บทที่ 29 ชำระแค้น 2
บทที่ 29 ชำระแค้น 2
ถังเส้าหยางตามกลุ่มผู้รอดชีวิตไปยังที่พักพิงของพวกเขา ระหว่างทางตงผิงจอมเจ้าเล่ห์ก็เอาแต่รบกวนเขา เขาเอาแต่ถามว่า ถังเส้าหยางได้รับอาวุธมาได้อย่างไร? มีเลเวลเท่าไหร่? มาจากไหน?
เขาตอบไปอย่างกวนๆ แต่ชายผู้นี้ก็ดูจะไม่ยอมลดความพยายาม ตงผิงไม่ได้ปล่อยให้เขาหลุดมือไป
อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็ค้นพบบางสิ่ง พี่น้องเหมารักษาระยะห่างจากเขาในขณะที่เว่นซีเองก็คอยมองดูซูเฉิงเป็นครั้งคราว สำหรับกู่เหวิน เขาก็ไม่เคยคุยกันอีกเลยตั้งแต่แนะนำตัว
ทั้งซูเฉิงและกู่เหวินนั้นไม่เคยพูดคุยกันหากเขาไม่ถามพวกเขา สำหรับว่านจิงยี่ เธอก็ยังคงบ่นด้วยเสียงต่ำ คำพูดแต่ละคำของเธอส่งตรงถึงสามีของเธอ สำหรับหลี่อัน เธอก็เอาแต่ก้มศีรษะต่ำและอยู่ใกล้ๆเขา
เธอเป็นเหตุผลที่ทำให้ถังเส้าหยางติดตามกลุ่มผู้รอดชีวิตไปยังที่พักพิง ในบรรดาแปดคน หลี่อันก็เป็นเพียงคนเดียวที่ยอมรับข้อเสนอของเขา แอย่างไรก็ตาม เธอก็มีน้องสาวตัวน้อยและแม่ของเธอคอยอยู่ข้างหลัง
ฉากหน้า มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะมากับพวกเขาเพื่อมาหาแม่และน้องสาวของหลี่อัน อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่เขาเดินตามพวกเขากลับมายังที่พักพิงของพวกเขา เขามีแรงจูงใจอื่นซ่อนเร้น
มันใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าที่กลุ่มจะมาถึงที่พักพิง ที่พักพิงที่พวกเขาพูดถึงก็คือบ้านหลังใหญ่ที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เว่ยซีเปิดประตูและคนอื่นๆก็เดินตามเข้าไป พวกเขาหยุดก่อนประตูใหญ่ เว่ยซีเคาะประตูสามครั้ง
“ใคร?” เสียงตอบรับดังมาจากด้านหลังประตู
“ฉันเอง เว่ยซี! เรากลับมาแล้ว!”
หลังจากนั้นประตูก็เปิดออก ชายร่างใหญ่หัวล้านเดินออกมา มันมองตรวจสอบเว่ยซีและขมวดคิ้ว รอยย่นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของมัน “อาหารอยู่ที่ไหน แกล้มเหลวหรอ?” น้ำเสียงของเขาดูดุดันเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้
รอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยซีขณะที่เขาพยักหน้า “อืม ... เราล้มเหลวในการนำอาหารมาเพราะซอมบี้ที่เฝ้าร้านเป็นซอมบี้ที่วิวัฒนาการแล้ว! เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน...”
“รอที่นี่! ฉันจะไปรายงานพี่ลู่!” เมื่อชายหัวล้านพูดจบ มันก็ปิดประตูแล้วเดินจากไป
“ฉันบอกแล้วไง เราควรกลับไปเอาอาหารมาด้วย!” เหมาจูหงตำหนิเว่ยซีที่ไม่ฟังเขา ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้พี่น้องเหมาได้แนะนำให้พวกเขากลับไปเอาอาหารมา
อย่างไรก็ตาม เว่ยซีก็ยืนกรานที่จะกลับมาก่อนเพราะเขากลัวว่ามันจะมีซอมบี้ที่วิวัฒนาการและรออยู่ ในเวลานั้นมันก็ไม่มีใครคัดค้าน อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหัวโล้นพูดถึงพี่ลู่ พี่น้องเหมาก็ตื่นตระหนกและโทษเว่ยซี
ไม่นานประตูก็เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ชายสามคนก้าวออกมารวมทั้งชายหัวล้าน นอกจากชายหัวโล้นแล้ว มันก็ยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ คล้ายกับนักเพาะกายในทีวี
ผู้ชายสวมเสื้อแขนกุดแสดงกล้ามเนื้อที่ปูดโปนของมัน ท่าทางเคร่งขรึมถูกฉาบบนใบหน้าของมัน ผู้ชายคนนั้นจ้องไปที่เว่นซีอย่างดุเดือด เว่ยซีตอบสนองด้วยการดึงภรรยาของเขาให้มาหลอยู่ที่ด้านหลังของเขา
เช่นเดียวกับพี่น้องเหมา พวกเขาก็เดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว พวกเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว มือของพวกเขาสั่นอย่างเห็นได้ชัดและทั้งคู่ก็ก้มหน้าต่ำในทันที พกวเขาไม่กล้ามองชายทั้งสามคน
หลี่อันเองก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังถังเส้าหยางขณะที่เธอดูจะหวาดกลัวผู้ชายทั้งสามคน สำหรับตงผิง เขาก็ยังคงยืนอยู่ข้างถังเส้าหยางอย่างสงบในขณะที่ซูเฉิงและกู่เหวินยืนอยู่ข้างหลังเขา
ในขณะเดียวกัน ชายที่อายุราวๆ 20 กลางๆก็ยืนอยู่ท่ามกลางชายร่างใหญ่สองคน เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ สายตาที่ขี้เล่นของเขาจ้องมองไปที่ว่านจิงยี่ ก่อนที่มันจะหันไปมองเว่ยซี
“บอกเหตุผลฉันมาหน่อยสิว่าทำไมฉันถึงต้องให้พวกแกอยู่กับฉัน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและคำพูดเหล่านั้นก็มุ่งไปที่เว่ยซี
เว่ยซีดึงภรรยาของเขาไปข้างหลังและก้มศีรษะลง เขากัดฟันในขณะที่เขาไม่กล้าที่จะหักล้างชายหนุ่ม
“เหอะ… ถ้าแกเอาอาหารมาไม่ได้ งั้นมันก็จะไม่มีอาหารให้แกเช่นกัน! ถ้าแกต้องการที่จะกินก็ไปเอาอาหารมา!”
“แต่…” เว่ยซีเงยหน้าขึ้นเพื่อจะบอกว่าเมื่อวานเขานำอาหารมามากมาย อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องก้มศีรษะลงเมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของชายหนุ่ม
จากนั้น สายตาของชายหนุ่มก็หันกลับมามองว่านจิงยี่และพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ถ้าแกปล่อยให้ฉันได้นอนกับภรรยาแสนสวยของแกเป็นเวลาสามคืนแล้วล่ะก็ ฉันก็จะให้อาหารแก่แกตลอดหนึ่งสัปดาห์! เนไง?”
“ไม่มีทาง!” เว่ยซีตอบโต้อย่างรุนแรงและดึงภรรยาของเขาออกจากสาตาของชายทั้งสาม
ชายหนุ่มยิ้มเยาะและหันไปทางที่เหลือ เขามองไปยังหญิงสาวอีกคนจากนั้นเขาก็ได้พบกับหน้าใหม่ที่ดูคุ้นเคยในกลุ่ม เขาจ้องไปที่ชายที่ยิ้มกว้างให้เขา
“แก…แกมาที่นี่ทำไม!?” ชายหนุ่มก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว สิ่งนี้ทำให้คนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจ
“โฮะโฮะ… แกไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ นายน้อยลู่เหวิน!” ถังเส้าหยางยิ้มปากถึงหูขณะที่เขาเดินเข้าหาชายหนุ่ม
ลู่เหวินสังเกตเห็นขวานศึกในมือของถังเส้าหยางในทันที ลูกตาของมันหดเกร็งในขณะที่มันตะโกนด้วยความตื่นตระหนกและชี้นิ้วไปที่ถังเส้าหยาง “แกจะทำอะไร!? ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้สารเลวนี่!”
ทุกคนตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน สองพี่น้องเหมาที่ขี้ขลาดเองก็ทำตัวเหินห่างทันทีขณะที่เว่ยซีก็ดึงว่านจิงยี่ออกมาไกลๆ มันมีเพียงหลี่อันเท่านั้นที่ตกอยู่ในความคิด เธอไม่รู้ว่าเธอจะต้องทำอย่างไรในขณะที่เธอยืนนิ่งอยู่ถัดจากถังเส้าหยาง
อย่างไรก็ตาม หลังจากการตะโกน ถังเส้าหยางก็เป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว มือขวาของเขาขยับไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มันคว้าคอของตงปิง เขายกมือขึ้นและกระแทกตงปิงลง
หลังจากนั้น เขาก็เหวี่ยงขวานศึกไปทางด้านหลังซูเฉิงและกู่เหวินที่อยู่ด้านหลังก็ถูกพัดกระเด็นไปจากการกระแทก ร่างของพวกเขาพุ่งไปที่รั้ว และกระแทกเข้ากับรั้ว
การกระทำที่ไม่คาดคิดของถังเส้าหยางนั้นเร็วเกินไป ชายทั้งสามถูกจัดการโดยการโจมตีอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นในขณะที่เขารีบวิ่งไปข้างหน้าและโยนขวานศึกไปทางชายหัวล้านทันที
ฉึก!
ส่วนบนของขวานศึกแทงทะลุเกราะของชายหัวล้านและร่างของเขาก็กระแทกไปติดกับประตูด้านหลัง มันเป็นความตายฉับพลัน ในเวลาเดียวกัน ถังเส้าหยางก็พุ่งเข้าหาชายร่างใหญ่อีกคนและมือของเขาก็เอื้อมไปที่คอของชายร่างใหญ่ในทันที
เขายกชายตัวโตคนนั้นขึ้นไปในอากาศ ชายร่างใหญ่พยายามดิ้นรน และพยายามหลุดพ้นจากการจับของถังเส้าหยาง ชายร่างใหญ่พยายามเปิดมือที่จับอยู่ของถังเส้าหยางแต่มันก็ไม่เป็นผล เขาเตะไปที่หน้าอกและหน้าท้องของถังเส้าหยาง แต่มันก็ยังไม่ช่วยอะไรเขาเลย
แตก!
ถังเส้าหยางหักคอของชายที่ดูเทอะทะ จากนั้นชายคนนั้นก็หยุดดิ้นรน ร่างกายของเขาค่อยๆอ่อนลงและในที่สุดชายคนนั้นก็ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป ผู้ชายคนนั้นตายแล้ว
การกระทำทั้งหมดนี่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาที จากนั้นถังเส้าหยางก็เดินเข้าไปหาในขณะที่ชายห้าคนนั้นได้สิ้นใจตายไปแล้ว
เว่ยซีและว่านจิงยี่ไม่สามารถหลบหนีออกจากสถานการณ์ดังกว่าได้ทัน พวกเขาทำได้แค่ยืนดูทุกๆอย่างมันเกิดขึ้น และหลี่อันเองก็เช่นกัน สำหรับพี่น้องเหมาที่ขี้ขลาด พวกเขาก็ล้มลงไปกับพื้นและปากของพวกเขาก็สั่นด้วยความกลัว
“อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะยิงแกแน่!” ลู่เหวินหยิบปืนออกจากเอวของเขาแล้วชี้ปากกระบอกปืนไปทางถังเส้าหยาง แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาจะยิง แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเหนี่ยวไก
ลู่เหวินคือหลานชายตัวปัญหาของลู่กัง เพราะลุงของมันมีตำแหน่งสูงในโลกใต้ดิน ชายคนนี้จึงทำตัวดื้อรั้นและมันก็มีงานอดิเรกแปลกๆ ซึ่งการหลับนอนกับแฟนชาวก็เป็นหนึ่งในงานอดิเรกแปลกๆของมัน
ลู่กังให้ความสำคัญกับความสามารถของถังเส้าหยาง ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะพบกันผ่านลู่กัง และนั่นก็ทำให้ถังเส้าหยางได้รู้จักลู่เหวิน จนกระทั่งวันหนึ่ง ลู่เหวินเพ้อฝันถึงแฟนสาวของเขา
ลู่เหวินคิดว่าถังเส้าหยางเป็นลูกน้องของลุงของมัน ดังนั้นมันจึงเกี้ยวพอแฟนสาวของเขาอย่างไม่เกรงกลัวด้วยเงิน ลู่เหวินพยายามอย่างมากในการติดต่อกับแฟนสาวของเขา
ในเวลานั้น ถังเส้าหยางก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ แม้ว่าแฟนสาวของเขาจะถูกหลานชายของบอสพาตัวไปถึงสามคน แต่เขาก็ไม่ได้โกรธลู่เหวิน
แฟนสาวของเขาเลือกคนที่รวยกว่าเขา ดังนั้นมันจึงเป็นทางเลือกของพวกเขา มันไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะไปโกรธ ยังไงซะเขาก็สามารถหาแฟนสาวคนอื่นได้
อย่างไรก็ตาม อยู่มาวันหนึ่ง ลู่เหวินก็ได้บังคับเขาให้พาแฟนสาวของเขาไปให้มันเป็นครั้งที่สี่เพราะแฟนสาวของเขานั้นเอาแต่ปฏิเสธมันแม้มันจะล่อเธอด้วยเงินแล้วก็ตาม
คราวนี้ถังเส้าหยางไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เพราะลู่เหวินได้ลักพาตัวแฟนสาวของเขาไปในงานเลี้ยงสังสรรค์ ใช่แล้ว ลู่เหวินแบ่งปันแฟนสาวของเขากับเพื่อนของมัน
สิ่งนี้มันทำให้ถังเส้าหยางเดือดดาลจนถึงขีดสุด เขาบุกเข้าไปหามันและอัดมันจนเละอย่างไรก็ตาม นับเป็นโชคของมันที่ลู่กังสามารถเข้ามาคุมสถานการณ์ได้ทัน ดังนั้นมันจึงสามารถรอดมาจากเงื้อมมือของถังเส้าหยางได้ และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา มันก็ไม่เคยมาเสนอหน้าให้เขาเห็นอีกเลย
ลู่เหวินเอาแต่หลีกเลี่ยงเขามาเสมอตั้งแต่วันนั้น และมันก็เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา ถังเส้าหยางเองก็ไม่ได้ตามบ่าตัวลู่เหวิน ท้ายที่สุด มันก็ยังคงเป็นหลานชายของบอส และเขาก็ไม่ต้องการที่จะถูกตามล่าโดยกองกำลังใต้ดินที่มีอำนาจมากที่สุดในเมือง SH
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป โลกมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เขาถึงกับฆ่าอดีตบอสของตัวเองด้วยซ้ำ อย่างงั้นแล้วทำไมเขาถึงจะไม่สามารถฆ่าหลายชายชั่วๆอย่างมันได้
“โฮะโฮะ… ฉันมาเพื่อทำตามสัญญาไง นายน้อยลู่! คุณลืมสัญญาของเราไปแล้วหรอ!” ถังเส้าหยางยิ้มกว้าง
“อย่าเข้ามา!” ลู่เหวินตะโกนและเหนี่ยวไกสามครั้ง
ปัง ปัง ปัง