บทที่ 422
ทันทีที่ทั้งหมดปรากฏตัวภายในถ้ำ มีกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬออกมาต้อนรับกว่ายี่สิบคน แน่นอนว่าทั้งหมดถูกสังหารลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ หลังจากนั้นเนี่ยฟงได้วางวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าเป็นม่านพลังป้องกันไม่ให้ใครผู้ใดสามารถเข้าออกภายในถ้ำได้นอกจากจะมีป้ายหยกที่เขาแจกจ่ายให้แก่พวกเตียวมู่ถัง ไม่นานทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางต่อ เกือบสามวันก็พบกับเมืองหน้าด่านของแคว้นจาง ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งเมืองเฉกเช่นเมืองร้าง ภาพที่ทุกคนพบเจอภายในเมืองถึงกับตื่นตกใจ ผู้คนมากมายล้มตายด้วยโรคอันแปลกประหลาด สภาพศพมีปราณสีม่วงแผ่ออกมาจากร่าง เนี่ยฟงที่ปลอมตัวเป็นชายชราคิดจะเข้าไปตรวจสอบแต่ก็ถูกสั่งห้ามจากลุ่ยกงเสียก่อน
“ช้าก่อนไอ้หนู เจ้าจะแตะต้องซากศพพวกนั้นไม่ได้เด็ดขาด”
“เพราะเหตุใดขอรับ”
“คนพวกนั้นติดพิษจากอสูรมารม่วง”
“อสูรมารม่วง มันคือสัตว์อสูรชนิดใดขอรับ”
“มันหาใช่สัตว์อสูรแต่มันเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งมีพิษร้ายรูปร่างของมันคล้ายกบพิษ น่าแปลกสมุนไพรชนิดนี้สูญหายไปนานหลายร้อยปีแล้ว มันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งเทพผู้ทรงพลัง พิษร้ายของมันจะมุ่งตรงไปทำลายที่ปอดและกัดกินอวัยวะภายในอย่างรวดเร็ว อีกทั้งร่างกายยังมีปราณพิษสีม่วงที่เจ้าเห็นพวยพุ่งออกมา ผู้ใดที่สัมผัสหรือสูดดมปราณพิษสีม่วงเข้าไปในร่างกายจะทำให้ติดพิษอย่างรวดเร็ว”
เนี่ยฟงขมวดคิ้วหันไปมองกลุ่มของเตียวมู่ถัง
“พี่ชายทั้งหลายข้าว่าเรารีบออกไปจากเมืองให้เร็วที่สุด อย่าเข้าใกล้ซากศพเพราะหากสูดดมปราณพิษสีม่วงเข้าไปข้ายังไม่แน่ใจว่าจะรักษาพวกท่านได้หรือไม่”
ทั้งหมดต่างตื่นตกใจไม่น้อยรีบออกไปจากเมืองรวมถึงเนี่ยฟงด้วยเช่นกัน ทั้งหมดย้อนกลับไปอยู่ห่างจากเมืองไกลถึงสองลี้
“พี่ชายมู่ถังพวกท่านทั้งหมดรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะแอบเข้าไปในเมืองอีกครั้งเผื่อจะมีใครบางคนที่ยังรอดชีวิต ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดคนทั้งเมืองถึงติดพิษร้ายนั้นได้”
“คุณชายแน่ใจรึ ที่จะกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้ง”
“หากยังมีผู้รอดชีวิตข้าอยากจะรักษาพวกเข้า การช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ยากลำบากเป็นหน้าที่ของหมอทุกคน ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่หมอที่เก่งกาจมากก็เถอะ”
ทั้งหมดต่างพยักหน้าตอบรับ
“เช่นนั้นพวกข้าจะลาดตระเวณแถวนี้ก็แล้วกัน บางทีอาจมีผู้คนแอบหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่”
เนี่ยฟงครุ่นคิดบางอย่าง ไม่นานเขาสะบัดมือขวานำสมุนไพรออกมาหนึ่งกำมือยื่นให้แก่เตียวมู่ถัง
“พวกท่านนำไปแบ่งกันเถอะขอรับ นำสมุนไพรห่อเอาไว้ในผ้าแล้วปิดจมูกและปากของพวกท่านเอาไว้หากพบเจอกลุ่มคน เพราะเรายังไม่รู้ว่าคนที่พวกท่านพบเจอติดพิษร้ายจากพิษอสูรมารม่วงหรือไม่”
หลังจากที่เตียวมู่ถังรับสมุนไพรไปแล้ว เนี่ยฟงก็ถีบเท้าพุ่งทะยานกลับไปที่เมืองอีกครั้ง ครั้งนี้เขาแผ่ลมปราณออกมาโดยรอบเพื่อตรวจสอบว่ายังมีชาวบ้านหลงเหลืออยู่หรือไม่ นานเกือบครึ่งเค่อเขาก็พบเจอกลุ่มคนนับสิบคนรวมตัวกันอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งทางซ้ายมือของเมือง เมื่อมาถึงด้านหน้าก็พบว่าที่นี่เป็นโรงหมอขนาดใหญ่ เนี่ยฟงยกยิ้มเคาะประตูด้านหน้าเสียงดังลั่น ไม่นานได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาแง้มประตูไม้ด้านหน้าเพื่อมองว่ามีผู้ใดมาเคาะประตู เนี่ยฟงจึงเอ่ยวาจาออกมาเพื่อสอบถาม
“ข้ามีนามว่าเซียวฟงเป็นหมอพเนจร ข้าอยากทราบว่าที่นี่เกิดสิ่งใดขึ้นผู้คนมากมายถึงล้มตายเพราะพิษร้าย”
ไร้ซึ่งเสียงกล่าวตอบใด ๆ จากชายหนุ่มด้านหน้า แต่ทว่ากลับมีดาบเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากช่องประตู เนี่ยฟงสะบัดมือซ้ายใช้นิ้วชี้และกลางคีบไปที่ปลายดาบพร้อมกับบิดกระชากไปทางซ้าย ชายหนุ่มถูกกระชากพุ่งออกมาจากประตูเนี่ยฟงถึงกับตื่นตกใจที่เห็นสภาพของชายหนุ่ม รูปร่างผ่ายผอมหนังติดกระดูก ดวงตาสีแดงก่ำ ปากแห้งมีปราณพิษสีม่วงจางออกมาจากร่างกาย
“เจ้าติดพิษอย่างนั้นรึ”
เนี่ยฟงจ้องมองเข้าไปที่โรงหมอพบผู้คนนับสิบนอนเรียงรายกันอยู่บนพื้นด้านใน ด้านข้างมีเตาหม้อต้มยานับสิบตั้งเรียงรายกันอยู่ เนี่ยฟงรีบจี้สกัดจุดเคลื่อนไหวชายหนุ่มหลังจากนั้นถีบเท้าเข้าไปด้านในโรงหมอ พบว่าผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ติดพิษด้วยกันทั้งนั้น เนี่ยฟงรีบพุ่งไปรอบด้านโรงหมอเพื่อเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทให้มากที่สุด หลังจากนั้นเขาสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าบริเวณพื้นของโรงหมอ ไม่นานก็กลายเป็นโดมสีฟ้าครอบคนทั้งหมดเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปตรวจที่หม้อต้มยาแต่ละหม้อ พบว่ามีสมุนไพรหลากหลายชนิดถูกต้มอยู่ส่วนใหญ่ช่วยในการรักษาปอดและระบบทางเดินหายใจ ไม่นานเขาจึงนำตัวชายหนุ่มเข้ามาด้านในพร้อมกับเอ่ยวาจาสอบถาม
“เจ้ากำลังรักษาพวกเขาอย่างนั้นรึแล้วหมอที่อยู่ที่นี่ไปไหนแล้ว”
ชายหนุ่มยังคงไม่กล่าวสิ่งใดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ ด้วยความแปลกใจเขาจึงใช้มือซ้ายบีบไปที่ปากของชายหนุ่มจึงได้รู้ว่าลิ้นของเขาถูกตัดออกไป ทันทีที่เขาละมืออกมาจากปากชายหนุ่มเนี่ยฟงก็รีบแผ่ลมปราณไปที่มือซ้ายใช้ประกายสายฟ้าเผาทำลายพิษที่ติดมา
“เจ้าไม่ต้องกลัวข้าเป็นหมอ ข้าจะรักษาพวกเข้าเอง”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงก็ใช้มือขวาคลายจุดให้แก่ชายหนุ่ม หลังจากนั้นก็เดินไปตรวจสอบผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นทีละคน ทุกครั้งที่ตรวจสอบเสร็จสิ้นเขาจะให้ประกายสายฟ้าเผาทำลายพิษร้ายที่ติดมาจากการสัมผัส ไม่นานเขาก็เริ่มปรุงยา
“เจ้ารู้วิธีรักษาแล้วอย่างนั้นรึไอ้หนู”
“ยังขอรับ ข้าคงต้องรักษาตามอาการป่วยของแต่ละคนร่วมกับการฝังเข็ม บางคนพิษเข้าไปในปอดแล้ว แต่บางคนพิษยังไม่แพร่กระจายมากเท่าที่ควร”
เนี่ยฟงนั่งปรุงยาถึงสิบแปดครั้งหลังจากนั้นก็นำยามาป้อนให้แต่ละคนรวมไปถึงตัวชายหนุ่มด้วย
“ที่นี่เป็นโรงหมอ รบกวนเจ้านำเข็มเงินมาให้ข้าให้มากที่สุดที่จะหาได้ ข้าต้องนำมารักษาพวกเขา”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับหลังจากนั้นก็ก้าวเดินไปค้นในตู้เล็ก ๆ ข้างชั้นวางสมุนไพร ไม่นานเขาก็นำห่อเข็มเงินมายื่นให้เนี่ยฟง หลังจากได้ห่อเข็มเงินเนี่ยฟงก็รีบจัดการฝังเข็มให้แต่ละคน เกือบสองชั่วยามทั้งหมดก็ถูกฝังเข็มจนเสร็จสิ้นรวมไปถึงตัวชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”
“คงต้องรอรักษาพวกเขาให้อาการดีขึ้นก่อนขอรับ ข้าอยากทราบว่าเพราะเหตุใดพวกเขาถึงถูกพิษร้ายเช่นนี้ อย่างที่ท่านกล่าวว่าพิษชนิดนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว”
“ข้าก็สงสัยเช่นกัน เพราะพื้นที่ดินแดนแห่งนี้ไม่น่าจะมีสมุนไพรชนิดนี้เกิดขึ้นมาได้ ต้องมีใครบางคนนำมันมาจากพื้นที่อื่น”
“หรือว่าจะเป็นฝีมือพวกเทพขอรับท่านลุ่ยกง”
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่แน่ใจ ต้องสอบถามผู้คนที่นี่ก่อนว่าพวกเขาติดพิษมาได้อย่างไร”
เนี่ยฟงครุ่นคิดบางอย่างหลังจากนั้นก็พุ่งทะยานออกไปจากโรงหมอเพื่อตรวจสอบภายในเมืองอีกครั้ง เขาพบว่ามีผู้คนมากมายที่ยังคงมีชีวิตอยู่แอบหลบซ่อนอยู่ภายในบ้านเรือน แต่ทว่าคนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ติดพิษด้วยกันทั้งสิ้น เขาจึงเอ่ยวาจาออกมาเสียงดังที่แฝงไปด้วยลมปราณ
“ข้ามีนามว่าเซียวฟงเป็นหมอพเนจร ผู้ใดอยากให้ข้ารักษาได้โปรดเดินทางมาที่โรงหมอภายในเมือง ข้าจะอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาพวกท่าน”
หลังจากนั้นเนี่ยฟงก็กลับมารอที่โรงหมอ ไม่ถึงสองเค่อก็มีผู้คนมากมายที่ยังมีชีวิตอยู่พากันเดินทางมาที่โรงหมอ จากที่เห็นมีผู้คนเดินทางมาเกือบร้อยคน ทันใดนั้นเองได้มีกองกำลังทหารเกือบยี่สิบนายเดินเท้าเข้ามายังพื้นที่โรงหมอ ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งสวมชุดเกราะสีเงินเอ่ยวาจาออกมาเสียงดังลั่น
“ท่านเป็นหมอที่มีนามว่าเซียวฟงใช่หรือไม่”
เนี่ยฟงพยักหน้าตอบรับ
“เป็นข้าเอง”
“ดี ท่านเจ้าเมืองเชิญท่านไปที่จวน”
เนี่ยฟงหันไปมองฝูงผู้คนที่รออยู่
“ข้าคงไปไม่ได้ เจ้าไม่เห็นรึว่ามีผู้คนมากมายต้องการการรักษาจากข้า”
“เหอะ ชีวิตของพวกมันไม่ได้มีค่ามากมายเท่าไรนัก เชิญท่านไปที่จวนเจ้าเมืองเถอะ หากท่านรักษาชีวิตของบุตรชายและภรรยาของเจ้าเมืองได้ท่านจะได้รางวัลตอบแทนเป็นเงินหลายพันก้อนทอง”
ได้ยินเช่นนั้นเนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วแผ่ลมปราณออกมากดทับเหล่าทหารทั้งหมด
“เหอะ พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ามีเจ้าเมืองคอยหนุนหลังแล้วจะปล่อยให้ชาวบ้านพวกนี้นั่งรอความตายอย่างนั้นรึ ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสามลมหายใจให้ใสหัวไปจากที่นี่ซะ หรือเจ้าเมืองของพวกเจ้าอยากจะให้ข้ารักษาบุตรชายและภรรยาก็จงนำพวกเขามาที่นี่ คิดว่ามีอำนาจแล้วจะสามารถสั่งข้าได้อย่างนั้นรึ บัดซบโดยแท้”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงสลายลมปราณ ทหารทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีท่าทีหวาดกลัวรีบหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็หันไปเอ่ยวาจากับชาวเมืองที่อยู่ด้านหน้าโรงหมอ
“พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะรักษาพวกท่านเอง”