[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 160 นายหวูผู้สง่างาม
ตอนที่ 160 นายหวูผู้สง่างาม
ประตูของรถทั้งสองคันเปิดออก ฉินหยู่นำคนหกคนรีบลงจากรถพร้อมปืนในมือ วิ่งเหยาะมุ่งหน้าตรงไปยังถนนถู่จ้า
ครึ่งนาทีต่อมา
ที่ทางเข้าห้องหมากรุกและห้องไพ่ขนาดใหญ่ หวูเย่าคาบบุหรี่อยู่ในปากกำลังจะเข้าไปในรถ ทันใดนั้น จูเหว่ยรีบวิ่งขึ้นมาจากด้านหลังแล้วจิกผมของเขาดึงไว้ทันที “อย่าขยับ”
“อัก เหี้ยอะไรวะ!”
หวูเย่าสาปแช่งด้วยความเจ็บปวดและหันศีรษะไปทางด้านข้าง “แกจะทำอะไรฉัน?!”
“ฮูร่า!”
ฉินหยู่และคนอื่นๆ รีบวิ่งเข้ามา จับแขนของเขาเหยียดไพล่มาด้านหลัง และตีศอกเต็มแรงลงที่หลังหัวหวูเย่าสองครั้ง
หวูเย่าก้มลงและตะโกนอย่างดุร้าย “ไอ้พวกระยำ แกทำอะไรกันวะ?”
“กองกำกับการมีเรื่องจะคุยคุณ” ฉินหยู่ตบหัวหวูเย่า “โปรดให้ความร่วมมือ”
“จะคุยกับฉัน จำไม่ผิดหรือเปล่า? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” หวูเย่าคำรามด้วยความโกรธ
“ฉันขอให้คุณร่วมมือ ทำไมยังไม่เข้าใจอีก” ฉินหยู่คว้าด้ามปืนของเขาตีหัวหวูเย่าหลายครั้งราวกับสายฟ้า จากนั้นหันกลับมาและตะโกน “ถอย! เร็วเข้า”
ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที หวูเย่าก็ถูกนำตัวออกจากถนนถู่จ้าและยัดเข้าไปในรถตำรวจทันที
“ไปที่แผนกนิติเวช ด่วน!” ฉินหยู่เร่งเร้าขณะที่เขาเข้าไปในรถ
“พวกแกมาจากแผนกไหนกัน บ้าไปแล้ว?” หวูเย่าอ้าปากค้างและมองไปที่ฉินหยู่ “ฉันเป็นบุคคลดีเด่นแห่งเขตเจียงหนานและเป็นสมาชิกสภาเขต แกมีสิทธิ์อะไรมาจับกุมฉัน”
ฉินหยู่เพิกเฉยต่ออีกฝ่าย เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์สองเครื่องในกระเป๋ากางเกงหวูเย่าออกมา ปิดเครื่องแล้วโยนลงในถุงหลักฐาน
“แกทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”
“แกกล้าให้ฉันโทรศัพท์สองครั้งไหมล่ะ?”
“...!”
หวูเย่าถ่มน้ำลายและถามคนที่นั่งอยู่ในรถทีละคนด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
จูเหว่ยรู้สึกรำคาญ เขาจึงหันไปต่อยหวูเย่าสองครั้ง “ถ้าแกจ้ออีกที ฉันจะยัดกางเกงในของแกเข้าปากแกเอง เข้าใจมั้ย?”
แก้มของหวูเย่าบวมแดงหลังจากถูกทุบตี ถึงตอนนี้เขาไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว ได้แต่นั่งเงียบพร้อมแววตาที่คุกรุ่นอยู่ข้างใน
……
แผนกนิติเวชสังกัดกรมตำรวจ
จูเหว่ยเข้าพบเพื่อนสนิทและพูดรวบรัดอย่างสนิทสนม “ฉันขอให้นายช่วยเร่งทำงานในเรื่องนี้และแจ้งผลให้เราทราบโดยเร็วที่สุดนะ”
“คนอยู่ที่ไหน?” เพื่อนในเสื้อคลุมสีขาวถามขึ้น
“มันอยู่ในทางเดิน”
“โอเค ลากเขาเข้าไปเลย” เพื่อนโบกมือ
สิบวินาทีต่อมา ทุกคนก็พาหวูเย่าเข้ามาในห้อง ฉินหยู่สั่งทันที “ฉีกเสื้อผ้าเขาออก”
หวูเย่าตกตะลึง จากนั้นก็โวยวายด้วยความโกรธอีกครั้ง “เฮ่ย เฮ่ย! ที่พวกนายทำกับฉันนี่มันผิดกฎหมายและเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง…”
ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที หวูเย่าในร่างเปลือยเปล่าถูกใส่กุญแจมือข้างเตียงเหล็ก มืออีกข้างของเขากุมเป้าระหว่างขาไว้ขณะมองทุกคนด้วยความรู้สึกขายหน้า ใบหน้าของเขาแดงก่ำเต็มไปด้วยความอับอาย
จูเหว่ยมองไปที่เป้าของอีกฝ่ายและขมวดคิ้วสาปแช่ง “แม่ง แค่กุ้งตัวน้อยสามารถสร้างพายุลูกใหญ่ได้ไงวะ”
“ไอ้พวกสารเลว!” หวูเย่ารู้สึกขายหน้าและโกรธมากจนเขาพ่นกลิ่นอ้วกฟุ้งออกมาพร้อมกับน้ำลายกระเซ็นไปทั่ว
เพื่อนของจูเหว่ยสวมหน้ากาก โบกมือแล้วพูดกับฉินหยู่ “ให้คนสองคนคอยเฝ้าระวังเขาไว้ ฉันจะเก็บลายนิ้วมือ เส้นผม และน้ำลายของเขาก่อน คิดว่าจะใช้เวลาสองวันอย่างเร็วที่สุดจึงจะได้ผลลัพธ์นะ”
ฉินหยู่คิดอยู่นาน “เอาล่ะ พวกเรามีแปดคนทำงานเป็นสองกะ จูเหว่ยจะนำทีมหนึ่งและฉันจะนำอีกทีม ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมาเราจะปล่อยให้เด็กคนนี้ละสายตาของเราไม่ได้”
“นายกังวลขนาดนั้นเลยเหรอ?” เพื่อนนิติเวชแปลกใจมากชั่วครู่หนึ่ง
“ผู้ชายคนนี้มีภูมิหลัง ฉันจะไม่ละสายตาไปจากเขาเพราะกลัวฝ่ายตรงข้ามหรอก” ฉินหยู่อธิบายด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
เมื่อแพทย์นิติเวชได้ยินเช่นนั้นจึงมองไปที่หวูเย่า และถามด้วยแววตาขยะแขยง “นายคือไอ้สารเลวที่ฆ่าหนุ่มสาวคู่นั้นเหรอ?”
หวูเย่าสะดุ้งราวกับว่าเขาคิดอยู่แล้วว่าทำไมเขาถึงถูกจับกุมในครั้งนี้
“เพียะ!”
แพทย์นิติเวชตบมือของหวูเย่าที่กุมเป้าของเขา และดุเขาด้วยสีหน้ารังเกียจ “เอามือไปข้างหลัง ยืนหน้าตรงเข้าหาฉัน มีอะไรให้ปิดนักหนาวะ กะอีแค่กุ้งตัวกระจิ๋วหลิว?”
หวูเย่าตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่หลังจากพยายามตั้งสติคิดอย่างรอบคอบอยู่ชั่วครู่ เขาก็ทำตามแต่โดยดี
“เฮ้ เสี่ยวไหวมานี่หน่อย ตรวจดูว่ามีอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาหรือเปล่า แล้วถ่ายรูปไว้ด้วย” แพทย์นิติเวชสั่งเพื่อนร่วมงานของเขาที่ห้องด้านหลัง แล้วทีมแพทย์ก็เริ่มทำงานกันอย่างวุ่นวาย
ในขณะที่หวูเย่ากำลังอยู่ระหว่างการตรวจ ฉินหยู่ก็อยู่ใกล้ๆ เขา แม้จะกินข้าว เขาก็ไปนั่งอยู่ที่ทางเดินด้านนอกประตู เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
……
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
หยวนเค่อโทรหาหวูเย่าตามเวลาที่ตกลงกันไว้แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย หลังจากรอสักพัก เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงติดต่อไปที่ผู้คนรอบๆ หวูเย่า
เพราะอย่างนี้ทำให้ทุกคนเริ่มรู้ว่าหวูเย่าหายไปทีละคน พวกเขาจึงเริ่มใช้คอนเน็กชันตนเองเพื่อตามหาหวูเย่าเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้นเรื่องการจับกุมของเล่อเล่อก็ถูกกล่าวถึงอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหยวนเค่อได้สอบถามผ่านคอนเน็กชันของเขากับหัวหน้าตำรวจเฮ่ยเจีย จึงได้รู้เรื่องราวคร่าวๆ ว่า ทำไมหวูเย่าถึงหายตัวไป
หยวนเค่อเป็นนักฉวยโอกาสมือฉมัง หลังจากที่เขารู้ว่าเสี่ยวหวูอาจประสบอุบัติเหตุ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับตระกูลอื่นให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงสั่งไม่ให้ใครแจ้งหวูเหวินเชิ่ง พ่อของหวูเย่า แต่เขาจะพาทีมงานของเขาขับรถไปที่สำนักงานของตระกูลหวูเอง
ถึงแม้สภาเขตจะครอบครองพื้นที่ขนาดเล็กและอาคารสูงเพียง 3 ชั้น แต่ก็มีพื้นที่สำนักงานอิสระ และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเขตเจียงหนาน
หยวนเค่อลงทะเบียนอย่างสุภาพที่แผนกต้อนรับ และบอกว่าเขากำลังมองหาหวูเหวินเชิ่ง เพราะเกิดเหตุฉุกเฉินที่บ้าน พนักงานต้อนรับจึงโทรไปที่สำนักงานให้ทันที
ประมาณสิบนาทีต่อมา
หยวนเค่อขึ้นมาที่สำนักงานอิสระบนชั้นสาม เข้าเคาะประตูห้องทำงานของสมาชิกสภาหวูอย่างไม่ลังเล
“แอ๊ด…”
ประตูเปิดออก และชายวัยกลางคนศีรษะโกนล้านเลี่ยน สวมเสื้อเชิ้ตรัดรูปสีน้ำเงินและมีผิวสีเข้ม เขาขมวดคิ้วมองที่หยวนเค่อและเอ่ยปากขึ้น “คุณเป็นลูกคนที่สองของตระกูลหยวนใช่ไหม?”
“ใช่...ฉันกำลังมองหา...ส.ส.หวู”
“คุณไม่รู้จักฉันเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามอย่างตรงไปตรงมา
หยวนเค่อตกตะลึงและยื่นมือออกไปทันทีแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ สวัสดีสมาชิกสภาหวู”
“เข้ามา” หวูเหวินเชิ่งพยักหน้าแล้วหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้อง
หยวนเค่อเดินตามหวูเหวินเชิ่งเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากสมาชิกสภาหวูคนนี้ดูติดดินเหลือเกิน เสื้อผ้า ท่าทาง และกิริยาท่าทางของเขา ดูเหมือนเจ้าของธุรกิจการค้าและงานธุรกิจต่างๆ มากกว่านักการเมืองเสียอีก
“แผนกต้อนรับบอกว่าคุณมาหาฉันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเสี่ยวเย่า?” หวูเหวินเชิ่งนั่งบนโซฟาและถามเรียบๆ “เขาเป็นอะไรหรือ?”
หยวนเค่อรู้สึกตัวและตอบอย่างสุภาพ “คุณลุง เขาถูกจับได้”
“ถูกจับ? จับโดยใคร?” หวูเหวินเชิ่งดูประหลาดใจเล็กน้อย
“เขาถูกตำรวจกองกำกับการเฮ่ยเจียจับกุม” หยวนเค่อเล่าสั้นๆ ว่า “ฉันขอให้คนรู้จักสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เสี่ยวเย่าก่อเหตุที่คลับบาร์บี้เมื่อสี่ห้าเดือนที่แล้ว”
หวูเหวินเชิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีสีหน้าประหลาดใจเป็นพิเศษ และเขาไม่ได้ริเริ่มถามหยวนเค่อว่าหวูเย่ามีปัญหาอะไรที่บาร์บี้
“ฉันไม่ใช่กัปตันของตำรวจเฮ่ยเจียอีกต่อไปแล้ว แต่ฉันมีเพื่อนที่ดีอยู่ที่นั่น ฉันถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง และได้ความว่าผู้สืบสวนได้เตรียมการอย่างดีที่จะจับกุมเสี่ยวเย่าในครั้งนี้ เพราะเล่อเล่อมักจะอยู่กับเสี่ยวเย่า จึงถูกจับเข้าไปก่อน” หยวนเค่อพูดอย่างใจเย็นและเล่าสถานการณ์อย่างเป็นกลาง “ฉันเกรงว่าคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งจะไม่จับกุมโดยบังเอิญ แต่พวกเขาจ้องมองเสี่ยวเย่ามาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นฉันกลัวว่าสิ่งต่างๆ จะล่าช้า ฉันเลยถือโอกาสมาแจ้งให้คุณทราบโดยเร็วก่อน”
หวูเหวินเชิ่งขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น และสาปแช่งด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง “ไอ้เด็กเหี้ยคนนี้...ตัวมันก็ไม่ใหญ่ แต่มันมีความสามารถมากในการสร้างปัญหาแบบนี้ให้อยู่เสมอ”
หยวนเค่อตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดหยาบคายดังกล่าวออกมาจากปากของหัวหน้าสภาเขต
……
เวลาประมาณสองทุ่ม
โทรศัพท์ของฉินหยู่ จูเหว่ย และคนอื่นๆ ดังขึ้นแทบจะไม่หยุด ผู้ที่ติดต่อพวกเขาเข้ามาล้วนเป็นผู้นำรุ่นเยาว์ที่มีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา หรือเป็นผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่าพวกเขาเสียอีก
…………………………………………………………