304 - ภารกิจของนิกาย
304 - ภารกิจของนิกาย
วันที่เก้าของเดือนจันทรคติที่ 8 ในปีที่ 17 ของรัชกาลหยวนผิงในจักรวรรดิฮั่นที่ยิ่งใหญ่
เอี้ยนลี่เฉียงถูกเรียกตัวมาโดยชิวยี่หรือที่รู้จักกันดีในนามผู้จัดการชิวอีกครั้งในห้องโถงเขาเทียนเฉียว เอี้ยนลี่เฉียงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเมื่อเห็นรอยยิ้มของชิวยี่
เช้านี้ก็เหมือนกับเช้าวันอื่นๆของเอี้ยนลี่เฉียง เขานำกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงไปที่เขาเทียนเฉียวขณะที่พวกเขาตรวจสอบโกดังวัสดุ
ขณะที่พวกเขาอยู่ระหว่างงาน ผู้ดูแลฮวงเดินมาบอกเอี้ยนลี่เฉียงว่าที่ผู้จัดการชิวต้องการพบเขาทันที
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ต้องการให้ผู้ดูแลหวงเกิดความลำบากใจ ดังนั้นเขาจึงวางทุกอย่างที่อยู่ในมือของเขาและปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงตรวจ
ในขณะที่เขาออกจากที่นี่เพื่อไปที่สำนักงานในห้องโถงเขาเทียนเฉียวทันที
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้พบผู้จัดการชิวมาระยะหนึ่งแล้ว คิดดูอีกทีก็สามเดือนกว่า
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเอี้ยนลี่เฉียงเป็นเหมือนนกอิสระบนยอดเขาเทียนเฉียว ชีวิตของเขาไร้กังวลจนเกือบลืมคนๆนี้ไปแล้ว
ตอนนี้ผู้จัดการชิวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงตระหนักว่าในขณะที่เขาอาจลืมผู้จัดการชิวไปหมดแล้วแต่เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้ไม่ได้ลืมเขาเลย
“ผู้จัดการชิว!”
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองที่ผู้จัดการชิวเพียงครั้งเดียวหลังจากที่เขาเข้ามาในห้อง ในช่วงเวลาที่เหลือเขาเพียงแค่จ้องที่พื้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตา
เขาพยายามทำหน้าเยือกเย็นในขณะที่เขาโค้งคำนับให้ผู้จัดการชิวอย่างสุภาพ
“ไม่เลว ไม่เลวเลย! เราไม่ได้เจอกันมาสามเดือนแล้วลี่เฉียง! ความลึกซึ้งของการบ่มเพาะของเจ้ายิ่งลึกล้ำเข้าไปอีก!”
นัยน์ตาเล็กๆของผู้จัดการชิวส่องประกายด้วยรัศมีแห่งความมืดที่น่ารังเกียจ ขณะที่เขาสังเกตเอี้ยนลี่เฉียงอย่างใกล้ชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ผู้จัดการชิวยกย่องเกินไปแล้ว ระดับบ่มเพาะของข้าไม่มีอะไรเลยข้าเป็นเพียงสาวกภายนอกอ่อนแอคนหนึ่งไม่สมควรได้รับคำชมจากท่าน!”
“โอ้ กำลังบอกว่างานที่เขาเทียนเฉียวเป็นภาระต่อการฝึกฝนของเจ้าเหรอ?”
“โปรดอย่าเข้าใจผิดผู้จัดการชิว ข้าโชคดีที่ได้ทำงานที่เขาเทียนเฉียวภายใต้การดูแลของปรมาจารย์ซู ไม่อย่างนั้นงานของข้าคงเป็นการทำความสะอาดห้องน้ำต่อไปและไม่มีทางได้รับคู่มือรับของนิกาย!”
“อืม ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ!”
ผู้จัดการชิวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ขณะที่เขาหยิบถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาและเป่าชาร้อนเบาๆ ดวงตาของเขาเคลื่อนจากชาไปที่เอี้ยนลี่เฉียง
“ก่อนหน้านี้เจ้าฝึกฝนวิชาอะไรจากหอคัมภีร์? ลมปราณหมอกสีม่วง ลมปราณหวนสวรรค์หรือวิชาโบราณยุคแรกๆของนิกายหรือไม่?
ข้าจะฝึกฝนอะไรมันเป็นธุระกงการอะไรของเจ้า!
เอี้ยนลี่เฉียงสาปแช่งอยู่ในใจ แต่เขายังคงแสดงสีหน้าที่สงบและเชื่อฟัง
"ข้าเป็นคนไม่ค่อยมีพรสวรรค์มากนักจึงไม่กล้าเลือกวิชาที่ยากเกินไป ดังนั้นข้าจึงเลือกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สิบมังกรคชสาร ข้าแค่ต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของรากฐานตัวเองเท่านั้น”
“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย!” ผู้จัดการชิวหัวเราะในขณะที่จิบชา
“ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ดูแลฮวงยกย่องเจ้าตลอดเวลา! น่าประทับใจจริงๆ!”
หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต้นเหมือนกลองในขณะที่เขาได้ยินวิธีที่ผู้จัดการชิวยกย่องเขา เขาคุ้นเคยกับวิธีการนี้มากเกินไป เขารู้ดีว่าหลังจากนี้ผู้จัดการชิวจะผลักเขาเข้าสู่สุสานอย่างแน่นอน
“ขอบคุณผู้จัดการชิว ข้าเพิ่งมาใหม่และยังมีอะไรอีกมากที่ต้องเรียนรู้ หวังว่าในอนาคตจะได้รับการสั่งสอนจากผู้จัดการชิว!”
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ข้าเฝ้าดูเจ้าอยู่ตลอด” ผู้จัดการชิวหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ผู้ดูแลฮวงเริ่มแก่แล้ว เขาไม่ได้กระฉับกระเฉงเหมือนคนหนุ่มสาวอีกต่อไป แม้แต่สมองของเจ้าก็ยังเร็วกว่าเขา นี่คือเวลาที่เจ้าต้องรับมือกับความท้าทายและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
เรามีสินค้าจำนวนมากที่เราต้องส่งไปที่ลานฝึกสี่ทะเลในวันพรุ่งนี้ ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องการคนสองสามคนเพื่อไปส่งของที่ร้านฝึกสี่ทะเลทางเหนือ
เจ้ามีผู้ติดตามอยู่แล้วใช่หรือไม่ พวกเขามีนามว่ากู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงใช่ไหม เตรียมตัวให้พร้อมแล้วพรุ่งนี้เจ้าก็เดินทางไปที่ลานสี่ทะเล!”
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเชื่อมโยงจุดต่างๆเข้าด้วยกัน สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของเขาคือกองทัพวายุทางตอนเหนือของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่
จากที่ตั้งของพวกเขาที่นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะต้องเดินทางผ่านครึ่งหนึ่งของอาณาจักรฮั่นเพื่อไปถึงกองทัพวายุ นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่เดือน
ในการเดินทางไปมาอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ ระหว่างทางอาจทำให้การเดินทางล่าช้าถึงครึ่งปีได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการนี้
“ผู้จัดการชิว นี่… ไม่ใช่ว่าเราต้องการปฏิเสธงานนี้ แต่เราทั้งสามคนอ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องทรัพย์สมบัติของนิกายระหว่างการเดินทางได้…” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวด้วยใบหน้าไม่เต็มใจ
“นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า…” ผู้จัดการชิวเกลี้ยกล่อม
“สิ่งที่เจ้าต้องทำก็เพียงแค่ติดตามพวกเขาไปแค่นั้นเอง ท้ายที่สุดลานสี่ทะเลเป็นเพียงพ่อค้าคนกลางของเรา เราไม่สามารถเชื่อทุกอย่างที่พวกเขาพูดได้ และสาวกที่สามารถรับหน้าที่นี้ได้มีเพียงเจ้าเท่านั้น”
“แล้วงานของข้าที่อยู่ที่นี่ล่ะ”
“ผู้ดูแลฮวงจะรับช่วงต่อจากนี้ชั่วคราว ข้าตัดสินใจแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมทั้งสามคน รวมตัวกันที่นี่ประมาณตีห้าของพรุ่งนี้เช้าแล้วออกเดินทางได้ทันที”
เมื่อผู้จัดการชิวสร้างการเสร็จเขาก็โบกมือไล่เอี้ยนลี่เฉียง
"ไปได้แล้วข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าทั้งวัน...”
เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดัน ให้เรียนรู้ที่จะโค้งคำนับ เอี้ยนลี่เฉียงกัดฟันแน่นในขณะที่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคำนับผู้จัดการชิวก่อนออกจากห้อง
ผู้จัดการชิวมองดูเอี้ยนลี่เฉียงเดินออกไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา เขาเยาะเย้ย
“เจ้าคิดว่ามีพรสวรรค์เล็กน้อยแล้วเจ้าจะปลอดภัยอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงแค่กระดิกนิ้วเจ้าก็ตายแล้ว…”
หัวใจของเอี้ยนลี่เฉียงเต็มไปด้วยความโกรธและความแค้นในขณะที่เขากำลังเดินจากไป
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าสิ่งนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในฐานะมือใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานเลยมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขาที่จะเผชิญกับความท้าทายและการทดสอบเหล่านี้ก่อนที่ฐานะในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะมั่นคง
นี่เป็นเหมือนสมัยก่อนที่เขาถูกรังแกในที่ทำงาน เขาคุ้นเคยกับมันได้ สิ่งเดียวที่หเอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกผิดก็คือเขาลากกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงเข้ามาโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกลับมางานทั้งหมดก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ผู้ดูแลฮวงออกไปแล้ว แต่กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงยังคงอยู่ที่นั่นเพื่อรอเอี้ยนลี่เฉียง
“ท่านผู้นำ ทำไมผู้จัดการชิวต้องการพบเจ้า?” กู่เจ๋อซวนเป็นคนแรกที่ถาม
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าผู้ดูแลฮวงกำลังมองมาที่ข้าและฮุ่ยเผิงด้วยสายตาแปลกๆ ? เขายังถอนหายใจก่อนจะจากไป ข้ารู้สึกเหมือนว่าเขาจะบอกอะไรเราสักอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูด”
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวๆนี้ก่อนที่เขาจะพูดเสียงเบา
“ผู้จัดการชิวใช้ให้พวกเราไปส่งของที่กองทัพวายุพร้อมกับคนของลานสี่ทะเล…”
ทั้งกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้จากเอี้ยนลี่เฉียง กู่เจ๋อซวนเป็นคนแรกที่ตอบกลับ
"นี่มันอะไรกัน? เราเป็นแค่ผู้ฝึกฝนตัวเล็กๆสามคนในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเราจะสามารถคุ้มครองอาวุธพวกนั้นได้อย่างไร?
ทำไมพวกเขาไม่ส่งยอดฝีมือระดับสุดยอดปรมาจารย์มา แม้ว่าเราเดินทางไปกับคนพวกนั้นเราจะช่วยอะไรได้? …”
“ผู้จัดการชิวบอกว่าเราแค่ติดตามไปรับคำชมของลูกค้าเท่านั้น…”
“ถ้ามันเป็นเหตุผลง่ายๆจริงๆก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องให้เราไปเหมือนเดิม…”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มให้เพื่อนทั้งสองของเขาด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษจริงๆข้าไม่ได้ตั้งใจจะลากเจ้าทั้งคู่ให้เจอปัญหานี้ด้วย”
“ผู้จัดการชิวจงใจแกล้งเจ้า!” กู่เจ๋อซวนตระหนักในทันที
เอี้ยนลี่เฉียงพยักหน้า
“แต่เราไม่เคยมีปัญหากับเขาแล้วเขาจะหาเรื่องมากลั่นแกล้งเจ้าทำไม?” กู่เจ๋อซวนตกตะลึง
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันถ้าเคยพบเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีปัญหาอะไรกับเขา” เอี้ยนลี่เฉียงส่ายหัวขณะที่นึกถึงเหตุการณ์ในครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน
“หรือว่าผู้จัดการชิวอิจฉาหน้าตาของเจ้า ฮ่าๆๆๆ!!” กู่เจ๋อซวนหัวเราะ
“ยังไงก็ต่ำตอนนี้ชีวิตในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์น่าเบื่ออย่างยิ่ง มันคงดีกว่าที่เราได้ออกท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เจ้าคิดว่าไงฮุ่ยเผิง?”
“ใช่ ข้าก็อยากจะออกไปสำรวจโลกภายนอกเช่นกัน” จ้าวฮุ่ยเผิงตอบด้วยน้ำเสียงที่ซ้ำซากจำเจและยิ้มให้เอี้ยนลี่เฉียงอย่างเป็นมิตร
เอี้ยนลี่เฉียงตบไหล่กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงอย่างหนักแน่นแล้วพูดว่า
“เนื่องจากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ พวกเราก็เตรียมตัวให้พร้อมกันเถอะ!”
"ตกลง!" กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงต่างก็พยักหน้า