บทที่ 2 การเริ่มต้นใหม่
บนเกาะแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก มีโรงแรมที่ถูกละเลยสร้างขึ้นใกล้ชายหาด
ภายในห้องชุดที่มีแสงสลัว จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อเต็มหน้าผาก ขณะสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ
เขาใช้นิ้วกำหัวแน่น พยายามขุดลึกลงไปในสมองเพื่อหยุดความเจ็บปวดที่ทำร้ายเขาระหว่างงีบหลับ
'อ๊าาาาา!!!!"
แต่ในไม่ช้า เขาก็ละทิ้งความพยายามที่ไร้ประโยชน์ และปล่อยเสียงกรีดร้องยาว และสลบไปบนเตียงด้วยดวงตาที่กลอกขึ้นฟ้า
เสียงกรีดร้องของเขาแจ้งเตือนบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องชุด หนึ่งในนั้นรีบวิ่งเข้ามาในห้องนอนพร้อมปืนพกในมือ
“นายน้อยเฟลิกซ์ คุณสบายดีไหม?” เขาตะโกน แต่เขาไม่ได้รับเสียงตอบกลับ ดังนั้นเขาจึงเตะประตูห้องนอนเปิดออก
เขามองเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เขาเห็นเฟลิกซ์นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ขยับเขยื้อน เหนือแอ่งน้ำที่อยู่บนผ้าปูที่นอนราวกับมีคนปัสสาวะรดมัน
ถ้าลูกพี่ลูกน้องของเฟลิกซ์เห็นสภาพเขาตอนนี้ พวกเขาอาจทำให้เขาอับอายจนตาย
บอดี้การ์ดพุ่งไปข้างหน้าและแตะคอเฟลิกซ์เพื่อตรวจสอบว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ขณะที่เขายืนยันว่าเฟลิกซ์ยังไม่ตายและแค่หมดสติ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขารู้ว่าเขาจะต้องถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอน หากเกิดอันตรายขึ้นกับเฟลิกซ์ภายใต้การดูแลของเขา
เขาโทรหารูมเซอร์วิสและสั่งอย่างเคร่งขรึม “คุณมีเวลา 5 นาที เอายาที่สามารถปลุกคนหมดสติได้ขึ้นมา”
6 นาทีต่อมา...
เฟลิกซ์ปิดจมูกที่ถูกยาดมทำร้าย เขาได้สติและลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง
'ฉันเป็นใคร? ฉันอยู่ที่ไหน? ผู้ชายคนนี้เป็นใคร เขามองมาที่ฉันเหมือนฉันเป็นลูกเขา เขาเป็นพ่อฉันเหรอ? แต่เขาน่าเกลียด! ฉันจะน่าเกลียดด้วยหรือเปล่า!!'
ก่อนที่ความคิดของเขาจะสับสนไปมากกว่านี้ ความทรงจำจำนวนมหาศาลก็เข้าท่วมสมองของเขา
น่าเสียดายที่สมองที่อ่อนแออยู่แล้วของเขาหลังจากการครอบครองวิญญาณ ไม่สามารถรับภาระทั้งหมดได้ในคราวเดียว ดังนั้นเขาจึงหมดสติไปอีกครั้ง
หัวของเขากระแทกผ้าปูที่นอนด้วยเสียง 'ป๋อม' และตาปิดสนิท
วิญญาณของบอดี้การ์ดบินออกจากร่างทันทีหลังจากได้ยินเสียงนั้น เขาพูดย้ำอยู่ในใจว่า 'ตาย ตาย ตาย...'
เขาคิดว่าเฟลิกซ์น่าจะถูกวางยาพิษ ท้ายที่สุด ไม่มีใครเป็นลมโดยไม่มีเหตุผล ไม่ใช่ครั้งเดียวแต่ 2 ครั้งติดต่อกัน
เขามองไปที่ยาดมในมือราวกับว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์จากสวรรค์ และวางไว้ใต้จมูกของเฟลิกซ์ พร้อมอธิษฐานอย่างจริงใจให้เฟลิกซ์ตื่นขึ้นและไม่เป็นลมอีก
เฟลิกซ์ได้กลิ่นยาดมที่น่ารังเกียจนั้นอีกครั้งและตื่นขึ้น แต่คราวนี้มีความคมชัดในดวงตาของเขา ความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตในอดีตเริ่มจัดเรียงตัวเองใหม่อย่างมีระเบียบในใจของเขา
เขายิ้มอย่างมีชัยหลังจากดูมัน 'เป็นไปตามแผน คนอย่างฉันจะตายอย่างไร้เหตุผลได้ยังไง ความกล้าหาญของฉันที่จุดชนวนระเบิดจิตวิญญาณของตัวเองเนื่องจากความอัปยศอดสู จะต้องเข้าตาตัวตนบางอย่างที่ให้โอกาสครั้งที่สองกับฉัน
จู่ ๆ ก็มีเสียงที่สองแทรกเข้ามาในขณะที่เขากำลังมโน 'ไอ้สารเลว ความอัปยศของเจ้าไร้ขอบเขตจริง ๆ ถึงขนาดคิดว่าการเกิดใหม่ของเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนเจ้า เจ้าต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจังจริง ๆ'
รอยยิ้มของเฟลิกซ์แข็งทื่อทันทีหลังจากจำเสียงน่ารังเกียจนี้ได้
เขาจะจำเสียงของแม่มด ที่ทำให้เขาต้องพบกับประสบการณ์ที่สะเทือนใจที่สุดในชีวิตก่อนหน้านี้ไม่ได้ได้ยังไง
ในไม่ช้า เขาก็ส่ายหัวปฏิเสธว่า 'ฉันคงเครียดเมื่อความทรงจำเหล่านั้นท่วมสมองฉันแน่ ๆ'
ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นหลังจากจำอาการที่เขาเคยพบในอินเตอร์เน็ตได้ "มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ ฉันต้องเป็น PTSD หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ'
(PTSDPost-Traumatic Stress Disorder) หรือโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง เป็นภาวะทางจิตที่เกิดจากการเผชิญกับเหตุการณ์ตึงเครียด น่ากลัว หรือกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นประสบการณ์โดยตรงหรือการพบเห็นเหตุการณ์นั้น ๆ จนทำให้ผู้ป่วยอาจเห็นภาพในอดีต ฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น)
เขายังคงเชื่อมั่นในตัวเอง 'ต้องเป็นแบบนั้นแน่'
แอสน่าถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง 'ฉันต้องติดอยู่กับไอ้งี่เง่านี้ไปชั่วนิรันดร์งั้นเหรอ'
เฟลิกซ์สาปแช่งเธอกลับออกมาดัง ๆ "เธอสิงี่เง่า ยัยแม่มดชั่วที่พรากพรหมจรรย์ก้นฉัน!"
บอดี้การ์ดที่ยืนนิ่งอยู่เงียบ ๆ ตลอดกระบวนที่เฟลิกซ์กำลังคิดว่าตัวเองมีอาการทางจิต ได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้วรู้สึกว่าวิญญาณที่เพิ่งกลับเข้ามาในร่างกำลังหลบหนีไปอีกครั้ง
ความคิดเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ 'ฉันจบแล้ว พิษได้แทรกซึมเข้าไปในสมองนายน้อย และทำให้เขากลายเป็นคนปัญญาอ่อน'
เขาสามารถจินตนาการถึงพาดหัวข่าวที่ใหญ่ที่สุดของวันพรุ่งนี้ได้ ทายาทครอบครัวแมกซ์เวลล์คนหนึ่งกลายเป็นคนปัญญาอ่อน และข่าวการหายตัวไปของชายผู้ทำงานอย่างขยันขันแข็งในมุมหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในอินเทอร์เน็ต
น้ำตาเขาไหลอาบแก้มเมื่อจินตนาการถึงภาพนั้น
เฟลิกซ์ตระหนักในทันทีว่าเขากำลังได้ยินเสียงเธอจริง ๆ จากการโต้เถียงกัน ตอนนี้เขาไม่มีทางหนีจากเธอได้ เพราะเธอคงถูกผนึกไว้ในจิตสำนึกของเขา
แอสน่าพอใจกับข้อสรุปของเขา 'เฟลิกซ์ เรามีเวลาคุยกันตลอดเวลา แต่ตอนนี้เจ้าต้องแก้ไขสถานการณ์ภายนอกก่อน คนจนคนนั้นกำลังร้องไห้ด้วยเหตุผลบางอย่าง'
เฟลิกซ์รู้ว่าเธอพูดถูก ดังนั้นเขาจึงจดจ่ออยู่กับบอดี้การ์ดที่สะอื้นไห้ราวกับชีวิตของเขาจบสิ้นลงแล้ว
เขาลุกขึ้นจากที่นอนและกระซิบข้างหูบอดี้การ์ดว่า “แจ็ค อย่าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กับใคร ฉันแค่ลองยาตัวใหม่ในตลาดที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของฉัน”
จากนั้นเขาก็เดินไปเปิดลิ้นชักซึ่งเขาเก็บเงินสดไว้ คว้าเงิน 500 ดอลลาร์กลับไปหาแจ็ค และใส่มันไว้ในกระเป๋าข้างชุดสูทของเขา
“ออกไปข้างนอกและบอกพวกเขาว่า ฉันกำลังดูหนังสยองขวัญอยู่ ฉันเลยกรี๊ด” เขาตบไหล่แล้วพูดต่อว่า “ก่อนไป เอาผ้าปูที่นอนไปด้วย”
แจ็คพยักหน้ารับคำสั่ง ขณะที่เขากำลังออกจากห้องนอนไปพร้อมผ้าปูที่นอน เขาก็ได้ยินเสียงของเฟลิกซ์ "แล้วส่งคนมาซ่อมประตูที่นายทำพังด้วย"
“ไม่ต้องห่วงครับนายน้อย ประตูจะถูกเปลี่ยนใน 10 นาที”
แอสน่าเห็นว่าแจ็คจากไปแล้วก็พูดขึ้น “ตอนนี้มือที่สามไม่อยู่แล้ว เรามาคุยกันต่อเถอะ”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูด แม่มด! ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ฉันจะไม่ยอมแพ้หรือร่วมมือกับเธอแน่”
“เฟลิกซ์ที่รัก เจ้าไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา”
เธออธิบายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “วิญญาณของเราหลอมรวมเป็นหนึ่ง และด้วยเหตุผลที่ไม่เป็นธรรมบางอย่าง เจ้าสามารถควบคุมร่างกายหลักได้ ในขณะที่ข้า มองเห็นได้เพียงว่าเกิดอะไรขึ้นจากดวงตาของเจ้าและทำอะไรไม่ได้ ข้าไม่ต้องการให้ตัวเองเป็นแบบนี้ตลอดไป และข้าคิดว่าเจ้าต้องการให้ข้าจากไปโดยเร็วที่สุด จริงไหม”
เฟลิกซ์ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "อย่างแรกเลย เธอสมควรได้รับในสิ่งที่เธอทำ และอย่างที่สอง เธอคิดผิดแล้ว ทำไมฉันต้องช่วยเหลือเธอและปลดปล่อยเธอ"
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ดังนั้น ผ่อนคลาย และสนุกกับการดูฉันใช้ชีวิตของฉัน” เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย
แอสน่าไม่ได้โกรธหลังจากได้ยินคำกล่าวของเขา เพราะเธอเดาคำตอบนี้ได้จากสิ่งที่เธออ่านจากความทรงจำของเขาแล้ว
เธอตอบพร้อมกับหาว “ก็ได้ ตามใจเจ้า อยากเล่นเกมยาว ๆ ไหม ข้าจะพาเจ้าไปทีละขั้น ไม่ต้องกังวลและสนุกกับชีวิตของเจ้า”
“ถ้าทำได้น่ะนะ” เธอพึมพำเบา ๆ
หลังจากที่เฟลิกซ์ได้ยินคำสุดท้าย ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวล
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้าและคิดว่า 'เอาเถอะ แม่มด มาดูกันว่าใครจะเป็นคนหัวเราะคนสุดท้าย'
….
15 นาทีต่อมา
เขายืนนิ่งอยู่หน้ากระจก เพราะมันกำลังสะท้อนหน้าตาที่ดีกว่าคนปกติของเขา
ผมสีบลอนด์หยักศกสั้น นัยน์ตาสีบลูเบอร์รี่ ขนตาหนา คิ้วบาง จมูกโด่ง และริมฝีปากสีแดงบาง ๆ
รวมกับร่างกายที่มีความสูงเฉลี่ย 177 ซม. และน้ำหนัก 60 กก. หรือ 132 ปอนด์
ขณะที่เขาตรวจสอบภาพลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ของเขา เขาก็ลูบคางด้วยความสงสัย "ด้วยใบหน้าที่งดงามแบบนี้ ทำไมฉันถึงเป็นโสดมาทั้งชีวิต"
“ต้องเป็นเพราะผู้หญิงรู้สึกต่ำต้อยและไม่คู่ควรเมื่ออยู่เคียงข้างฉัน พวกเธอจึงไม่มีความรู้สึกใดๆ กับฉันแน่” เขายกย่องตัวเองอย่างไร้ยางอาย
แอสน่ากลอกตาและเพิกเฉยต่อคนโง่เง่าที่หลงตัวเอง
------
หมายเหตุจากผู้เขียน :
เฟลิกซ์ถูกส่งไปยังไทม์ไลน์อื่น แทนที่ตัวตนเดิมของเขาไทม์ไลน์อื่น เรียกได้ว่านี่คือการเกิดใหม่ แทนที่จะย้อนเวลาของจักรวาลทั้งมวล เขาถูกส่งตัวไปยังไทม์ไลน์ที่ไม่สิ้นสุดอันไหนสักอันในอดีต นอกจากนี้อายุของเขาก่อนเสียชีวิตคือ 40 ปีหรือมากกว่านั้น
ฉันหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยขจัดความสับสนของพวกคุณได้
-------------------------------