจักรพรรดิแดง เขาไม่เคยพบกับความปราชัยแบบนี้มาก่อนในชีวิต แม้แต่การต่อสู้กับทายาทของตระกูลจักรพรรดิอื่นๆ
เขารู้สึกทรมานใจอย่างถึงที่สุด ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำได้ตอนนี้ มีเพียงการกรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นเท่านั้น
เขาไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงนี้ได้ เขาประสบกับความพ่ายแพ้แบบนี้ได้อย่างไร?
“อยากฆ่าก็ฆ่าเลย!” อย่างไรก็ตามเขามีสายเลือดของจักรพรรดิ ย่อมมีความหยิ่งผยองอยู่เสมอ เขาไม่มีวันก้มหัวให้กับศัตรูอย่างแน่นอน
เมิ่งเทียนเจิ้งจับศีรษะของเขาไว้และพยายามกดไอสังหารของเขาลงไม่ให้พรุ่งพล่านขึ้นมาจนเผลอสังหารบุคคลที่มีความสำคัญผู้นี้ไป จากนั้นเขามองไปที่ผู้สูงสุดที่เหลืออยู่เพียงห้าคนจากฝั่งต่างมิติ
“ถ้าพวกเจ้ากล้าบุกเข้ามา จุดจบของพวกเจ้าจะยิ่งเลวร้ายไปกว่ามัน!”
คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีความผันผวนอารมณ์แม้แต่น้อย แต่เมื่อมันทะลุเข้าไปในหูของผู้สูงสุดจากต่างมิติพวกเขากลับเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ
ตอนนี้ผู้สูงสุดทั้งห้าคนเริ่มสงสัยแล้วว่าเมิ่งเทียนเจิ้งอาจก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร!
“เจ้าต้องการสิ่งใดเพื่อแลกกับเขา?” ผู้สูงสุดคนหนึ่งจากต่างมิติกล่าวอย่างเย็นชา
กองทัพใหญ่ขนาดใหญ่ที่มีผู้คนหลายแสนไม่มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนผู้นำกองทัพของพวกเขาถูกศัตรูจับไว้เป็นตัวประกัน ทุกคนต่างหมดสิ้นความคิดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
“อยากฆ่าก็ฆ่าอยากทรมานก็ทรมานรับรองว่าข้าไม่ขมวดคิ้วให้เจ้าเป็นอย่างแน่นอน!” ฉีปู้ร่ำร้องด่าทออยู่อย่างนั้น
เขารู้สึกอับอายมาก แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ ตอนนี้ศีรษะของเขาตกอยู่ในมือของศัตรู เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เมิ่งเทียนเจิ้งสังหารเขาไปให้สิ้นเรื่อง
“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว เมื่อกลับมาอีกครั้งให้นำตัวฮวงมาแลกกับเขา พวกเจ้าน่าจะรู้ดีว่าเขาทนได้อีกไม่นานแล้ว” เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวอย่างเย็นชา