101-102
1/10
Ep.101
เฉาหรานพยักหน้ารับคำ ก้าวออกไปและเริ่มลงมือทันที
เขากระชับมีดในมือ ค่อยๆทิ่มปลายแหลมลงตรงขอบตาของหลี่เหลียง คว้านมันออกมาจนเกลี้ยง
ซูเฉินมองไปยังเฉาหรานอย่างลึกล้ำ ลอบคิดกับตัวเอง ‘ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าเฉาหรานจะโหดร้ายขนาดนี้ ถ้าจับเขามาฝึกดีๆ มั่นใจได้เลยว่าเขาสามารถเป็น ‘เพชฌฆาต’ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้’
ในอนาคต หากซูเฉินต้องการสร้างขุมกำลังของตัวเองขึ้นมา เขากะว่าจะสร้างห้องทรมานสักห้องหนึ่ง ซึ่งเฉาหรานเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยนี้
หลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น เฉาหรานเดินกลับมาหาซูเฉินด้วยความพึงพอใจ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พี่เฉิน พวกเราจะทำยังไงต่อ?”
ได้ยินประโยคนี้ หวู่หยางกับตันหลินก็เดินมาหาซูเฉิน ทว่าสีหน้าของพวกเขาดูไม่ค่อยดีนัก
ซูเฉินเพิ่งสังหารลูกชายของเจ้าเมืองจิงกัง หวงคังมีหรือจะยอมปล่อยพวกเขาไป?
พวกเขาจะสามารถหนีไปจากที่นี่ได้หรือไม่?
ซูเฉินไม่สนใจ หันมาเอ่ยกับเฉาหราน “พาหลี่เหลียงไปด้วย แล้วตามฉันมา”
เฉาหรานไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากความ เขาวางตัวเป็นน้องเล็กของซูเฉิน สิ่งใดที่พี่ใหญ่สั่ง น้องเล็กก็แค่ทำตาม
เขาเดินไปลากคอหลี่เหลียงและตามซูเฉินไป
หลังออกจากประตูคฤหาสน์ ซูเฉินชี้ไปที่ [รถศึกอัจฉริยะ] “ทุกคนขึ้นรถ”
“พี่เฉิน คุณกลับมาแล้ว” สือต้าหนิวตรงออกมาต้อนรับ
เมื่อเห็นซูเฉินออกจากคฤหาสน์ของหวงจวินหลินโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ในที่สุดเขาก็โล่งใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นเฉาหรานลากบุคคลที่มีสภาพไม่สมประกอบตามมา สีหน้าของเขาก็กลายเป็นแข็งทื่อ
“ซูเฉิน นี่คือรถฐานทัพของนายหรอ?” ดวงตาของตันหลินเป็นประกาย
รูปลักษณ์ของ [รถศึกอัจฉริยะ] ดึงดูดความสนใจของเธออย่างสมบูรณ์
“ใช่ มันเป็นของฉันเอง” ซูเฉินยิ้ม และบอกให้ทุกคนขึ้นรถ
เมื่อเข้าไปข้างในรถ ซูเฉินแนะนำสั้นๆให้แต่ละคนรู้จักกัน เอาไว้รอให้พูดคุยกันเยอะๆในภายหลัง เดี๋ยวก็คุ้นเคยกันเอง
สักพักหนึ่ง เขาเอ่ยถาม สือต้าหนิวว่า “ต้าหนิว ฉินหลางอยู่ที่ไหน?”
สือต้าหนิวรู้ว่าซูเฉินกำลังจะไปฆ่าฉินหลางต่อ เขาดีใจจนเนื้อเต้น รีบตอบว่า “พี่เฉิน ฉินหลางมักประจำการอยู่ในหอการค้าถงฟู่”
ซูเฉินพยักหน้า หันไปพูดกับ [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ไปหอการค้าถงฟู่”
“ขอรับเจ้านาย”
ได้รับคำสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เริ่มสตาร์ทเครื่อง และเคลื่อนไปตามทิศทางที่สือต้าหนิวชี้
“ซูเฉิน รถฐานทัพของนายพูดได้ด้วยหรอ? แล้วนี่ยังไงกัน อย่าบอกนะว่ามันขับเคลื่อนอัตโนมัติได้??” ตันหลินเบิกตากว้าง เฝ้ามองด้วยความประหลาดใจ
ฟังก์ชั่นของ [รถศึกอัจฉริยะ] มันอยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของโลกใบนี้
ไม่ว่าใคร เมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรก พวกเขาย่อมอยากรู้อยากเห็น
ซูเฉินยิ้ม อธิบายว่า “เสี่ยวจือเป็นเทคโนโลยีไฮเทค ไว้ต่อไปเดี๋ยวเธอก็จะค่อยๆเข้าใจมันมากขึ้นเอง”
“อ้อ” ตันหลินพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ
“สุดยอดไปเลย!”
เฉาหรานเดาะลิ้น ลอบร้องในใจว่า ‘พี่เฉินไม่ใช่แค่ทรงพลัง แต่ยังมีรถฐานทัพที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร อย่างที่คิดไว้เลย โลกของยอดคน ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำความเข้าใจได้’
แม้หวู่หยางจะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ไม่นานมันก็ถูกความไม่สบายใจเข้ามาแทนที่
เพราะในเวลานี้พวกเขาสมควรรีบหนีออกจากเมืองจิงกังมิใช่หรือ? ทำไมต้องไปที่หอการค้าถงฟู่ก่อนด้วย?
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ [รถศึกอัจฉริยะ] กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย หวู่หยางค้นพบบางสิ่งที่มันน่าแปลกมาก
พวกเขาออกรถมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ทว่าไม่เพียงแต่ไม่มีใครออกมาสกัดกั้น กระทั่งเวลาที่มีผู้คนพบเห็นพวกเขา ทั้งหมดกลับรีบหลีกทางราวกับหนูเห็นแมว หนีไปซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?
ที่นี่คือเมืองจิงกังไม่ใช่หรอ?
ทั้งๆที่ลูกชายเจ้าเมืองถูกฆ่า แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่มีใครตามมาล้างแค้นเลย?
ระหว่างที่กำลังเกิดความสงสัยนั้นเอง ไม่ไกลออกไป หวู่หยางก็หันไปเห็นกระดูกของพวกทหารรักษาการณ์จำนวนมาก กองกระจัดกระจายอยู่บนถนน
2/10
Ep.102
การตายของทหารรักษาการณ์น่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง ศพบางส่วนอวัยวะถูกแยกจากกัน บ้างก็ถูกเผา บ้างก็เหลือแค่ชิ้นเนื้อก้อนโต ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของผู้ตายคนใด
สรุปพอสังเขปก็คือ ฉากนี้โคตรโหดและโคตรเหี้ยมมาก
แม้แต่คนอย่างหวู่หยาง ที่เคยได้เห็นฉากอันโหดร้ายมามากมาย ก็ยังสั่นสะท้านด้วยความกลัว
เขาพาลคาดเดาไปว่า จะต้องมีผู้แข็งแกร่งมากๆบุกเข้ามาสังหารหมู่ในเมืองจิงกังแน่ๆ เพราะเหตุนี้เองทำให้ไม่มีใครมีเวลามาจับกุมพวกเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หวู่หยางรู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนซูเฉิน “ซูเฉิน ดูเหมือนว่าเมืองจิงกังกำลังประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทำไมพวกเราไม่ฉวยโอกาสหนี ระหว่างความสับสนวุ่นวายนี้ล่ะ?”
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินเกือบหลุดหัวเราะออกมาดังๆ เพราะภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่ว่า มันคือตัวเขาเอง เช่นนั้นทำไมต้องหลบหนีด้วย?
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือต้าหนิวที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาว่า “ลุงหวู่ ศพทหารรักษาการณ์ข้างนอก เป็นฝีมือพี่เฉินเอง”
“ว่ายังไงนะ!?”
หวู่หยางและคนอื่นๆอ้าปากค้าง ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน
ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาอึ้งทึ่งของทั้งสาม สือต้าหนิวเริ่มบรรยายสิ่งที่ตาเห็น เล่าตั้งแต่วินาทีที่เขาเข้ามาในเมืองจิงกัง แต่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องราวในคฤหาสน์ของหวงจวินหลิน
หลังจากได้ฟัง หวู่หยางและคนอื่นๆตะลึงงันตัวแข็งทื่อ
ก็รู้อยู่หรอกว่าซูเฉินแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
พลังของคนๆเดียว สามารถสะกดข่มไม่ให้คนทั้งเมืองเคลื่อนไหวได้
กลุ่มผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราต่างพากันหนีหน้า
กระทั่งเจ้าเมืองอย่างหวงคังยังไม่กล้าแสดงตัว ทั้งๆที่ลูกน้องและลูกชายของเขาถูกฆ่าตาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของซูเฉิน
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ ว่าเหตุใดซูเฉินถึงไม่รีบร้อนออกจากที่นี่
ซูเฉินเป็นเสมือนเทพเจ้าล่าสังหารที่หาผู้ใดเทียมเทียบได้ มีเพียงเทพเจ้าด้วยกันเท่านั้นจึงจะหยุดเทพเจ้าล่าสังหารเช่นเขาได้ เฉกเช่นพระพุทธเจ้าที่หยุดองคุลีมาล
และเมืองจิงกังไม่มีบุคคลเช่นนั้น การเดินทางในเมืองของพวกเขาจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ก็แล้วใครเล่าที่จะเบื่อชีวิต และกล้าตะโกนหยุดซูเฉิน?
ข้อเท็จจริงนี้ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ทุกแห่งที่ซูเฉินไป ทุกคนในเมืองจิงกังล้วนหลีกทางให้
หวู่หยางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ จิตใจสั่นไหวไปชั่วขณะ
เขายังคงจดจำได้แม้จะเลือนลาง ในตอนที่ซูเฉินมายังสถานชุมชนเทียนหนานครั้งแรก เขายังเป็นเพียงตัวตนเล็กจ้อยไม่โดดเด่นอะไร ทว่าจู่ๆสายลมและเมฆฝนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน สรรพสิ่งใดๆในโลกล้วนไม่จีรัง--
--ในชั่วพริบตา ซูเฉินได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขากลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งชนิดที่ต่อให้แหงนหน้ามอง หวู่หยางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของซูเฉิน
“อา..! ช่างเป็นสัตว์ประหลาดขนานแท้!” หวู่หยางทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ
“เอื๊อก! พี่เฉินโคตรสุดยอดเลย!” เฉาหรานเองก็พร่ำเพ้อไม่หยุด
ณ จุดนี้ เฉาหรานชื่นชมซูเฉินสุดหัวใจ นอกจากเอ่ยคำว่า ‘สุดยอด’ แล้ว ก็ไม่มีคำใดที่เหมาะสมแก่การอธิบายอีก
ดวงตาคู่งามของตันหลินเปล่งประกาย ไม่อาจละสายตาจากซูเฉิน
เธอเชื่อเสมอ ว่าไม่ช้าก็เร็วชายที่เธอเลือกจะทะยานสู่ฟากฟ้า มุ่งสู่ความสำเร็จจนผู้อื่นต้องแหงนหน้ามอง
เพียงแต่ไม่คิดว่าวันนั้นจะมาเร็วขนาดนี้ มันรวดเร็วคล้ายเป็นเพียงภาพมายา เธอเคยสงสัยอยู่หลายครั้งว่านี่อาจเป็นแค่ฝันไป
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของทุกคน ซูเฉินปาดจมูกเขา แอบบ่นว่า “อย่ามองฉันด้วยสายตาเทิดทูนแบบนี้จะได้ไหม มันน่าอายนะ”
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ขับมาถึงหน้าร้านค้าขนาดใหญ่และจอดลง
“พี่เฉิน ที่นี่แหละ” สือต้าหนิวหันมาบอก
ซูเฉินหรี่ตา มองออกไป เห็นแค่ว่าประตูร้านปิดอย่างแน่นหนา บนแผ่นป้ายด้านบนมีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนว่า ‘หอการค้าถงฟู่’
“ต้าหนิวตามฉันลงมา คนอื่นๆรออยู่ในรถ” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ ก้าวลงไป
เดินมาถึงหน้าประตูร้าน ซูเฉินง้างขา เตะกวาดอย่างแรง
ได้ยินเพียงเสียง ‘ปัง!’ ดังขึ้น ประตูทั้งบานพังทลายลงทันที