[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 157 บางทีนี่อาจเป็นเพราะความเยาว์วัย
ตอนที่ 157 บางทีนี่อาจเป็นเพราะความเยาว์วัย
ฉินหยู่มองไปที่ปินปิน ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและตอบด้วยสีหน้าจริงจังมาก “ไม่ว่านายจะแค่ให้ข้อมูลหรือทำหน้าที่เป็นพยาน ฉันจะรับรองความปลอดภัยของนายอย่างแน่นอน หากนายกังวล นายสามารถติดตามฉันได้ในช่วงเวลานี้ มาอยู่ที่บ้านฉันก็ได้”
ปินปินลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วถามอีกครั้ง “คุณแน่ใจหรือว่าจะจับเขาได้”
“ตราบใดที่มีหลักฐานเพียงพอ ฉันจะทำให้ดีที่สุด” ฉินหยู่ตอบอย่างตรงไปตรงมา “พูดตามตรง ฉันไม่แน่ใจว่าคดีนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ฉันอยากลอง”
ปินปินจิบน้ำด้วยสีหน้าวิตกกังวล จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองฉินหยู่แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะช่วยคุณ”
“...หากข้อมูลที่นายให้มานั้นถูกต้อง แล้วฉันสามารถจับหวูเย่าได้ ฉันจะแจ้งผู้กำกับหลี่ อย่างน้อยฉันรับรองว่านายจะได้รับค่าธรรมเนียมการแจ้งเบาะแสไม่น้อยกว่า 5,000”
“ฉันไม่ต้องการเงิน” ปินปินส่ายหัว “ฉันช่วยคุณเพราะว่ากุ้ยเชิงกับฉันเมื่อตอนเราเป็นเด็ก ถ้าเราไม่รู้ เราก็ไม่ต้องใส่ใจ แต่ถ้าเรารู้แล้วเราไม่บอก...ฉันรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด ลุงถงเคยมาขอให้ฉันช่วยด้วย แต่ฉันลังเล...เพราะลุงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าคนในหน่วยงานราชการของคุณเต็มใจที่จะสืบสวนเรื่องนี้ ฉันก็จะ ฉันก็เต็มใจที่จะเสี่ยง”
จูเหว่ยมีอารมณ์ตรงไปตรงมา เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ปินปินพูด เขาก็ยกแก้วขึ้นทันที “น้องชาย นายมีความคิดในการทำสิ่งต่างๆ น่าสนใจมาก ฉันจะดื่มอวยพรให้นาย”
หลังจากพูดจบแล้วทั้งสามก็ยกแก้วขึ้นด้วยกันแล้วจิบ ปินปินเช็ดมุมปากของเขาแล้วพูดกับฉินหยู่เรียบๆ “วันที่เกิดเหตุฉันอยู่ชั้นล่าง เมื่อเขาและภรรยาถูกโยนลงมา มีคนมีมากมายเห็นมัน”
“ตอนนั้น… คนคนนั้นตายแล้วหรือยัง?” ฉินหยู่ถาม
บินปินเงียบอยู่นาน และพยักหน้าด้วยน้ำตาคลอ “เมื่อเขาถูกโยนลงมา เขาน่าจะตายแล้ว... พนักงานเสิร์ฟที่ทางเดินบอกฉันว่าเป็นหวูเย่าที่แทงเด็กด้วยขวดไวน์ก่อน จากนั้นเวิงเหม่ยก็สติแตก ต่อสู้กับเขาอย่างสิ้นหวัง...หวูเย่ารีบแทงเธออย่างรวดเร็ว…”
“มีใครอยู่ตรงทางเดินเข้าไปมั้ย?”
“ไม่ ไม่มีใครกล้าเข้าไป พวกเขาแค่ฟังอยู่ข้างนอก” ปินปินตอบเบาๆ “แต่แก๊งอันธพาลของหวูเย่ารีบเข้าไปหลังจากได้ยินเสียงตะโกน”
ฉินหยู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียง “ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องก็จะยุ่งยากมากขึ้น เพราะไม่มีใครเห็นตอนที่หวูเย่าฆ่า อย่างนี้ยากที่จะมัดตัวเขาไว้กับคดีได้”
ปินปินจ้องไปที่ฉินหยู่ หลังจากลังเลอยู่สามหรือสี่วินาทีเขาก็ตอบด้วยเสียงต่ำ “ฉันรู้ว่าใครฝังมันไว้และฉันก็รู้คร่าวๆ ว่าศพถูกฝังอยู่ที่ไหน”
ฉินหยู่ตกใจ “เมื่อพวกเขาไป นายตามพวกเขาไปเหรอ?”
“ใช่” ปินปินพยักหน้า “ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย”
เมื่อจูเหว่ยได้ยินดังนั้น เขาก็ปรบมือทันที “ถ้ารู้ว่าศพถูกฝังอยู่ไหน นายจะปลอดภัย”
“คืนนี้นายช่วยนำทางให้ฉันได้ไหม” ฉินหยู่ถามปินปินทันที
“ได้”
“เอาล่ะ” ฉินหยู่หันกลับไปสั่งจูเหว่ยทันที “แจ้งคนของเราเอารถออกและนำเครื่องมือสนามมาด้วย เราจะไปที่จุดฝังศพคืนนี้”
“ตกลง” จูเหว่ยพยักหน้า
……
ภายในบริษัทแห่งหนึ่งในเขตเจียงหนาน
หวูเย่าพาดขาบนโต๊ะ หาวแล้วพูดขึ้น “เดอะคิง ช่วยเคลียร์สินค้าในมือของนายให้เรียบร้อย แล้วเราจะปิดการขายมัน”
“คุณอยากจะลองธุรกิจยาจริงๆ เหรอ?” เดอะคิงถาม
“ใช่ หยวนเค่อกับฉันคุยกันเกือบจะเสร็จแล้ว” หวูเย่าพยักหน้า “เขาจะส่งสินค้าให้เราก่อน และเราจะจ่ายเงินให้เขาหลังจากที่เราขายได้แล้ว และเขาจะไม่เพิ่มหุ้นส่วนคนอื่นในเขตเจียงหนานนอกจากเราเพียงบริษัทเดียว และจะไม่ให้คนของเขาเข้ามาทำตลาดเอง ฉันคิดว่าเงื่อนไขนี้โอเค”
“มันพิเศษขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็นั่นไง” หวูเย่าสูดหายใจแล้วพูดว่า “ช่วงนี้เราจะมุ่งไปที่ธุรกิจสายการแพทย์”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” เดอะคิงพยักหน้า
“ฉิบ นี่จะตีสองแล้วเหรอเนี่ย?” หวูเย่าก้มเหลือบมองดูนาฬิกา จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “โอเค ฉันจะไปหาที่นอนแล้ว กลับกันได้”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำสั่ง ทุกคนก็กล่าวลากัน
ไม่กี่นาทีต่อมาก็ลงมาชั้นล่าง
เดอะคิงเข็นมอเตอร์ไซค์ออกมาจากตรอก และทันทีที่ขึ้นคร่อมมัน โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล? เสี่ยวเหมียว”
“เดอะคิง! แม่งทำไมไม่รับสายวะ?”
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้ฉันอยู่บ้านพ่อตา เลยไม่สะดวกจะคุยเรื่องนอกเรื่อง” เดอะคิงขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉันบอกนายได้เลยว่า ไอ้พวกแก๊งโจรที่มาจากพื้นที่โครงการพัฒนากำลังรอด้วยความกังวลมาก พวกมันมาหาฉันด้วยตนเองทวงเงินค่าจ้าง” เสี่ยวเหมียวกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “พวกมันปล่อยฉันกลับมาให้บอกว่า ถ้านายไม่จ่ายเงินภายในสามวัน มันจะให้ฉันกินไพ่นกกระจอกทั้งสำรับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ให้ตายเถอะ” เดอะคิงไม่เห็นด้วย “ฉันกินมาหมดแล้ว แต่ฉันไม่เคยกินไพ่นกกระจอกสักที”
“เดอะคิง ฉันคิดว่าเราทุกคนเคยทำผิดพลาดมาก่อน คนเหล่านี้... ดูไม่เป็นมิตร” เสี่ยวเหมียวพูดด้วยความรู้สึกผิดในใจ “จ่ายเงินให้เขาไปเถอะ ยังไงซะเงินก็ไม่มาก… อยู่ห่างจากปัญหาไว้ดีกว่า”
“นายพูดไร้สาระอะไรวะ? ฉันจ่ายส่วนของนายให้นายหมดแล้ว แล้วนายจะมากล่อมให้ฉันจ่ายพวกมันเต็มราคาอีก นายกำลังคิดอะไรอยู่วะ?”
“ฉันคืนส่วนแบ่งของฉันให้ก็ได้นะ” เสี่ยวเหมียวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ
“ถ้านายต้องการจะคืนเงินก็ได้ แต่ฉันไม่จ่ายให้พวกมันแน่นอน” เดอะคิงตอบอย่างไม่อดทนว่า “ที่จริง ฉันได้ใช้เงินสำหรับสินค้าชุดนั้นไปแล้ว และบริษัทก็จะไม่ไปติดต่อกับพวกมันอีกในอนาคต เพราะงั้นฉันจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหนในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มีให้มันหรอกถึงฉันต้องการจ่ายก็ตาม”
“เดอะคิง ฉันรู้สึกจริงๆ ว่าคนเหล่านี้…”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว” เดอะคิงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คนมากมายมาจากนอกเขต นายจะกลัวพวกมันทำไม? ไอ้โง่ๆ พวกนี้เข้ามาไม่แม้แต่จะทักทาย พวกมันแค่ขายสินค้าในราคาต่ำเพื่อแย่งตลาด ถ้านายไม่สั่งสอนมัน คนอื่นก็จะทำอยู่ดี เข้าใจไหม?”
“เอาล่ะ ยังไงซะ ฉันบอกทั้งเรื่องดีและไม่ดีให้นายฟังหมดแล้ว ถ้าไม่ฟังฉันก็ทำอะไรไม่ได้” เสี่ยวเหมียวต้องพูดออกตัวก่อนกันตนเองเดือดร้อนว่า “แต่ฉันต้องบอกนายให้ชัดเจน ถ้าพวกนั้นมาหานายอีก ฉันจะคืนส่วนแบ่งของฉันให้พวกเขา และปล่อยให้พวกเขาคุยกับนายส่วนที่เหลือเอาเอง”
“ให้พวกมันมาหาฉัน ดูสิว่าพวกมันจะทำอะไรฉันได้ ให้ตายห่าเถอะ!” เดอะคิงสาปแช่งและวางสายไป
……
เวลาตีสามกว่าแล้ว
ฉินหยู่ในเสื้อคลุมทหารที่แจกโดยตำรวจ ถือไฟฉายไว้ในมือ เขาขมวดคิ้วถามปินปิน “นายแน่ใจนะว่าคือทางนี้”
“มันต้องอยู่ทางนี้” ปินปินพยักหน้า “เพราะฉันเห็นพวกเขาขับรถด้วยตาของฉันเอง แต่ตอนนั้นบนถนนสายหลักมีรถน้อยเกินไป ฉันเลยไม่กล้าตามเข้าไปใกล้เกิน... ฉันแค่จำไว้ว่าพวกเขาน่าจะอยู่ข้างถนนใกล้ทางแยกนั้น ปิดไฟหน้ารถ”
ฉินหยู่ใช้ความคิดอยู่สักครู่ จากนั้นก็โบกมือทันทีและตะโกนว่า “อย่าเข้าไปในทุ่งนา แค่ตรวจดูทั้งสองข้างของถนน... ปกติแล้วไม่ควรมีใครมาที่ดินแดนรกร้างแห่งนี้ ดูรอบๆ ว่ามีรอยร่องขุดบ้างไหม”
กว่าสองชั่วโมงต่อมา
จูเหว่ยยืนอยู่ในทุ่งนา ชี้ไปที่รอยร่องดินกลบขนาดใหญ่ข้างเขาพร้อมตะโกนบอก “นี่เหมือนขอบหลุม ฉันคิดว่าเราขุดที่นี่ได้”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินหยู่ยืนอยู่ในหลุมตื้นๆ ใช้พลั่วตักดินออกไปเรื่อย ทันใดนั้น ศีรษะมนุษย์ครึ่งหนึ่งก็โผล่ออกมา…
…………………………………………………………