ตอนที่ 15
ต่อมาเด็กฝึกก็ถูกเรียกไปยังที่ว่างเพื่อถ่ายเป็นกลุ่ม
ตามกฎแล้วหลังจากแบ่งกลุ่มร้อง พลังเสียง และเต้น บุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแต่ละกลุ่มจะกลายเป็นตำแหน่งเซนเตอร์โดยอัตโนมัติ และในขณะเดียวกันก็มีสิทธิ์เลือกเพื่อนร่วมทีมด้วย
ลู่หนานหยุนเป็นหนึ่งในห้าตำแหน่งเซนเตอร์ในกลุ่มเต้นโดยธรรมชาติ และเหว่ยยอี้เฉินก็เป็นหนึ่งในสี่ตำแหน่งเซนเตอร์ในกลุ่มพลังเสียง
นอกจากจีเจ๋อหยูจะอยู่ในกลุ่มร้องและทำเพลงแล้ว ยังมีเฟิงหยานที่อยู่ในอันดับที่สามด้วย และทั้งคู่ก็กลายเป็นเซนเตอร์
“ต่อไป ขอให้ผู้เล่นเซนเตอร์เดินไปตรงกลางด้วยครับ” เฉินเหอหยิบไมโครโฟนและอ่านกฎ "พวกคุณสามารถเลือกเพื่อนร่วมทีมที่ต้องการได้"
ตามคำสั่ง กลุ่มร้องเลือกเพื่อนร่วมทีมก่อน
หลังจากที่เฟิงหยานและจีเจ๋อหยูพูดคุยกัน พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะผลัดกันเลือกเพื่อนร่วมทีมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ไป่เซิงเจี๋ยซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกันกับจีเจ๋อหยูครั้งล่าสุดก็อยู่ในกลุ่มร้องด้วย เขาโบกมือให้จีเจ๋อหยูทันที แล้วชี้ที่ตัวเองอย่างสิ้นหวัง พูดว่า " เลือกผมเร็ว " กับเขา
ไป๋เซิงเจี๋ยได้รับการสั่งสอนจากจีเจ๋อหยูในการเต้นครั้งที่แล้ว และเขาก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมกับจีเจ๋อหยู่ได้
ไป่เซิงเจี๋ยยังเด็ก ด้วยความกังวลและความคาดหวังที่เขียนไว้บนใบหน้าและดวงตาของเขาที่เกือบจะกลายเป็นดวงดาว จีเจ๋อหยูก็รู้สึกขบขัน เขาเลยกวักมือเรียกอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม " ผมเลือกเสี่ยวไป่ครับi"
เมื่อได้ยินสิ่งที่จีเจ๋อหยูพูด ไป่เซิงเจี๋ยก็วิ่งเข้ามาทันที พุ่งเข้ากอดจีเจ๋อหยูแล้วพูดอย่างมีความสุข “เยี่ยมมาก เราได้อยู่กลุ่มเดียวกันอีกแล้ว”
ท่ามกลางกลุ่มเต้น ฉีอ่าวตงกำมือของตัวเองอย่างแรง มองตรงไปที่คนสองคนที่โอบกอดกัน เดิมทีเขาเขียนว่าตัวเลือกแรกของเขาอยู่ในกลุ่มร้องและแต่งเพลง แต่เนื่องจากขาดคนในกลุ่มเต้น อันดับของเขาไม่สูงพอ เขาเลยต้องมาเข้าร่วมกับกลุ่มเต้น
ในตอนนี้ฉีอ่าวตงรู้สึกผิดหวังเป็นครั้งแรกที่อันดับของเขาไม่สูงพอ
ลู่หนานหยุนเหลือบมองไปทางทิศทางของจีเจ๋อหยู เขาหายใจเข้าลึกๆ และขยับสายตาของเขาออกไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยความรู้สึกหงุดหงิดมาก
จีเจ๋อหยูมองไปที่เด็กฝึกในกลุ่มและพยายามเลือกคนที่คุ้นเคยกับเขา
ในตอนท้ายมีคนเหลือไม่กี่คนในสนาม หนึ่งในนั้นคือเด็กฝึกจากคลาส F
เด็กหนุ่มในคลาสF มีร่างกายสูงโปร่ง มืออยู่ในกระเป๋ากาเกง ตัวเลขใหญ่ "8" เขียนอยู่ที่มุมล่างขวาของเสื้อผ้า บ่งบอกว่าเขาได้อันดับที่แปดในการแข่งที่แล้ว
เด็กหนุ่มสูงและผอม ผมของเขาย้อมเป็นสีฟ้าอมเทา ผิวของเขาเกลี้ยงเกลา ดวงตาคมลึกรับกับจมูกโด่งเป็นสัน และใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกเหนือชั้น เขาสวมเสื้อผ้าคลาส F สีเทา แต่ก็ยังดูหล่อเหลาขนาดนี้
ผู้เล่นในคลาส F สามารถอยู่ในอันดับที่แปดได้ และจีเจ๋อหยูก็สนใจเขาในทันที
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆไป่เซิงเจี๋ยก็เข้ามาใกล้กกหูของจีเจ๋อหยู ปิดไมค์และกระซิบกับเขาว่า “นายห้ามเลือกเสี่ยวฮ่วย” เสี่ยวฮ่วยเป็นชื่อของเด็กฝึกคลาส F คนนั้น
จีเจ๋อหยูตกตะลึง เขารู้สึกว่าชื่อของเสี่ยวฮ่วยค่อนข้างคุ้นเคยและดูเหมือนจะเป็นตัวประกอบในหนังสือต้นฉบับด้วย นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินหยุนเจี๋ยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
จีเจ๋อหยูถามไป่เซิงเจี๋ยด้วยเสียงต่ำ " ทำไมนายถึงพูดอย่างนั้น เพราะเขามาจากClass Fเหรอ?"
ไป่เซิงเจี๋ยตกตะลึงและประหลาดใจ: " นายลืมไปแล้วหรอ! ตอนจัดอันดับเพลงธีม เขาก็เต้นอยู่ข้างๆนาย ทักษะของเขาใกล้เคียงกับนาย และเขาก็โดนนายผลัก ด้วยเหตุนี้เขาเลยได้อยู่คลาสF แต่นายดันอยู่คลาส B เพราะงี้ไงนายถึงโดนด่าในอินเทอร์เน็ตไง...”
จีเจ๋อหยู่ตระหนักได้ทันที ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงคิดว่าชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก
ในเรื่องต้นฉบับ เสี่ยวฮ่วยเป็นมาสคอตที่มีพละกำลังเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นลูกครึ่ง เขาจึงถูกเรียกว่าเจ้าชายน้อยเลือดผสม
จู่ๆจีเจ๋อหยูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยความสับสน “ในเมื่อเสี่ยวฮวยอ่อนแอมาก ทำไมเขาถึงยังติดอันดับสูงขนาดนี้ได้?”
“ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน” ไป่เซิงเจี๋ยตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจเป็นเพราะเขามีเสน่ห์ แฟนๆของเขาเรียกเขาว่าเสี่ยวฮุ่ยปี้ เจ้าชายน้อย และอื่นๆอีกมากมาย ความนิยมนั้นสูงมากมาตลอด”
จีเจ๋อหยูตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
มีเสน่ห์เหรอ?
อย่างที่บอก เขาต้องการเพื่อนร่วมทีมแบบนี้จริงๆ เพื่อเรียนรู้จากเขาว่าเสน่ห์เฉพาะตัวคืออะไร
ในเวลานี้ถึงตาของจีเจ๋อหยูที่จะเลือกเพื่อนร่วมทีมของเขาแล้ว
“ทำไมไม่เลือกคลาส D ล่ะ…” ไป่เซิงเจี๋ยแนะนำจากข้างหลังเขา
“ผมเลือก—” จีเจ๋อหยูผายมือออกไปโดยไม่คิด และชี้ไปที่เด็กหนุ่มรูปหล่อในชุดสีเทา “เสี่ยวฮ่วยครับ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้ชมก็เงียบไปทันที ไป่เซิงเจี๋ยและเฟิงหยานที่อยู่ข้างๆต่างก็แสดงออกอย่างเหลือเชื่อ
เสี่ยวฮ่วยที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นเพื่อมองจีเจ๋อหยู แววประหลาดใจแวบผ่านในดวงตาของเขา เขาและเฟิงหยานอยู่บริษัทเดียวกัน เขากำลังรอให้เฟิงหยานเรียกเขา แต่เขาไม่ได้คาดหวังให้จีเจ๋อหยูเลือกเขา
ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าแฟนๆของสองคนนี้เดือดดาลเพราะอันดับเพลงธีม ถ้าอยู่กันเป็นกลุ่มก็จะกลายเป็นประเด็นร้อนในรอบที่ 2 อย่างแน่นอน
ในเวลานี้ เสี่ยวหยูได้เดินไปข้างหน้าจีเจ๋อหยูแล้ว
เสี่ยวฮ่วยแสดงรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบและพูดกับจีเจ๋อหยู “ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะเลือกผมเลย”
ลักษณะใบหน้าของเสี่ยวฮ่วยนั้นเหนือกว่าโดยแท้จริง และเขาก็หล่อยิ่งขึ้นเมื่อเขายิ้มออกมา ทำให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มได้ง่าย
" มาอยู่ด้วยกันนะ " จีจ๋อหยูยังคงยิ้มให้เขา
เสี่ยวฮ่วยเคยได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับจีเจ๋อหยูมาก่อน ส่วนใหญ่บอกว่าเขาเย่อหยิ่งและนิสัยแย่ แต่เมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้าจีเจ๋อหยู เขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่ยิ้มสวยและใจดีคนนึง เรื่องของแฟนคลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคือง
คนอื่นๆในทีมเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว
"ฉันเดาได้ว่าแฟนๆของสองคนนั้นต้องเดือดมากแน่ๆหลังจากตอนนี้ออกอากาศไป"
“นี่รายการไม่ได้จัดให้ใช่ไหม ทำไมรู้สึกว่าแปลกๆ?”
" จู่ๆฉันก็อยากตั้งตารอการแสดงของกลุ่มพวกเขาเลย"
อารมณ์ที่คลุมเครือได้แวบผ่านดวงตาของเหว่ยอี้เฉิน เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยและพูดกับตัวเองว่า " น่าสนใจจริงๆ... "
หลังจากที่ทุกกลุ่มเลือกเพื่อนร่วมทีมครบแล้ว ทางรายการก็ได้สาธิตการเลือกการแสดงสำหรับกลุ่มร้องและเต้น โจทย์ของแต่ละกลุ่มมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง กลุ่มร้องและแต่งเพลงจะทำเพลงภายใต้การแนะนำของเมนเทอร์ผู้สอน
ต่อมาเฉินเหอก็ได้ประกาศกฎการเลือกเพลงขึ้น " นอกจากกลุ่มร้องเพลงและแต่งเพลงแล้ว กลุ่มอื่นๆยังต้องแข่งขันกันด้วยการคัดเลือกเพลงนะครับ"
“วิธีการแข่งขันคือการแข่งขันว่ายน้ำ แต่ละทีมต้องส่งตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันและเลือกเพลงตามอันดับการแข่งขัน”
ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา ทุกคนก็มีท่าทีประหลาดใจ
จีเจ๋อหยูและคนอื่นๆถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าการเลือกกลุ่มร้องและแต่งเพลงนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันอะไรอีก
กลุ่มร้องและแต่งเพลงไปพัก ส่วนกลุ่มอื่นๆก็เริ่มเลือกคนมาแข่งขัน
อาจเป็นเพราะรัศมีของตัวเอก เหว่ยอี้เฉินและลู่หนานหยุนกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันเช่นเดียวกับฉีอ่าวตงและกู้เว่ยยเฉิง
การแข่งขันครั้งแรกคือกลุ่มเต้น รายการได้ขอให้ผู้เข้าแข่งขันเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ ขณะที่คนอื่นๆรอดูการแข่งขันที่ข้างสระ
ผู้เข้าแข่งขัน 5 คนของกลุ่มกลุ่มเต้นสวมกางเกงว่ายน้ำและก้าวเข้ามาในฉาก
ลู่หนานหยุน กู้เว่ยเฉิง และฉีอ่าวตงปรากฎตัวขึ้นและทั้งสามอยู่ในภาพลักษณ์ที่ดูดี
ฉีอ่าวตงเหลือบมองไปที่จีเจ๋อหยูที่ยืนอยู่ข้างสระว่ายน้ำ และพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองดูตัวเองและยิ้มให้อยู่ เขาเลยอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มตอบกลับไป
ลู่หนานหยุนแสร้งทำเป็นเหลือบมองจีเจ๋อหยูโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วคิดว่าจีเจ๋อหยูกำลังมองเขาอยู่ ตอนนี้อารมณ์ที่มืดมนพลันดีขึ้นมาก และเขาแอบยึดมั่นไว้ในใจว่าต้องชนะที่หนึ่งให้ได้
เกมได้เริ่มขึ้น
ลู่หนานหยุนกระโจนลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว ตัวเขายาวและคล่องแคล่วราวกับปลาในน้ำและว่ายไปข้างด้วยความเร็วสูง
บริเวณสระว่ายน้ำก็เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ที่ดุเดือด
" กู้เว่ยเฉิง รีบไปเลยเหลาจื่อ!"
“สู้ๆ อ่าวตงของพวกเราต้องไม่แพ้!”
“หนานเกอ รีบว่ายเร็ว!”
จีเจ๋อหยูรู้สึกประหม่าและตั้งตาดูการแข่งขัน
ลู่หนานหยุนกำลังขึ้นอยู่ กู้เว่ยเฉิงก็ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ส่วนฉีอ่าวตงก็พยายามดิ้นรนเพื่อที่จะตามให้ทัน และอีกสองคนก็รั้งท้าย
เมื่อทั้งสามว่ายผ่านจีเจ๋อหยู เขาก็อ้าปากตะโกน " สู้เขาอ่าวตง ไปเลย!"
แม้ว่าเสียงเชียร์รอบข้างจะโหวกเหวกแค่ไหน แต่ลู่หนานหยุนก็ยังได้ยินเสียงของจีเจ๋อหยูได้ แต่เขาไม่ได้ยินคำว่าอ่าวตง และคิดว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังเชียร์ตัวเองอยู่
หลังจากที่ฉีอ่าวตงได้ยินเสียงเชียร์ของจีเจ๋อหยู การเคลื่อนไหวของเขาก็เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขึ้นมาแซงหน้ากู้เว่ยเฉิง และอยู่ห่างจากลู่หนานหยุนเพียงไม่กี่เซนติเมตร
ด้วยกำลังใจที่เปี่ยมล้นของลู่หนานหยุนก็ทำให้ความเร็วของเขาเร่งขึ้น และเมื่อใกล้เส้นชัยด้วยระยะที่ห่างพอสมควร เขาก็กลายผู้ชนะของกลุ่มเต้นด้วยความได้เปรียบอย่างแท้จริง
และทันทีที่ขึ้นจากน้ำ สีหน้าของลู่หนานหยุนปรากฎความสุขมากกว่าการได้รับรางวัลที่หนึ่งตอนอยู่โรงเรียนหัวกะทิเสียอีก
เมื่อเห็นจบเกม จีเจ๋อหยูก็รีบไปที่ด้านข้างและหยิบผ้าเช็ดตัวและน้ำหนึ่งขวดหนึ่ง พร้อมที่จะเอาไปให้ฉีอ่าวตง
ฉีอ่าวตงเองก็เห็นว่าจีเจ๋อหยูกำลังโบกมือให้เขาและเดินเข้ามาหาช้าๆ
ในตอนนั้นเองที่กำลังเดินเข้าหาอย่างไม่เร่งรีบ เขาไม่่ทันได้สังเกตเห็นคราบน้ำใต้เท้าของตัวเองและกำลังลื่นล้ม ดวงตาของเขาเบิกกว้างและเซถลาไปข้างหน้าจนเกือบจะล้ม
ในวินาทีต่อมา ฝ่ามือกว้างก็ยื่นออกมาจากด้านข้างและจับแขนของเขาไว้แน่นเพื่อหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมอย่างทันท่วงที
แต่จับแรงไปหน่อยนะ
นิ้วเปียกและเย็นชื้น แต่ฝ่ามือกลับอุ่น อุณหภูมิทั้งสองที่แตกต่างทาบอยู่บนแขนของจีเจ๋อหยูในเวลาเดียวกัน ทำให้เขารู้สึกมึนงงอย่างมาก
จีเจ๋อหยูฟื้นสติจากความกใจ และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือนั่น—
นั่นคือลู่หนานหยุน
ลู่หนานหยุนถอดหมวกว่ายน้ำและแว่นตาของเขาไปแล้ว แล้วยกมือเสยผมหน้าม้าขึ้นอย่างลวกๆไม่ให้น้ำหยดลงมา ใบหน้าดูเย็นชาและหล่อเหลา และดวงตาคู่คมของเขามองตรงไปที่จีเจ๋อหยู
ตอนนี้จีเจ๋อหยูอยู่ใกล้กับลู่หนานหยุนมากจนมองเห็นเส้นเลือดที่นูนตามท่อนแขนของอีกฝาย ไหล่กว้าง และกระดูกไหปลาร้าแข็งแรง หน้าอกของเขามีหยดน้ำพราย เป็นเพราะเขาเพิ่งว่ายน้ำเสร็จ และอีกสองสามหยดกำลังไหลลงมาตามกล้ามเนื้อหน้าท้องแปดแพ็คของเขา กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วก็รัดจนสามารถคิดไปไกลได้…
“มองพอหรือยัง”
เสียงขี้เล่นเล็กน้อยเรียกสติจีเจ๋อหยูกลับมา เขาเกือบจะโยนมือของอีกฝ่ายทิ้งด้วยความอิจฉา
ลู่หนานหยุนปล่อยแขนของจีเจ๋อหยู เขาเอื้อมมือออกไปคว้าผ้าเช็ดตัวในมือของคนตรงหน้า แล้วก้มศีรษะลงมองเล็กน้อย ริมฝีปากยิ้มนิดๆแล้วถามว่า " ให้ฉันเหรอ? "
น้ำเสียงดูเรียบเฉยเหมือนเมื่อก่อน แต่ดวงตาของเขาแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าเล็กน้อย
ลู่หนานหยุนคิดเองเออเอง ด้วยเพราะจีเจ๋อหยูเป็นฝ่ายเข้าหาเขาเอง เขาก็จะยอมรับมันอย่างไม่เต็มใจนัก และไม่คิดมากกับเรื่องราวที่ผ่านมา
เมื่อเห็นภาพที่อยู่ไม่ไกล ฉ๊อ่าวตงก็รู้สึกว่าท่าทางของลู่หนานหยุนเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก เขาขมวดคิ้วและเดินไปที่ทั้งสองคนพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา
" ปล่อย "
ผมหน้าม้าของเขาเปียกชื้น และดวงตาที่เย็นเยียบของเขาก็แสดงความเป็นปรปักษ์กับลู่หนานหยุนหย่างชัดเจน