ตอนที่ 7 การตัดสินใจ
ทริสตันคงไม่รอดมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ถ้าเขาเชื่อคำพูดของทุกคนอย่างไร้เดียงสา
ตลอดชีวิตที่ยากลำบากของเขา การโกหก และการหลอกลวงเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ โดยเฉพาะเมื่อชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย
แม้ว่าหัวใจ และความตั้งใจของใครบางคนจะเป็นความจริง แต่มนุษย์ล้วนสามารถพูดคำเปล่าๆออกมาได้อย่างนับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาต่างเพิกเฉยและไม่ได้ตระหนักกับคำพูดเหล่านั้นเลย
เช่นเดียวกับที่เดสมอนด์เพิ่งพูดกับเขาว่า “เชื่อในตัวฉัน” ทริสตันจะเชื่อเขาง่ายๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่เคยรู้จักชายคนนั้น และเพิ่งเจอกันเมื่อสักครู่นี้เอง
เดสมอนด์กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เขาถูกรายล้อมไปด้วยสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ไม่เพียงแต่เขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่เขาไม่มีแม้แต่วิธีที่จะหนีจากสถานการณ์นี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครจะพูดอะไรก็ได้เพื่อให้ชีวิตของตนรอด
แม้ว่าทริสตันจะตัดสินใจด้วยชีวิตของเขา แต่ก็ยังมีน้องสาวของเขาที่เขาต้องกังวล
เหตุผลเดียวที่เดสมอนด์ให้ทริสตันเชื่อใจเขา คือพวกเขาทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์เดียวกัน พวกเขาเป็น ‘ มนุษย์ทั้งคู่ ‘ เหตุผลนี้ไม่เพียงพอให้ทริสตันสามารถยอมรับได้ ทริสตันรู้ดีว่าแม้มนุษย์จะดูเป็นที่ยอมรับมากกว่าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้ แต่สำหรับเขาแล้ว จิตใจของมนุษย์นั้นอาจเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ซะอีก
ทริสตันต้องเผชิญกับสองทางเลือก โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเชื่อถือได้ เมื่อคำนวณโอกาสของเขาแล้ว ทริสตันตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อสายตาอ้อนวอนที่เขาได้รับจากเดสมอนด์ เขาล้มดาบลงแล้วคุกเข่าอ้อนวอนต่อก็อบลิน
“ได้โปรด ทำในสิ่งที่คุณต้องการกับผม แต่โปรดไว้ชีวิตน้องสาวของผมด้วย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ ว่าเจ้าฉลาดกว่าชายผู้นั้น” เมื่อเห็นการตัดสินใจของทริสตัน ก็อบลินหัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง มันออกคำสั่งต่อพวกออร์กโดยใช้ภาษาแปลกๆ อีกครั้งในทันที
เพียงคำเดียวในที่สุดพวกออร์กรีบพุ่งตัวเข้าโจมตีเดสมอนด์อย่างรวดเร็ว ทริสตันทำได้เพียงจ้องมองด้วยความหวาดกลัว เขาเห็นมนุษย์ทรงพลังถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยสัตว์ประหลาดสีเขียวขนาดใหญ่ เดสมอนด์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เพียงครู่เดียวแขนขาของเขาถูกแยกออกจากร่างกายในทันที
การดูเดสมอนด์ถูกฆ่าเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาไม่ได้ทำให้ทริสตันรู้สึกเสียใจ ประสบการณ์ชีวิตของเขาทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ การเป็นวัยรุ่นอายุ 17 ปีในเรือนจำที่เต็มไปด้วยผู้ต้องขังที่โหดเหี้ยมเหนือมนุษย์นั้นเหมือนกับการเป็นปลาทองที่ว่ายน้ำในตู้ปลาฉลาม
‘ เรือนจำไม่ได้เมตตาเขา ‘
ผู้คุมเรือนจำตั้งกฎสำหรับคุณ
โดยคาดหวังให้คุณปฏิบัติตามเฉกเช่นจดหมายฉบับสุดท้าย
และในขณะเดียวกันนักโทษเหล่านั้นจะเลือกปฎิบัติตามกฎต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
คุณจะได้เรียนรู้ว่าถ้าคุณฝ่าฝืนกฎของผู้คุม คุณจะสูญเสียสิทธิพิเศษทั้งหมดที่มี ในขณะเดียวกันถ้าคุณฝ่าฝืนกฎของนักโทษ คุณอาจเสียชีวิตได้ในทันที นั่นแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างหิน และน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี
กระบวนการเริ่มต้นเพื่อเอาชีวิตรอดในคุก คือเรียนรู้ที่จะเลือกข้างที่ถูกต้องอยู่เสมอ เลือกให้ถูกว่าควรอยู่ฝ่ายไหน หากคุณถูกขอให้ทำอะไรบางอย่าง แม้กระทั่งเพื่อแทง และฆ่าใครก็ตาม คุณก็แค่ทำมันโดยไม่ต้องถามว่าทำไม
ถ้าคุณถามทริสตันว่าเขาเชื่อคำสัญญาของก็อบลินไหม เขาคงจะตอบว่าไม่จำเป็น เพราะเช่นเดียวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต หากคุณต้องการได้รับความเมตตาจากผู้แข็งแกร่ง ดังนั้น ทางเลือกของคุณจึงถูกจำกัดเสมอ เว้นแต่คุณจะมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับพวกเขา
ในสถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเดสมอนด์ทำอะไรให้เขาหรือน้องสาวของเขาไม่ได้มากนัก ดังนั้นการเลือกจึงค่อนข้างง่าย เขาต้องยอมจำนนเพื่อชีวิตของเขา และที่สำคัญกว่า คือ ความปลอดภัยของเลห์ลาน้องสาวเขา
ก็อบลินหันกลับมามองทริสตันที่กำลังคุกเข่าอยู่
“ได้โปรดเมตตาน้องสาวของผม”
“มนุษย์เอ๋ย .. ฮ่าฮ่าฮ่า.. คิดว่าข้าจะสนใจว่าน้องสาวของเจ้าเป็นใครหรอ?”
ประโยคนี้อาจทำให้หลายคนตกใจ แต่มันไม่ใช่สำหรับทริสตันเขาเข้าใจการถูกทรยศ และทำร้ายเป็นอย่างดี เขารู้ความหมายของการเชื่อฟังต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชอบสถานการณ์แบบนี้.. ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าไม่มีโอกาสเลย..”
ทริสตันเงยหน้าขึ้น และจ้องมองก็อบลินสายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“จริงอยู่ที่เจ้ามีความเข้ากันได้มากที่สุดในบรรดาหลายร้อยคนก่อนหน้าเจ้า .. แต่เจ้าเห็นไหมว่า .. ทั้งหมดที่ข้าต้องนั่นคือประสบความสำเร็จ หากเจ้าทำให้ข้าได้ นั่นหมายความว่า ข้าไม่มีประโยชน์ที่จะทำร้ายน้องสาวของเจ้า เจ้าคือนักโทษเข้าใจไหม ตอนนี้วิธีเดียวที่จะช่วยน้องสาวของเจ้าได้ คือเอาตัวรอดจากการทดลองนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทริสตันเข้าใจดีว่านั่นเป็นหนทางเดียวสำหรับตัวเขา และน้องสาวของเขา ดังนั้นเขาจึงยอมรับชะตากรรม ทริสตันเดินไปยังที่ที่ก็อบลินชี้ และนอนลงบนโต๊ะทดลอง
“เวลาของเจ้ามาถึงแล้ว”
สิ่งสุดท้ายที่ทริสตันจำได้ เขาถูกล้อมรอบด้วยอุปกรณ์กลของก็อบลินทุกด้าน ไม่นานเขาก็หมดสติลง และเข้าสู่ห้วงความมืดมิด
…
“เจ้า เจ้ า ได้ยินมั้ย .?”
พูดแรกที่เขาได้ยินหลังจากตกอยู่ในห้วงความมืด
“ด่านแรกสำเร็จ! ฮ่าฮ่าฮ่า”
ไม่รู้ว่าเขาสลบไปนานแค่ไหน ทริสตันรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในแอ่งน้ำ ไม่นานนักเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาแปลกไปทั้งตัว ทริสตันรู้สึกได้ว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายนับไม่ถ้วนอย่างช้าๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเหมือนโดนมดกัดในขั้นแรก และค่อยๆทวีคูณขึ้นจนเขาทนไม่ได้ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วร่างกายเขา มันกลืนกินความประสงค์ของทริสตัน เหตุผลเดียวที่เขาสามารถอดทนไว้ได้ คือหวังว่าน้องสาวของเขาจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกัน
หลังจากผ่านไประยะหนึ่งแล้ว ทริสตันรู้สึกได้ถึงพลังที่หลั่งไหลไปทั่วร่างกายของเขา เขาเริ่มได้ยินสิ่งต่างๆ ภายในความมืดมิด ในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆอีกครั้ง
“สำเร็จ!! สำเร็จ!!”
[ระบบใช้งานได้...]
[การซิงโครไนซ์จากท่อ]
[97%.. 98%..]
ทริสตันได้ยินเสียงของก็อบลินอีกครั้ง
“เอาล่ะ ได้เวลาสำหรับขั้นตอนสุดท้ายแล้ว การชำระจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์”
“การชำระจิตวิญญาณ?” ทริสตันครุ่นคิดอย่างประหลาดใจ
เสียงสัญญาณดังลั่นขัดจังหวะก็อบลิน ก็อบลินตะโกนด้วยความโมโห
“ฮึก.. พวกเรากำลังถูกโจมตี!”
“เวรเอ้ย!! พวกมันเป็นใคร”
“ระบบตรวจพบยานลาดตระเวนอวกาศ”
“ฆ่าพวกมันซะ! อย่าให้พวกมันลงมาได้!”
“พวกมันกำลังบุกเข้าไปในโรงงาน!”
“ส่งอุรุกออกไป!.. ให้ตายเถอะ!! ทำไมพวกมันต้องมาในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้!”
“เตรียมพร้อม!”