91
4/7
Ep.91
ยามรับหินพลังงานไป กะน้ำหนักดูสักครู่ จากนั้นกวาดสายตามองซูเฉิน เอ่ยถามว่า “คุณมาจากที่ไหน?”
“สถานชุมชนเฟยเหนียว” ซูเฉินตอบโดยไม่เสียเวลาคิด
เมื่อได้ยินว่าซูเฉินมาจาก ‘สถานชุมชนเฟยเหนียว’ สายตาของยามพลันทอประกายกลอกกลิ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ค่าเข้าเมืองเปลี่ยนแล้ว หนึ่งคนต้องจ่ายหินพลังงานสิบก้อน ถ้ามีรถฐานทัพมาด้วย ต้องเพิ่มอีกร้อยก้อน”
เหตุผลที่เขากล้าพูดแบบนี้ เพราะเขาได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือมา ใจความว่า ‘สถานชุมชนเฟยเหนียว’ กำลังถูกซอมบี้จำนวนมากปิดล้อม อีกไม่นานก็จะล่มสลายลง
ดังนั้นในสายตาของเขา ซูเฉินจึงตกอยู่ในสถานะผู้ลี้ภัย และคงเป็นผู้ลี้ภัยที่ร่ำรวยมาก มิฉะนั้นคงไม่มีรถฐานทัพที่เด่นสะดุดตาเช่นนี้
เพราะแบบนี้เอง เขาจึงฉวยโอกาสนี้รีดไถหินพลังงานจากซูเฉิน
“ลองพูดอีกครั้งซิ?” ม่านตาของซูเฉินหดลีบลง กลิ่นอายสังหารแผ่ออกมา เวียนว่ายรอบกายเขา
เขาไม่ใช่คนโง่ เพียงฟังก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่ายามคนนี้กำลังรีดไถตนเอง
ไอ้สุนัขตาบอด คิดว่าเขาเป็นแค่ลูกพลับอ่อนนุ่ม จะกลั่นแกล้งอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ?
ภายใต้สายตาจับจ้องของซูเฉิน ยามคล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ชักฝีเท้าถอยไปหนึ่งก้าว เอ่ยเตือน “เจ้าหนู ที่นี่คือเมืองจิงกัง ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะอาละวาดได้ ถ้าไม่มอบหินพลังงานมา ก็ออกไปจากที่นี่ซะ!”
เดิมในใจซูเฉินก็ร้อนรนดั่งไฟเผาอยู่แล้ว แต่เพราะรีบร้อนจะเข้าเมือง เลยไม่อยากมีปัญหากับทหารยาม แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายน่ารังเกียจเช่นนี้ ประโยคเมื่อครู่ ได้จุดไฟแห่งความโกรธให้ลุกโชนอย่างสิ้นเชิง
“ไอ้สารเลว!”
ซูเฉินฟาดฝ่ามือใส่หน้ายาม ใส่เต็มเหนี่ยวจนอีกฝ่ายปลิวกระเด็นออกไป
ตามมาติดๆด้วยเสียงกรีดร้อง ยามกระแทกเข้ากับกำแพงเมือง ร่างค่อยๆครูดลง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด
ซี๊ด..!
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ฝูงชนรอบด้านต่างสูดหายใจเย็นเยียบ
ประตูเมืองที่เดิมคึกคักและมีชีวิตชีวา บัดนี้ตกอยู่ในความเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
“ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนั่นมันบ้าไปแล้วหรอ?”
“แม้แต่ยามเฝ้าประตูยังกล้าฆ่า เจ้าเด็กนั่นตายแน่”
…
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ได้สติกลับมา ชี้ไม้ชี้มือไปทางซูเฉิน
ชายอ้วนเหลือบมองซูเฉินและเอ่ยพึมพำด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น “สมน้ำหน้าแก กล้าทำตัวอวดดี คราวนี้มาดูกันว่าแกจะยังหยิ่งยโสได้อีกนานแค่ไหน”
สือตั้วตั้วบน [รถศึกอัจฉริยะ] จับมือสือต้าหนิว กล่าวอย่างกังวล “พี่คะ หนูตาฝาดไปรึเปล่า พี่เฉินคงไม่ได้ฆ่าทหารยามจริงๆใช่ไหม?”
“เขาทำจริงๆ” สือต้าหนิวขบกรามแน่น ในใจร้อนรนดั่งถูกแผดเผา
ย้อนกลับไปในตอนที่เขารู้ว่าซูเฉินกำลังไปยังเมืองจิงกังเพื่อสังหารฉินหลาง เขาก็ทราบแต่แรกแล้วว่าการเดินทางครั้งนี้คงอันตรายถึงชีวิต
แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าสถานการณ์ร้ายแรงจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
ซูเฉินสังหารยามเฝ้าประตูเมือง เท่ากับเป็นการท้าท้ายศักดิ์ศรีของเมืองจิงกังทั้งเมือง
และเมืองจิงกังจะต้องทำการตอบโต้อย่างบ้าคลั่งอย่างแน่นอน
ต่อให้ซูเฉินเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 ก็ตาม หากต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของเมืองใหญ่ หนทางข้างหน้าคงถูกตัดขาด ชะตากรรมเหลือเพียงรอความตายเท่านั้น
ส่วนตัวเขาและน้องสาว ก็คงไม่รอดชีวิตเหมือนกัน
“ฆ่ามัน!” ยามเฝ้าประตูคนอื่นๆเริ่มตอบสนอง พากันหยิบอาวุธขึ้นมา ร้องคำรามตรงเข้าหาซูเฉิน
ซูเฉินวาดมืออย่างไม่ใส่ใจ ใบมีดสายลมสีเทาส่งเสียงหวีดหวิว สะบั้นหัวทหารยามเหล่านั้น
“เวทมนต์!? ที่แท้เขาเป็นปรมาจารย์มนตรา!”
ในฝูงชน ไม่ทราบว่าใครกรีดร้องขึ้นมา แต่จากนั้นก็เกิดเสียงโต้เถียงกันอย่างรุนแรง
“เป็นไปได้ยังไง พละกำลังของเขา มองยังไงก็เป็นผู้วิวัฒนาการชัดๆ”
“แกตาบอดหรอ ไม่เห็นรึว่าเขาใช้เวทย์ลม?”
“แต่คนๆเดียวจะเป็นทั้งผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราได้อย่างไร?”