ตอนที่ 2 ทริสตัน
“เมื่อชีวิตให้ช่วงเวลาที่เลวร้ายแก่คุณ ... อย่าไปสนใจเลย! คุณแน่ใจหรือว่านรกจะไม่มีวันที่เลวร้าย”
สำหรับเด็กผู้ชายที่ชื่อ ‘ ทริสตัน ‘ แล้ว โชคไม่เคยเข้าข้างเขาแม้แต่วันเดียว ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยคำว่า ‘ ความทุกข์ยาก ‘ แบบไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องราวของฮีโร่ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ สำหรับทริสตันแล้ว ความทรงจำคำว่า ‘ บ้าน ‘ เพียงอย่างเดียวของเขาที่สามารถนึกได้ คือประตูสีแดงบานใหญ่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและมีชื่อของเขาติดอยู่บนกระดาษแผ่นหนึ่ง
การเติบโตในบ้านเด็กกำพร้า นั่นเปรียบเหมือนการซื้อลอตเตอรี่ มันเป็นโอกาสยากมากสำหรับเด็กคนนึงจะหาบ้านได้ และแม้เด็กบางคนจะหาบ้านได้
แต่เกือบทั้งหมดก็จบลงที่ครอบครัวที่รับพวกเขาไว้ เป็นเหมือนเช็คเงินเดือนรายเดือน ที่มาพร้อมกับการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมเท่านั้น
และอันที่จริงนั่น คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายคนนึงที่ชื่อ “ทริสตัน”
เขาไม่มีแม้แต่อาหาร หรือได้นอนในที่ที่เหมาะสม และหากวันไหนพ่อแม่บุญธรรมของเขาอารมณ์ไม่ดี นั่นหมายความว่าวันนั้นเขาจะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับในตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา และสิ่งที่แย่ที่สุดคือพ่อบุญธรรมของเขา จริงๆ แล้วเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ชายที่มีหน้าที่ปกป้อง และรับใช้ประชาชน
เด็กผู้ชายลักษณะผอมแห้งที่มาโรงเรียนด้วยรอยฟกช้ำ?
ทุกคนต่างรับรู้เรื่องราวของครอบครัวทริสตันที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งไมล์
ยังดีที่โชคยังเข้าข้างทริสตันอยู่บ้าง อย่างน้อยเขาก็เกิดมาพร้อมกับสติปัญญาที่สูงกว่าเด็กทั่วไป เขามักจะมีวิธีการจัดการปัญหาเหล่านั้นได้เสมอ
ทริสตันไม่มีครู เพื่อน หรือ คนที่เสแสร้งเพื่อเป็นห่วงเขา ทุกคนต่างไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เพื่อนคนเดียวในชีวิตของเขาน่าจะเป็นแมว และสุนัขจรจัดที่ด้านหลังโรงอาหารของโรงเรียน พวกมันมักเข้าหาเขาในขณะที่เขามีแซนวิชเก่าๆชิ้นนึงอยู่ในมือ
‘ เลห์ลา ‘ เธอเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
ชีวิตของฮีโร่มักจะพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เด็กคนนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าอีกคนที่ถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวเดียวกันกับทริสตัน
เลห์ลาทีสอนให้ทริสตันรู้จักคำว่า ความเมตตา เป็นครั้งแรก สำหรับเลห์ลาแล้ว แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา แต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาราวกับว่าไม่เคยเจอสถานการณ์เลวร้ายเลย
พวกเขาเติบโตมาด้วยกันอย่างสนิทสนม ทริสตันพยายามเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดที่สามารถดูแล และปกป้องเธอได้ ทริสตันพยายามอดทนอย่างเต็มที่ เขาตั้งใจเรียน
และคอยทำงานนอกเวลาหลายงาน เพื่อเก็บซ่อนเงินบางส่วนไว้เพื่ออนาคตของเขา
เขาต้องการเวลาเพียงอีกหนึ่งปีกว่า เพื่อเขาจะได้ใช้ชีวิตอิสระตามลำพังในฐานะของผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่โชคไม่เข้าข้างเขาเอาเสียเลย ในที่สุดโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา
คืนหนึ่ง พ่อบุญธรรมของเขาเมา และพยายามทำร้ายเลห์ลา หนำซ้ำยังบังคับให้เลห์ลาตกเป็นของเขา ทริสตันมีปากเสียงกับพ่อบุญธรรมของเขา เขาทนไม่ไหว และยับยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ในที่สุดอารมณ์ชั่ววูบของเขา ทำให้ทริสตันพลั้งมือฆ่าพ่อบุญธรรม และเผาบ้านหลังนั้น
ทริสตันมองดูเปลวไฟที่ลุกขึ้นโดยไม่มีทีท่ารู้สึกผิด มันเป็นความรู้สึกแปลก และบอกไม่ถูกสำหรับเขา ทริสตันไม่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขากลับรู้สึกเติมเต็ม เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกลียดที่สุดกลับกลายเป็นขี้เถ้า
เหตุเพราะทริสตันยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในความเป็นจริงแล้วโทษจากการกระทำของเขา เขาควรเข้าคุกเด็ก และเยาวชนด้วยโทษจำคุกขั้นต่ำเพียงเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เคยเป็นไปแบบที่เขาคิดไว้
เพื่อนตำรวจพ่อบุญธรรมเขา ไม่ยอม และต้องการเอาผิดทริสตันขั้นสูงสุด นั่นหมายความว่าความยุติธรรมได้ล้มเหลวลงอีกครั้ง ทริสตันถูกคุมขังในคุกที่เลวร้ายที่สุด มันมีความปลอดภัยสูงมาก มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่เด็กชายอายุ 17 ปีจะสามารถอยู่รอดได้ 4 ปีในคุกแห่งนี้
‘ ถูกทอดทิ้ง ทารุณ เอาเปรียบ ทรยศ และทำร้ายตั้งแต่เกิด
นี่คือสิ่งที่โลกยื่นให้ทริสตัน! เลห์ลา เธอคือสิ่งเดียวที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา ‘
สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่เขาใช้ชีวิตหลังคุก คือเลห์ลาถูกครอบครัวที่ดีรับเลี้ยงไป
ทริสตันยิ้ม และรู้สึกดีใจ เมื่อรู้ว่าเธอโชคดีพอที่จะถูกลอตเตอรี่ได้ในที่สุด ตั้งแต่นั้นมา ทริสตันไม่เคยคิดที่จะติดต่อเธออีกเลย เขาไม่อยากให้เธอเข้ามาพัวพันกับความยุ่งเหยิงในชีวิตของเขาอีก
โชคดีที่คุกแห่งนั้นไม่ใช่จุดจบของฮีโร่!
วันนี้ทริสตันอายุ 21 ปี เขาได้รับการปล่อยตัวในที่สุดหลังจากถูกขังอยู่ในเรือนจำรัฐฟลอริดาเป็นเวลา 4 ปี กริ่งไฟฟ้ายาวดังขึ้น ในเวลาเดียวกันประตูเหล็กขนาดใหญ่ค่อยๆ เปิดออก ทริสตันเดินออกมาข้างนอก เขาเห็นทูตสวรรค์กำลังรอเขาอยู่
ผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาของเธอมีสีฟ้าเป็นประกาย
เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่ทริสตันพูดกับเธอครั้งสุดท้าย เขาเงียบเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แต่ประโยคแรกที่ออกมาจากใบหน้าสวย ก็ทำให้เขาประหลาดใจ
“อะไรวะ ทริส! เธอไม่เคยตอบจดหมายหรือรับสายของฉันเลย!.. เธอทำให้ฉันต้องมาหาเธอในที่อึกทึกแบบนี้!”
ทริสตันเกือบลืมประโยคเหล่านี้ของน้องสาวเขาไปแล้ว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอยังคงซ่อนหัวใจอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลังทัศนคติที่แข็งกระด้างของเธอ
“เธอไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ..”
“ไม่เปลี่ยนเลยเหรอ จริงสิพี่? ฉันโตแล้วนะ!”
ทริสตันสังเกตน้องสาวของเขาโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่ดูดีมาก
“ตาถึงนะ ทริส! ฉันรู้ว่าเธอถูกขังมาสี่ปีแล้ว และไม่ได้พบเจอหญิงสาวมานาน แต่อย่าเพิ่งเริ่มตกหลุมรักน้องสาวของพี่ตอนนี้นะ .. นี่มันบิดเบี้ยวจริงๆ!”
เรื่องตลกของเธอทำให้เขาหมดคำพูดเสมอ แต่มันก็สามารถจัดการความอึดอัดระหว่างเขา และเลห์ลาได้เป็นอย่างดี ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาอยู่ใกล้กันขนาดนี้ คงเป็นคืนที่ทริสตันฆ่าพ่อบุญธรรมของพวกเขา
“เลห์ลา เธอไม่ควรมาที่นี่”
“หึ! ทริส ฉันรู้จักเธอดีพอ เมื่อเธอถูกปล่อยตัว เธอตั้งใจจะหลอกหลอนฉันใช่ไหม! ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น เธอต้องมากับฉัน!”
เห็นได้ชัดว่า 4 ปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอยังคงแข็งแกร่งอยู่เสมอ และเพื่อเธอแล้วทริสตันสามารถทำได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
‘ เธอคือจุดอ่อนของเขา ‘
ไม่นานทั้งสองออกเดินทางด้วยรถของเลห์ลา ทริสตันเงียบตลอดทาง ในขณะที่เลย์ลากำลังเล่าทุกอย่างที่เธอเจอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาให้ทริสตันฟัง หลังจากขับรถมาได้ซักพัก ทริสตันรู้ว่าเลห์ลากำลังพาเขาไปที่สนามบิน
“เราจะไปไหนกัน?”
“เรากำลังจะกลับบ้าน ทริส ฉันจะพาเธอไปที่ซานฟรานซิสโก เธอคงรู้เรื่องนี้ ถ้าเธอได้อ่านจดหมายของฉัน”
“ฉัน…” เขาอ้ำอึ้ง ทริสตันไม่เคยเปิดจดหมายของเลห์ลา เขาทำเช่นนั้นเพราะเขาไม่เคยคิดที่จะเข้าไปพัวพันกับชีวิตของเลห์ลาอีกต่อไป
“เธอจะไม่หายไปจากฉันอีก สัญญาได้ไหม?”
“...” ทริสตันเงียบ แต่เลห์ลาดูเหมือนจะอ่านใจเขาได้
“ฉันจะถือว่าความเงียบของเธอ ”
…
เพียงครู่หนึ่งพวกเขาเดินทางมาถึงสนามบิน วันนั้นเป็นวันขึ้นปีใหม่สนามบินหนาแน่นไปด้วยผู้โดยสาร ผู้คนจำนวนมากกระจายอยู่ในสนามบิน ระหว่างรอเครื่องบินทริสตันดูข่าวทางทีวีอย่างตั้งใจ ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับการฉลองปีใหม่ และมีรายงานข่าวเกี่ยวกับคนบ้าที่พูดถึงวันพิพากษาโลก
“เธอเชื่อไหมทริส? พวกเขาคิดจะหยุดบินเพราะข่าวลือบ้าๆ นี้!” เลห์ลากระซิบกับทริสตันเมื่อเห็นข่าว
ทริสตันไม่ทันได้ตอบกลับเลห์ลา เสียงประกาศก็ดังขึ้น
“เที่ยวบินหมายเลข B738 ไปซานฟรานซิสโก พร้อมที่จะขึ้นเครื่องแล้ว!”
สองพี่น้องรีบเดินไปขึ้นเครื่องบิน และในไม่ช้าเครื่องบินลำนี้ก็ทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าในทันที ทริสตันสังเกตเห็นสีหน้าของเลห์ลาที่เต็มไปด้วยความกังวล มือของเธอสั่นเล็กน้อย นั่นดูเหมือนว่าเธอยังคงกลัวการขึ้นเครื่องบิน ทริสตันทำในสิ่งที่เขาเคยทำเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก เขาจับมือเลห์ลาไว้แน่น
เลห์ลายิ้ม เมื่อทริสตันจับมือเธอของเธอไว้
“ได้” คำพูดที่ออกมาจากปากของทริสตันในไม่กี่วินาทีต่อมา
“ได้ พี่หมายความว่ายังไง ?”
“ได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่หายไปไหน ฉันจะดูแลเธอเอง” ทริสตันพูดกับเลห์ลา
ทริสตันเห็นว่าเลห์ลาดูมีความสุขเพียงใดเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ในเวลาไม่กี่วินาทีต่อมาจู่ๆ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ากังลอีกครั้ง เธอจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเล็กๆ ของเครื่องบิน
“ทริสตัน มองออกไปนอกหน้าต่าง!…เกิดอะไรขึ้น!?”
ท้องฟ้าข้างนอกกลายเป็นสีดำ ภายนอกมีพายุสีม่วงส่งผลให้เครื่องบินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไม่นานผู้โดยสารทุกคนเริ่มกรีดร้อง ทริสตันเหลือบมองใบหน้าที่หวาดกลัวของเลห์ลา และในตอนนั้นทริสตันรู้สึกได้ว่าเลห์ลากำลังจับมือของเขาแน่นขึ้นอีกครั้ง
“ท ทริสตัน-!”
จู่ๆ แสงสว่างก็ดับลง มีเพียงเสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นในหัวของเขา เพียงชั่วพริบตาความมืดมิดปกคลุมแสงสว่างรอบตัวเขาในทันที
ทริสตันรู้ตัวอีกทีก็พบว่า รอบตัวเขามีแต่ “กองเลือด ..”