302 - สวรรค์ชั้นที่สี่
302 - สวรรค์ชั้นที่สี่
เอี้ยนลี่เฉียงค่อนข้างเหนื่อยล้าจากการทำงานในป่ามาทั้งวัน หลังจากย้ายเสาโลหะหนาเข้าไปในลานบ้านและทดสอบพวกมันชั่วครู่ เอี้ยนลี่เฉียงก็กลับเข้าไปนอน
หลังจากเสร็จสิ้นการรับประทานอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เอี้ยนลี่เฉียงก็เต็มไปด้วยพลังงาน เขายืนอยู่หน้าเสาโลหะหนาและหนักเหล่านั้นในลานบ้านอีกครั้ง
หลังจากวางเสาทั้งสามลงแล้ว เขาก็เชื่อมพวกมันเข้าด้วยกันโดยร้อยโซ่โลหะผ่านที่จับและรูที่กำหนดไว้ จากนั้นเขาก็นำคันธนูงูเหลือมเขาสะพายไว้ด้านหลังก่อนที่จะแบกเสาพวกนี้เดินขึ้นไปบนภูเขา
เสาโลหะขนาดใหญ่สามอันรวมกันมีน้ำหนักรวม 1,050 จิน มากกว่า 500 กิโลกรัม เอี้ยนลี่เฉียงถือพวกมันราวกับว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อผ้าของเขา
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ทุกย่างก้าวที่เอี้ยนลี่เฉียงเหยียบลงบนพื้นได้ทำให้ความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาหมดลง
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงสนามยิงธนูโดยการแบกเสาโลหะขนาดใหญ่บนหลังของเขา เขาก็เหงื่อออกนั่งหอบอยู่บนพื้น ถึงกระนั้น ในเวลาเพียงชั่วครู่เขาก็หยิบคันธนูและลูกศรออกมายิงอีกครั้ง…
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม มือที่เอี้ยนลี่เฉียงจับคันธนูก็เริ่มสั่น ตามด้วยขาของเขา จากนั้นกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น เส้นลมปราณและแม้แต่เซลล์ในร่างกายของเขาก็ยังสั่นสะเทือน...
หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงที่หน้าผากของเขาไหลลงมาดวงตาทำให้ดวงตาของเขาระคายเคือง
ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็ยิงลูกศรออกไปข้างหน้า ขาของเขาที่ยืนอยู่ก็หมดแรงทันทีทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น
เนื่องจากเขาแบกเสาโลหะหนักสองสามอันไว้บนหลัง ร่างกายของเขาจึงเอนหลังโดยไม่รู้ตัว สภาพของเขาในปัจจุบันไม่แตกต่างจากเต่าที่มีอาการป่วยแม้แต่น้อย
เอี้ยนลี่เฉียงจ้องมองไปที่ท้องฟ้าสีครามและยอดไม้ หลังจากหอบอย่างหนักอยู่พักหนึ่ง เขาก็ปลดสิ่งที่ถ่วงร่างกายของเขาไว้ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและฝึกซ้อมต่อไป…
…
ในตอนบ่ายเอี้ยนลี่เฉียงเป็นลมจากความอ่อนล้าทางร่างกายเป็นครั้งแรกที่เขากำลังฝึกฝน เมื่อฟื้นคืนสติ เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามและเขารู้สึกว่าฝ่ามือของเขาชื้นเล็กน้อย เมื่อมองลงมาก็พบว่าโกลดี้กำลังเลียฝ่ามืออยู่
“ข้าทำได้อย่างแน่นอน…!”
หลังจากปลอบใจตัวเอง เอี้ยนลี่เฉียงยังคงลุกขึ้นด้วยความยากลำบากและเริ่มยิงธนูอีกครั้ง
ในอดีต ลูกธนูของเขาไม่เคยพลาดเป้า อย่างไรก็ตามภายใต้ภาวะที่ไม่เสถียรของร่างกายการยิงเกิดความยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ
…..
ในวันแรกของเขา เอี้ยนลี่เฉียงกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติอยู่ประมาณหนึ่งชั่วยาม
ในตอนแรกเอี้ยนลี่เฉียงต้องการที่จะยืนกรานต่อไปอีกเล็กน้อย แต่สภาพร่างกายของเขาบอกเขาว่าหากเขายืนยันที่จะกลับมาในเวลาเดียวกับเมื่อวาน สิ่งที่รอเขาอยู่จะเป็นลมเป็นครั้งที่สอง
ตลอดทั้งวัน เสื้อผ้าของเอี้ยนลี่เฉียงถูกเหงื่อของเขาทำให้เปียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเสียเหงื่อไปมากแค่ไหน
ภายใต้สภาวะเช่นนี้น้ำดื่มที่เขาพกขึ้นเขาไปด้วยจึงไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังกระหายน้ำมาก ถึงกระนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ยังยืนกรานในขณะที่เขาผลักร่างกายของเขาจนถึงขีดจำกัดครั้งแล้วครั้งเล่า
ขณะที่เขาปลดโซ่โลหะของเขาและกลับมายังบ้านพักของตัวเอง เอี้ยนลี่เฉียงก็ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างนุ่มนวลราวกับเศษผ้าที่ชำรุดทรุดโทรม
เขาใช้เวลานานในการฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ด้วยขั้นตอนที่ไม่มั่นคง เขาไปที่บ่อน้ำในลานบ้านของเขา และโยนถังไม้ลงไปในบ่อน้ำอย่างอ่อนล้า
หลังจากที่ร่างกายของเขาหมดแรง สิ่งที่เขามีก็คือมือที่อ่อนแรงเพื่อดึงเชือกและยกน้ำครึ่งถังขึ้นมา
น้ำครึ่งถังเป็นเหมือนน้ำอมฤตสวรรค์ในสายตาของเอี้ยนลี่เฉียงเขาเอนศีรษะลงในถังทันทีและกลืนน้ำลายลงคอหลังจากดื่มน้ำเต็มคำ
น้ำใสหวานราวกับน้ำอมฤตจากสวรรค์ทำให้ร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงมีชีวิตชีวาราวกับฝนที่ไหลลงสู่ทุ่งที่แห้งแล้ง
หลังจากที่ฟื้นสภาพมาเล็กน้อยเขาก็นั่งสมาธิลงบนพื้นบริเวณใกล้ๆบ่อน้ำ
ลมปราณที่สะสมในตันเถียนของเอี้ยนลี่เฉียงจากการฝึกฝนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มันกลายเป็นก้อนพลังงานขนาดเท่าไข่ไก่
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเอี้ยนลี่เฉียงก็กัดฟันแน่นและผลักลูกบอลของพลังปราณที่ควบแน่นในจุดตันเถียนของเขาด้วยความยากลำบาก
เขาผลักมันผ่านทางเข้าเทวสถานสวรรค์ และสุดท้ายเข้าไปในศิลาสวรรค์ที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน
เดิมทีนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้ "เครื่องแคปซูลของเล่น" สามารถผลิตแคปซูลต่อไปและให้กำเนิดรูปแบบชีวิตใหม่ได้ ปริมาณลมปราณที่สำคัญที่จำเป็นในการสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่นั้นมีมากมาย
ด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของเอี้ยนลี่เฉียงที่จริงแล้วเขาไม่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพลังปราณที่สำคัญเล็กน้อยที่เขามีนั้นคล้ายกับหยดน้ำในมหาสมุทร
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงยึดมั่นในความคิดที่ว่าจะทำให้ตันเขียนของเขาว่างเปล่าซึ่งตรงกับสุภาษิต 'ไม่ปล่อยให้น้ำปุ๋ยไหลเข้าสู่นาของคนอื่น'
เขาผลักลูกบอลลมปราณที่ฝึกฝนด้วยความยากลำบาก ย้ายมันไปที่ศิลาสวรรค์ในเทวสถานสวรรค์เพื่อเก็บไว้ชั่วคราว คล้ายกับที่เขาเก็บออมเงินไว้ในธนาคาร
หลังจากทำสิ่งเหล่านี้ ร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียงก็มีความรู้สึกคล้ายกับจะเหี่ยวแห้งลงไปทันที เขากัดฟันแน่นและพยายามนั่งลงฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นต่อไป
การเคลื่อนไหวในช่วงแรกของการฝึกฝนเป็นไปอย่างเชื่องช้า เอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพี
ถึงกระนั้นเอี้ยนลี่เฉียงยังคงดำเนินการเคลื่อนไหวที่จำเป็นและทำต่อไปอย่างจริงจัง หลังจากนั้นไม่นานพลังลมปราณแห่งสวรรค์และปฐพีก็ไหลหลั่งจักรฯลงส้นเท้าของเขา
พลังงานจำนวนมหาศาลนั้นทรงพลังมากจนในขณะที่มันเจาะผ่านเอี้ยนลี่เฉียงมันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับตัวเองที่เป็นลูกชิ้นแล้วถูกไม้เสียบลูกชิ้นแทงเข้าใส่ร่างกาย
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกว่าร่างกายของเขาขยายตัวนับครั้งไม่ถ้วนจนถึงจุดที่สามารถรองรับทั้งสวรรค์และปฐพีไว้ ก่อนที่มันจะหดตัวนับครั้งไม่ถ้วนอีกครั้ง
ร่างกายของเขาเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกโยนเข้าไปในเตาหลอม พลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีที่ไม่มีที่สิ้นสุดแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาผ่านทุกรูขุมขน
ทุกสัดส่วนในร่างกายของเขาพร้อมตัวอย่างไม่สิ้นสุดนั่นรวมไปถึงเส้นลมปราณของเขาด้วย…
รัศมีแสงประหลาดก็ปรากฏขึ้นจากร่างกายของเอี้ยนลี่เฉียง ในความสดใสนี้ ธนูเล็กๆที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรชั้นที่สี่ในศิลปะการยิงธนูก็ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายของเขา
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกประหลาดใจอย่างสุดจะพรรณนาที่บรรลุถึงชั้นสวรรค์ชั้นที่สี่ในศิลปะการยิงธนูภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ทั้งหมด หลังจากที่ความสว่างไสวจากการทะลุทะลวงจางลง แสงสว่างอีกดวงก็ทะลุออกมาจากร่างกายของเขา
ในความสว่างสดใสนี้นี้มีระฆังโบราณสีทอง ระฆังโบราณสีทองกลายเป็นภาพเงาทันที และถูกดูดกลืนเข้าไปในร่างของเอี้ยนลี่เฉียงจากกระหม่อมของเขา
ระฆังสีทองนี้บ่งบอกว่าวิชาศีรษะเหล็กที่เอี้ยนลี่เฉียงฝึกฝนจากคัมภีร์ระฆังทองคุ้มกายได้ผ่านขั้นตอนแรกไปแล้ว
นี่ฝันไปหรือเปล่า…?
แต่ความแปลกใจยังไม่จบสิ้น
ในจุดตันเถียนที่ว่างเปล่า พลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีเริ่มแปรสภาพเป็นเส้นพลังปราณที่สำคัญ ขณะที่พวกมันควบแน่นในตันเถียนของเอี้ยนลี่เฉียงมากขึ้นเรื่อยๆ…