ตอนที่ 14
นอกเหนือจากเนื้อหาของภารกิจแล้ว "Sparkling Stars" มักจะมีรายการย่อยพ่วงมาด้วย อย่างเช่น vlog ของ Shining รวมถึงเรื่องน่ารู้ที่น่าตื่นเต้นและรายการพิเศษบางอย่าง
หลังจากออกอากาศตอนแรกไปไม่นาน ทีมงานของรายการก็ได้ปล่อย vlog ที่ถ่ายทำโดยลู่หนานหยุน และการแข่งขันวอลเลย์บอลกระชับมิตรอย่างต่อเนื่อง
หลังจาก vlog ของลู่หนานหยุเผยแพร่แล้ว แฟนๆของเขาต่างก็ตื่นเต้น พวกเขายังฟลัดข้อความทั้งหมดว่า " หนานเกอหล่อมาก!" " อยากดูหนานเกออีกๆ" และ " โว้วๆ พวกเขายังมีอีกเยอะเลย กดนี่!" …
นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับคนอื่นอีกหลายคนที่เข้ามาดู vlog—ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพื่อมาดูว่ามีไอดอลของตัวเองอยู่ในนั้นหรือเปล่า และตามหา “โมเมนต์”
อย่างที่ทุกคนรู้ ลู่หนานหยุนเข้ากันได้ดีกับว่านหลง และกู้เว่ยเฉิงในรายการ เขามีบุคลิกที่ค่อนข้างเย็นชา และมักจะปรากฏตัวหน้ากระจกพร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านั้น
แต่คราวนี้ ทุกคนดูเหมือนจะได้กลิ่นบางอย่างที่แตกต่างออกไปในVloของลู่หนานหยุน
ในกลุ่มสนทนาบนแพลตฟอร์มสักที่หนึ่ง มีคนโพสต์ถามขึ้นมาว่า“ทุกคนได้ดู vlog ของลู่หนานหยุนแล้วหรือยัง? มีข่าวลือว่าจีเจ๋อหยูอยากเข้าใกล้ลู่หนานหยุนมาก
เห็นได้ชัดว่าตอนแสดงจีเจ๋อหยูอยากให้เขาสนใจ แต่ดูเหมือนพวกเขากำลังมีความลับนะ ใน vlog นี้ ดูเหมือนว่าจีเจ๋อหยูมาโผล่อยู่หลายฉากเลยนะ? "
ทันทีที่โพสต์ออกไป ก็เกิดการสนทนาที่มีชีวิตชีวาขึ้นในทันที
“บัดซบ ฉันมัวแต่หวีดหนานเกอฝึกเต้น แต่ฉันไม่ได้สังเกตว่าจีเจ๋อหยูโผล่มาตั้งหลายครั้ง…”
“ฉันนับจำนวนครั้งแล้ว จีเจ๋อหยูออกมาประมาณสิบครั้งได้ แล้วvlogก็แค่แปดนาทีเองนะ”
“เกิดอะไรขึ้น ข่าวลืออาจไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม แฟนๆของลู่หนานหยุนนั้นก็รีบออกมาพูด " อย่าเดามั่วกัน แม้ว่าหนานเกอจะเย็นชาไปบ้าง แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนใจดีมากเลยนะ ตอนที่รู้ว่าจีเจ๋อหยูถูกด่าก่อนหน้านี้ เขาเลยใช้วิธีนี้ปลอบเขายังไงล่ะ"
แฟนๆของจีเจ๋อหยูตอบกลับทันที “ฉันน่ะแค่เดา แต่ข้างบนนี่เธออยู่ที่นั่นหรือไง? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจโดยธรรมชาติของแฟนๆของลู่หนานหยุน พวกเขาคิดว่าแฟนๆของจีเจ๋อหยูนั้นถูกต้อง และคำวิจารณ์ของแฟนคลับของพวกเขานั้นก็ถูกต้อง และพวกเขาก็เริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง
ต่อมารายการได้ปล่อยวิดีโอการแข่งขันวอลเลย์บอลกระชับมิตรออกมา เป็นการแข่งกีฬาที่กระชุ่มกระชวยและสดใสของวัยรุ่น จนดึงดูดผู้คนมากมาย ความนิยมเพิ่มขึ้นในทันทีและประสบความสำเร็จในรายการค้นหายอดนิยม
ท่ามกลางการเล่นกีฬาทั้งหมด ที่สะดุดตาที่สุดคือเกมแรกอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นคือทีมของจีเจ๋อหยู, เหว่ยอี้เฉิน และลู่หนานหยุน ซึ่งเป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะทั้งสามคนอยู่ในทีมเดียวกัน
ฉากที่เหว่ยอี้เฉินบังลูกบอลให้จีเจ๋อหยูมันถูกตัดต่อให้เป็นฉากสโลว์โมชั่นจากทีมงาน และมันก็ถูกเล่นทำซ้ำสามครั้งจากมุมที่ต่างกัน แถมยังถูกทำเครื่องหมายด้วยคำใหญ่สองสามคำว่า—
[ มิตรภาพของพวกพ้อง 】
และด้วยเพลงประกอบที่ไพเราะ ทำให้แทบไม่มีบทพูดเลย
ทันทีที่ภาพนี้ออกมา คอมเมนต์ก็ล้นทะลักราวกับเขื่อนกั้นน้ำแตก
“นี่คือรักแท้ใช่ไหม!”
“ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ ขอบคุณ”
“มือของเหว่ยอี้เฉินใหญ่มาก จู่เขาก็กอดเอวของเสี่ยวจี”
" ตอนที่จีเจ๋อหยูล้มในอ้อมแขนของเหว่ยอี้เฉินช่างดีเหลือเกิน โอ้ววว..."
คำพูดข้างบนเป็นคำพูดของคนที่มองดูความตื่นเต้นและไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ หลังจากที่แฟนๆของเหว่ยอี้เฉินเห็นเข้า พวกเขาก็แทบระเบิดลง
“แย่มาก ตั้งใจตัดให้คลุมเครือจริงๆใช่ไหม”
" จำตอนที่จีเจ๋อหยูบอกให้เหว่ยอี้เฉินยกที่นั่งให้เขาในตอนแรกไม่ได้หรือไง? เห็นได้ชัดว่ารายการพยายามบังคับให้คนกินน้ำตาลในเลือด?"
“นี่ต้องไม่ใช่แน่ๆ นี่เป็นการเยอะเย้ยเขา ไม่มีใครสนใจอี้เฉินเลย!”
" ใครกล้าพูดถึงคู่ชิปในหน้าแรกของฉัน ฉันจะลบออกสองครั้งโดยไม่ต้องอธิบาย"
ในไม่ช้า การโต้เถียงเกี่ยวกับจีเจ๋อหยูบนอินเทอร์เน็ตก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แฟนๆของลู่หนานหยุนคิดว่าจีเจ๋อหยูต้องการที่จะรักษาอันดับที่ถูกพูดถึงและแฟนของเหว่ยอี้เฉินไม่พอใจอย่างมากกับพฤติกรรมคู่ชิปที่น่าสงสัยของรายการ และในขณะเดียวกันก็ผสมกับความเห็นถากถางดูถูกของแฟนๆเสี่ยวฮ่วย
เสี่ยวฮ่วยทำคะแนนได้เท่ากันกับจีเจ๋อหยูตอนเต้นเพลงธีม แต่เขากลับได้อยู่คลาส F ส่วนจีเจ๋อหยูยังคงอยู่ใน Class B เหตุการณ์นี้ทำให้แฟนๆของเสี่ยวฮ่วยไม่พอใจอย่างมาก และนี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่จีเจ๋อหยูถูกเยาะเย้ยมากที่สุด
ในคืนนั้นเอง หยุนเจี๋ยปรากฏตัวอีกครั้งในอาคารที่บันทึกของรายการ และได้มาเจอจีเจ๋อหยูด้วยตนเอง
ตามปกติ เธอจะเรียกจีเจ๋อหยูไปหลบที่มุมเงียบๆ เธอวางมือทาบอกของเธอ การแต่งหน้าที่ละเอียดอ่อนทำให้เธอดูเป็นทางการมากขึ้น เธอถามจีเจ๋อหยูขึ้นว่า " ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอคิดอย่างไรกับสิ่งที่เธออยากเป็น "
“ผมกำลังเล่นเวท...” จีเจ๋อหยูพูดอย่างมั่นใจ
" ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน " หยุนเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อยและหยุดพูดครู่หนึ่ง “แฟนๆของเธอเห็นเธอยกเวทในยิมจากvlogของลู่หนานหยุนไปแล้ว พวกเขาตกใจแล้วก็งงกับเรื่องนี้”
จีเจ๋อหยูเบิกตากว้างและพูดด้วยความประหลาดใจ " อ่า ทำไมเหรอครับ?"
“ดูข้อความส่วนตัวที่พวกเขาส่งมาสิ พวกเขาขอร้องเธอว่าอย่ายกเวทได้ไหม” หยุนเจี๋หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและแสดงให้เขาดูด้วยท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก ในเวลาเดียวกัน เธอก็กล่าวว่า " เสี่ยวหยู เธอต้องการที่จะเหมือนกู้เว่ยเฉิงอย่างงั้นเหรอ? ฟังฉันนะ ลักษณะของเธอไม่เหมาะกับรูปร่างแบบนั้น"
จีเจ๋อหยูเหลือบมองไปที่ข้อความของแฟนคลับ " เอาจีเจ๋อหยูออกห่างจากบาร์เบลล์เถอะ " และถามอย่างงงงวยว่า " พวกเขาไม่ชอบไอดอลที่แข็งแรงกว่านี้เหรอ?"
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” หยุนเจี๋ยเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ “เธอไม่เคยรู้เลยใช่ไหมว่ามันไม่ได้ และเธอก็ไม่สามารถทำได้ในอนาคตด้วย เธอต้องมีสติ!”
เมื่อจีเจ๋อหยูฟังเธอพูดจนจบ เขาก็ตระหนักขึ้นได้ในทันที ถ้าเขากลายเป็นเหมือนกู้เว่ยเฉิง มันคงดูเป็นข้อห้ามที่ร้ายแรงมาก…
เขามัวแต่ขึ้นถึงเรื่อง " ความแตกต่าง " แต่เขาไม่ได้คิดถึงผลลัพท์ที่ตามมา
" นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนด่าเธอในอินเทอร์เน็ต" การแสดงออกของหยุนเจี๋ยเริ่มจริงจังขึ้น “อย่างที่ฉันคิดไว้ หลังจากการแสดงครั้งแรกปล่อยออกไป แม้ว่าคนพวกนั้นจะไม่โจมตีจุดแข็งของเธอ แต่ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มด่าเธอ พฤติกรรมของเธอในรายการบอกว่าเธอเป็นคนนิสัยไม่ดีแล้วก็ชอบข่มเหงคนอื่น”
จีเจ๋อหยูคิดในใจ...เขาทำงานหนักมากแล้วทำไมเขายังต้องรับผิดชอบจีเจ๋อหยูคนเดิมด้วย!
“ดังนั้นเรื่องที่ฉันขอให้เธอหาคาเรคเตอร์ของตัวเองน่ะ ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว” หยุนเจี๋อมองจีเจ๋อหยูแน่วแน่ “เธอต้องจำไว้ว่าบุคลิคที่เหมาะสมจะเป็นเกราะกำบังให้เธอต่อที่สาธารณะได้ และสามารถดึงดูคนที่ไม่สนใจตั้งแต่แรกมาสนใจได้”
จีเจ๋อหยูเงียบไปครู่หนึ่งและพูดเบา ๆ " ผมจะคิดดูอีกที "
หลังจากที่หยุนเจี๋ยจากไป จีเจ๋อหยูก็ตกอยู่ในความสับสน เขาแข่งขันในรายการแบบนี้มาเยอะมาก แต่กลับสับสนได้ขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอปัญหาที่ไม่รู้จัก
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่นาน จีเจ๋อหยูก็ต้องสงสัยว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาไม่ดีเลยหรือเปล่า?
ก่อนนอนตอนกลางคืน จีเจ๋อหยูก็ถามคำถามกับฉีอ่าวตงว่า " อ่าวตง นายคิดว่าฉันขี้เหร่หรือเปล่า?"
ฉีอ่าวตงลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันที เขาหอบเล็กน้อยและตอบว่า " ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นละ?"
จีเจ๋อหยูถอนหายใจและรู้สึกว่ามันเป็นคำถามที่ไม่มีอะไร ถึงอย่างไรฉีอ่าวตงก็อายุเพียง 19 ปีเท่านั้น อายุจิตของอีกฝ่ายนั้นอายุน้อยกว่าเขามาก แล้วพูดง่ายๆว่า " ลืมไปเถอะ คิดว่าฉันไม่ได้ถามแล้วกัน "
เมื่อเห็นว่าจีเจ๋อหยูกำลังอารมณ์ไม่ดี ฉีอ่าวตงก็ลุกจากเตียงแล้วเดินไปข้างๆเขาแล้วพูดกับเขาว่า " ไปกัน ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง"
จีเจ๋อหยูตกตะลึง จากนั้นเขาก็เดินตามฉีอ่าวตงออกจากประตูไป เดินผ่านทางเดินยาวจนมาถึงระเบียงที่เงียบสงบในตึก
มันเป็นช่วงต้นฤดูร้อน อากาศเลยเย็นหน่อยๆ และดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ดูเหมือนกับม่านระยิยระยับ เมื่อมองลงมาจากระเบียงก็จะมองเห็นถนนและแสงไฟโดยรอบอย่างชัดเจน
“ตอนที่ผมเข้าร่วมการแสดงครั้งแรก ผมรู้สึกแย่และมักจะมาที่นี่เสมอ” ฉีอ่าวตงกล่าวว่าเมื่อมองทอดสายตาไปไกล " ในตอนนั้น ผมยังสงสัยว่าผมไม่เหมาะกับวงการบันเทิงเลยหรือเปล่านะ"
" ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?" จีเจ๋อหยูถามด้วยความสงสัย ในความเห็นของเขา ฉีอ่าวตงที่เป็นสไตล์หนุ่มKpopที่ได้รับความนิยม อายุน้อยและเก่งกาจ เขาเหมาะมากสำหรับวงการบันเทิง
“เพราะผมไม่รู้อะไรเลย ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก บ้านผมยากจนมาก แถมผมเรียนไม่เก่งอีก ผมก็ต้องตะเกียกตะกายตั้งแต่ม.ต้น” ฉีอ่าวตงพูดอย่างใจเย็น และจู่ๆก็หันไปมองจีเจ๋อหยู " อ่า...นี่เป็นระวัติอันมืดมนของผม คุณต้องเก็บให้มิดเลยนะ"
จีเจ๋อหยูเห็นความกระวนกระวายใจแวบผ่านดวงตาของเขาและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พรุ่งนี้ฉันจะไปแก้ข่าว”
ฉีอ่าวตงรู้สึกขบขันและพูดต่อ " ผมทำข้อตกลงกับซิงหยูเพื่ออยากหาเงิน แต่มันดูไม่มีโอกาสเลย จนมีคนลาออกไป ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเป็นเด็กฝึกอีกสองสามปี "
นัยน์ตาด้านข้างที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเย็นชานั้นดูนุ่มนวลขึ้นในตอนนี้ แม้จะดูโดดเดี่ยวเล็กน้อยก็ตาม
“ตอนที่ผมแสดงเป็นครั้งแรก คิดว่าคงต้องเก็บกระเป๋าแล้วก็ทิ้งทุกอย่างไว้” ฉีอ่าวตงหยุดชั่วคราวแล้วมองเข้าไปในดวงตาของจีเจ๋อหยู และพูดอย่างจริงจังว่า " หลังจากนั้นคุณก็เปลี่ยนแปลงมัน ทำให้ผมมีโอกาสอีกครั้งที่จะได้แสดง ... "
จีเจ๋อหยูพูดอย่างเร่งรีบ " อย่าพูดอย่างนั้น ตอนนั้นนายทำได้เยี่ยมจริงๆ "
“อันที่จริงผมไม่รู้ว่าเสน่ห์คืออะไร” ฉีอ่าวตงกล่าวต่อ “บางทีเสน่ห์ควรถูกตัดสินจากคนอื่น” ขณะที่เขาพูด สายตาของเขาก็จ้องไปที่ใบหน้าของจีเจ๋อหยู
จีเจ๋อหยูรู้สึกหงุดหงิดน้อยลงเมื่อได้ยิน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เหยียดมือออกมาเกาแขนแล้วกระซิบ " อ่าวตง ที่นี่ดีมาก แต่ยุงก็เยอะมากเหมือนกัน..."
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีอ่าวตงก็เลื่อนฝ่ามือหนามาจับเข้าที่นิ้วของเขาเบาๆ แล้วดึงมือของเขาไปข้างหน้า จากนั้นก็กดข้อมือเขากับกับข้อมือของอีกคน
จีเจ๋อหยูตกใจ ราวกับว่าเขาสัมผัสได้ถึงชีพจรของอีกคนบนข้อมือของเขา
" ผมทายากันยุงแล้ว มาแบ่งกันเถอะ" ฉีอ่าวตงบอกอย่างเป็นธรรมชาติ
ในที่สุดจีเจ๋อหยูก็ตั้งสติได้ เขาเกาหัวด้วยความงุนงง และเอ่ยขอบคุณ
หลังจากคุยกับฉีอ่าวตงแล้ว จีเจ๋อหยูก็ไม่อยากคิดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านี้รออยู่ นั่นคือการรวมทีมและซ้อมสำหรับการแสดงครั้งที่สอง
หลังจากพิจารณาความนิยมของผู้เข้าแข่งขันในแต่ละกลุ่มแล้ว รายการก็แบ่งออกเป็นกลุ่มตามลําดับที่เลือก จีเจ๋อหยูไปที่กลุ่มร้องตามที่เขาต้องการ
เมื่อลู่หนานหยุนเห็นบนกระดานดำว่าเขาอยู่กลุ่มเต้น เขาเริ่มมองหาชื่อของจีเจ๋อหยูแต่ก็หาไม่เจอเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้ว
จนกระทั่งว่านหลงปรากฏตัวข้างๆเขาและพูดเสียงดังว่า " ผมไปที่กลุ่มโชว์พลังเสียง ซึ่งมันเยี่ยมมากเลย "
จากนั้นว่านหลงก็เอื้อมมือไปที่รายชื่อกลุ่มร้อง แล้วพูดกับลู่หนานหยุนอย่างมีความสุข " หนานเกอ จีเจ๋อหยูไปกลุ่มร้องจริงๆ พี่คิดว่าผมโกหกพี่เหรอ? แล้วพี่อยู่กลุ่มไหน...”
“กลุ่มร้อง?” แววตาลู่หนานหยุนสั่นและเขาก็รีบมองไปตามนิ้วของว่านหลง ตามที่คาดไว้ เขาเห็นชื่อของจีเจ๋อหยูปรากฏในกลุ่มร้องอันดับที่สอง
ลู่หนานหยุนไม่อยากจะเชื่อเลย เขาเกือบจะเอื้อมมือไปคว้าคอของว่านหลงแล้ว เขาแปลกใจมาก " จีเจ๋อหยูไปกลุ่มร้องเหรอ!"
" จะเป็นอะไรได้ล่ะ?" ว่านหลงดูว่างเปล่า “ผมไม่ได้บอกเหรอว่าเขาอยู่กลุ่มร้อง? หนานเกอ พี่มีอะไรกับการจัดกลุ่มเหรอ?”
ลู่หนานหยุนกำมือแน่น พยายามรักษาความสงบครั้งสุดท้าย เขากัดฟันและพูดว่า " ไม่ ฉันเข้าใจแล้ว"
ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจของลู่หนานหยุนก็สับสน เขามีโชคเป็นพัน แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ว่านหลงพูดครั้งนี้เป็นความจริง!