บทที่ 23 อาณาเขตอัจฉริยะ
บทที่ 23 อาณาเขตอัจฉริยะ
ลู่อันถูกคลัชเชอร์ไล่ตามอย่างไม่ลดละ เขาคิดว่าด้วยรูปร่างที่ใหญ่เทอะทะของมัน คลัชเชอร์ก็จะมีความเร็วต่ำ แต่เขาประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป คลัชเชอร์จับเขาไว้ได้ มันคว้าไปที่เท้าของเขาและกระแทกเขาลงไปที่พื้น
“ว๊ายยยยย!!!!”
เมื่อใบหน้าของเขากำลังจะกระทบลงกับพื้น ลู่อันก็ตื่นจากฝันร้ายด้วยเหงื่อที่ปกคลุมใบหน้า หลังของเขาเปียกเพราะเหงื่อ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง และเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก
“ฮะ… ฮะ… ฮะ… มันเป็นแค่ฝันร้าย เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน… ฝันร้ายหรอ แต่ฉันและบอสกำลังต่อสู้กับคลัชเชอร์… คลัชเชอร์!” ดวงตาของลู่อันเปิดกว้างในขณะที่เขากระโดดออกจากเตียงและตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา
เขาประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่หรูหรา หรืออย่างน้อย ห้องนี้ก็ดีกว่าห้องของเขามาก เพียงแค่มองเพียงแวปเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาอยู่ในห้องพักของโรงแรม
ขณะที่ลู่อันกำลังสับสนกับทุกสิ่ง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหูของเขา “อ้า นายตื่นแล้ว!”
เขาหันกลับมาและเห็นบอสของเขากำลังสวมชุดคลุมอาบน้ำขณะที่ผมของเขายังเปียกอยู่ เห็นได้ชัดว่าถังเส้าหยางเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
ถังเส้าหยางเดินเข้าไปหาลูกน้องที่กำลังสับสนของเขาและนั่งลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “เป็นยังไงบ้าง มีรู้สึกอึดอันตรงไหนไหม?”
ลู่อันยังคงพยายามทำความเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาจริงๆ เขานึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป คลัชเชอร์ได่กระโดดขึ้นไปในอากาศและก๊าซสีดำรอบตัวมันก็ก่อตัวเป็นรูปค้อน และจู่ๆมันก็กระแทกกับเขาด้วยความเร็วที่น่ากลัว
เขาแทบจะเอาตัวไม่รอดจากสกิลที่แปลกประหลาดและน่ากลัวนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องกลายเป็นเนื้อบดแน่ถ้าก๊าซสีดำรูปค้อนกระทบเข้ากับตัวของเขา เขาแทบจะไม่สามารถรอดจากสกิลแปลกๆนั่น อย่างไรก็ตาม ต่อมาเขาก๋โชคไม่ดีเมื่อคลัชเชอร์ใช้ [หมัดเสริมพลัง] ซัดใส่เขา
หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยซึ่งมันก็หมายความว่าเขาสลบไปหลังจากถูกโจมตีหนึ่งครั้ง เขาสแกนห้องก่อนที่จะมองย้อนกลับไปที่ยอส ลู่อันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“บอส นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วคลัชเชอร์ล่ะ คุณฆ่าพวกมันได้แล้วใช่ไหม เราชนะมินิเกมแล้วใช่ไหม?”
***
[ ยินดีด้วย! คุณได้ฆ่าผู้ดูแลอาณาเขตและจบมินิเกม: ฆ่าหรือถูกฆ่า! ]
[ คุณได้รับรางวัล สมบัติเลเวล 9 จำนวน 2 ชิ้น สมบัติเลเวล 8 จำนวน 1 ชิ้น อาณาเขต และ +1 เลเวล!]
[ ยินดีด้วย! คุณเป็นบุคคลที่สามที่ชนะมินิเกมขนาดใหญ่และได้รับฐานทัพอัจฉริยะ! ]
[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]
[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]
[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]
[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]
[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]
[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]
…
มันเป็นการแจ้งเตือนที่ถังเส้าหยางได้รับหลังจากสังหารคลัชเชอร์ตัวสุดท้าย แม้ว่าเขาจะชนะการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เขาชนะการต่อสู้ แต่เขาต้องเสียลูกน้องเพียงคนเดียวของเขาไป ใช่แล้ว ตอนนั้นถังเส้าหยางคิดว่าลูกน้องของเขากำลังจะตาย
เขาเดินกลับไปที่ร่างของลู่อันอย่างเศร้าสร้อย เนื่องจากลู่อันเป็นลูกน้องคนแรกของเขาและมีความสัมพันธ์ที่ดี เขาจึงค่อนข้างจะเสียใจกับการที่จะต้องสูญเสียลู่อันไป
เมื่อเขาไปถึงร่างของลู่อัน เขาก็สังเกตเห็นเลือดสีแดงที่ปกคลุมรอบปากของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอแต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้บนท้องถนน ถังเส้าหยางจึงรู้ว่าลู่อันได้รับบาดเจ็บภายใน
ถ้าไม่อย่างนั้น ลู่อันก็คงจะไม่กระอักเลือดออกมาแบบนี้ เขาขยับนิ้วชี้ไปที่จมูกของลู่อันและเขาก็สัมผัสได้ว่าลู่อันกำลังหายใจไม่ออก อย่างไรก็ตาม ด้วยสิ่งที่เขามีในตอนนี้ มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถช่วยลู่อันได้เลย
เมื่อมองไปที่ลู่อันที่หายใจแผ่วเบา มันก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัวของเขา
' ฉันควรจะยุติความทุกข์ทรมานของเขาหรือไม่'
ใช่แล้ว ลู่อันได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก และเขาก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถใช้เพื่อช่วยชีวิตลู่อันได้เลย ดังนั้นมัยจึงจะเป็นการทรมานสำหรับลู่อันซะเปล่าๆที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง ความคิดในใจของเขาจึงบอกให้เขายุติความทุกข์ทรมานของลูกน้องของเขาซะ
“อย่าฆ่าเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะคุณยังมีโอกาสช่วยเขา มาสเตอร์!”
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นดังขึ้นที่ล็อบบี้ที่รกร้าง ถังเส้าหยางสะดุ้งและเขาก็หันกลับไป เขาตรวจสอบบริเวณโดยรอบเพื่อค้นหาว่าเสียงนั้นดังมาจากที่ไหน
“มาสเตอร์ คุณมองไม่เห็นฉันหรอก แต่คุณสามารถได้ยินเสียงของฉันได้ตลอดเวลา ฉันคือปัญญาประดิษฐัจฉริยะ และเป็นปัญญาประดิษฐ์ประจำฐานทัพของคุณ!” เสียงที่ฟังดูตื่นเต้นดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนี้ดูเหมือนจะมาจากทุกทิศทุกทาง แต่ถังเส้าหยางก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆในบริเวณใกล้เคียง
“ปัญญาประดิษฐ์?” ถังเส้าหยางพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ใช่ ปัญญาประดิษฐ์! แต่ฉันไม่ใช่แค่ปัญญาประดิษฐ์ธรรมดา ฉันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะฉันมีสติสัมปชัญญะและฉันก็จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่ขั้นต่อไปของเกม!” ยิ่งปัญญาประดิษฐ์พูดนานเท่าไหร่ เสียงของมันก็ยิ่งฟังดูตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางก็ยังคงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์เลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอะไร สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลจริงๆก็คือลู่อัน จากเท่าที่เขาฟังมา ปัญญาประดิษฐ์ก็บอกว่าเขายังพอจะมีโอกาสที่จะช่วยเหลือลู่อันได้
“แกบอกว่าฉันมีโอกาสที่จะช่วยลูกน้องของฉัน ยังไง?”
“ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะมีโอกาสน้อยมาก แต่การพยายามมันก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย จริงไหม? และโอกาสที่ฉันกำลังพูดถึงก็คือกล่องสมบัติ ฉันเชื่อว่ามันอาจจะมีสมบัติที่อาจจะสามารถใช้เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนของคุณได้อยู่ข้างในนั้น”
“มันมีความเป็นไปได้ที่คุณอาจได้รับยารักษาจากกล่องสมบัติ และด้วยยารักษา ลูกน้องของคุณก็อาจจะรอดชีวิตได้!”
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นลำดับต่อไป ถังเส้าหยางก็เปิดกล่องสมบัติและได้รับยารักษา และนั่นก็คือเหตุผลที่ลู่อันรอดชีวิตมาได้
หลังจากได้ยินทั้งหมดนั้น ลู่อันก็รีบกอดบอสของเขาพร้อมกับร้องไห้ “ขอบคุณครับบอส! ขอบคุณ! ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า!”
ลู่อันเริ่มมีอารมณ์ซาบซึ้งและร้องไห้ให้กับการกระทำของถังเส้าหยาง อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของถังเส้าหยางนั้นลับไม่ได้เคลิบเคลิ้มตาม เขาโยนลูกน้องของเขาไปที่เตียงและพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า “ไปให้พ้น พูดตามตรงนะ! แม้ว่าผู้หญิงทั้งหมดบนโลกนี้จะหายไป แต่ฉันก็จะไม่เอาแกหรอก!”
“ไม่นะ บอส อย่าเข้าใจฉันผิด! ฉันก็แค่พูดออกไปตามตรง ฉันแค่รู้สึกขอบคุณที่คุณเต็มใจที่จะใช้ยารักษาที่หายากกับฉัน ขอบคุณนะบอส!” ลู่อันแสดงความคิดที่ซื่อสัตย์ของเขาและรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง
ใช่แล้ว ยารักษานั้นเป็นไอเท็มหายาก และสำหรับถังเส้าหยางที่เต็มใจที่จะใช้มันกับเขา มันก็ทำให้ลู่อันรู้สึกประทับใจในตัวของถังเส้าหยางแป็นอย่างมาก พูดตามตรง บอสของเขาก็สามารถเก็บยาไว้สำหรับตัวเขาเองและปล่อยให้เขาตายได้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงลูกน้องที่อ่อนแอ และถังเส้าหยางก็ยังสามารถหาลูกน้องคนอื่นได้อีก
อย่างไรก็ตาม บอสของเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาใช้ยารักษาอันล้ำค่านี้เพื่อลู่อัน
แน่นอนว่าถังเส้าหยางก็มีเหตุผลของเขา เขาเห็นพัฒนาการตลอดหลายวันที่ผ่านมาของลู่อันแล้ว ลู่อันสามารถพัฒนาจากเด็กน้อยขี้กลัวจนกลายเป็นชายที่สามารถยืนต่อกรกับซอมบี้นับพันนาน 12 ชั่วโมงได้
และเขาก็ได้พัฒนาจากเด็กน้อยขี้กลัวจนกลายเป็นชายที่เต็มใจที่จะยอมเป็นเหยื่อล่อซอมบี้ระยะที่ 3
ด้วยการปรับปรุงทั้งหมดนี้ ถังเส้าหยางจึงยินดีที่จะใช้ยารักษากับลู่อัน
“อย่ามาซาบซึ้งกับเรื่องแบบนี้มากไป ฉันให้ยารักษานายก็เพราะฉันยังมีมันอีก ดังนั้นการให้นายอันหนึ่งนั้นจึงเป็นสิ่งที่นายสมควรจะได้รับ!”
“บอส อย่าทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างเราได้ไหม ฉันคิดว่าเราจะใกล้ชิดกันมากขึ้น ความผูกพันของเราจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก!” ลู่อันกล่าวพร้อมกับหัวเราะบนใบหน้าของเขา
“มันทั้งประจบประแจงและน่าขนลุก อย่าพูดถึงมันอีกนะ ไม่งั้นฉันจะเตะตูดแก! ลุกขึ้น ฉันจะพาไปทัวร์รอบสถานที่!” เมื่อพูดจบ ถังเส้าหยางก็เดินออกไปจากห้อง
ลู่อันเดินตามถังเส้าหยางไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาอยากรู้ว่าบอสสต้องการจะแสดงอะไรให้เขาดู เมื่อพวกเขาออกมาจากห้องนอน มันก็เป็นห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง
เขาสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างกระตือรือร้นราวกับคนที่เพิ่งเข้ามาในโรงแรมระดับห้าดาวครั้งแรก ในขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นว่าบอสของเขาค่อนข้างสงบและไม่แปลกใจกับห้องนี้
สิ่งนี้ทำให้ลู่อันอยากรู้ประวัติของบอสของเขามากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เขาสังเกตว่าบอสของเขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับห้างสรรพพสินค้าฉางโจว
ในขณะที่เขากำลังคิดอย่างฟุ้งซ่าน พวกเขาก็ได้มาถึงลิฟต์ เขามองไปที่ปุ่มและเห็นมือของบอสกดไปที่ B3 ปัจจุบันพวกเขาอยู่บนชั้นที่สิบห้า
“ชั้นใต้ดิน? มันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับชั้นใต้ดินกัน?” จากความรู้ของเขา ปกติแล้วชั้นใต้ดินนั้นก็จะเป็นส่วนของที่จอดรถ
“ตลอดเวลามานี้ นายคงจะหงุดหงิดมากสินะที่นายไม่มีพรสวรรค์” จากนั้นความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงอันสงบของถังเส้าหยาง
“ฉันเพิ่งรู้มาว่านายจะได้รับพรสวรรค์มาได้ก็ต่อเมื่อนายฆ่าซอมบี้หนึ่งพันตัวตั้งแต่วันแรกที่เกมเริ่มขึ้น!” ถังเส้าหยางบอกข้อมูลสำคัญแก่เขา
ติ้ง!
“แต่นายไม่ต้องกังวลไป ด้วยฐานทัพอัจฉริยะ นายก็จะสามารถได้รับพรสวรรค์มาได้!” เมื่อถังเส้าหยางพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก และเสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้น
“ยินดีต้อนรับสู่ชั้นวิวัฒนาการ ฝ่าบาท!”
ลู่อันตกใจกับเสียงหุ่นยนต์ เสียงนั้นแตกต่างอย่างชัดเจนจากเสียงที่เขาได้ยินจากการเลเวลอัพ เสียงหุ่นยนต์จากตอนที่เลเวลอัพนั้นไร้อารมณ์ในขณะที่หุ่นยนต์ที่เขาเพิ่งได้ยินนั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นในการทักทายพวกเขา
“นี่คือปัญญาประดิษฐ์ที่คุณเคยพูดถึงใช่ไหมบอส?” ลู่อันถามอย่างตื่นเต้น
“ถูกต้อง! และโปรดอย่าเรียกฉันว่าปัญญาประดิษฐ์ เพราะฝ่าบาทได้มอบชื่อให้ฉันแล้ว ออริจิ้น!” คนที่ตอบไม่ใช่ถังเส้าหยางแต่เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่แนะนำตัวเองว่าชทื่ออริจิ้น
“หยุดเรียกฉันแบบนั้นได้ไหม มันฟังดูประจบประแจงมากเลยรู้ไหม!” แม้ว่าเขาจะใฝ่ฝันที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิของเขา แต่ในฐานะของชายที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ เขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นการประจบประแจงที่จะมาเรียกเขาว่าเป็นฝ่าบาท
“มันจะไม่เป็นแบบนั้น ในฐานะปัญญาประดิษฐ์ จุดประสงค์ของฉันก็คือการได้รับใช้มาสเตอร์ของฉัน ช่วยให้เขาบรรลุความฝัน และความฝันของคุณก็คือ…” ออริจิ้นพูดอย่างคล่องแคล่วและตื่นเต้นเมื่อพูดถึงจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ของมาสเตอร์ของมัน
อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็ตัดบทพูดของมันลงกลางทาง “เอาล่ะ! เอาล่ะ! หยุดได้แล้ว อธิบายให้เด็กคนนี้ฟังเกี่ยวกับพรสวรรค์ที!”
เขาเดินออกไปในทันทีโดยให้ลู่อันติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิดด้วยสายตาที่สับสน ลู่อันยังไม่รู้ว่าทำไมออริจิ้นถึงเรียกบอสของเขาว่าด้วยคำว่า “ฝ่าบาท” อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะที่เขาตื่นเต้นกับพรสวรรค์
เมื่อเขาก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยห้องที่กว้างขวาง แต่มันก็ว่างเปล่าเช่นกัน มันเป็นเหมือนห้องโถงมากกว่าและที่ส่วนท้ายของห้องโถง ลู่อันก็เห็นประตูสองบานที่นำไปสู่ห้องอื่น
ประตูด้านซ้ายเป็นสีเขียว ส่วนประตูด้านขวาเป็นสีฟ้า มันดูเหมือนจะมีอะไรเขียนอยู่ที่ประตู และเมื่อเขาเข้าไปใกล้ ในที่สุดเขาก็สามารถอ่านคำนั้นได้
บนประตูสีเขียวเขียนว่า พรสวรรค์ สำหรับประตูสีน้ำเงินนั้นก็เขียนว่า คลาส
“ฟังฉันนะไอ้หนู! ไปที่ห้องด้านซ้ายและฉันจะอธิบายเพิ่มเติมเมื่อนายเข้าไปในห้องนั้นแล้ว!”