ตอนที่แล้วตอนที่ 415 - 416: เตะคนกระเด็นไปสามเมตร, พนันแข่งม้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 419 - 420: น้องสาวปกป้องพี่ชาย, มาสู้กันเถอะ

ตอนที่ 417 - 418:ไปบ้านตระกูลถาง, ครอบครัวเดียวกัน


ตอนที่ 417 ไปบ้านตระกูลถาง

 

“ไม่หรอกน่า” พานจื่อรุ่ยเอ่ย เขายอมรับผลลัพธ์ได้อยู่แล้วหากแพ้ขึ้นมาจริงๆ

 

คนอื่นๆ ในกลุ่มกำลังยุ่งอยู่กับการกรอกตั๋วลอตเตอรี และไม่รู้ว่าพานจื่อรุ่ยกรอกตามกู้หนิง หลังจากวางเดิมพันแล้ว พวกเขาก็ไปที่ห้องวีไอพีด้วยกัน

 

ห้องวีไอพีมีขนาดใหญ่และสามารถรองรับได้ประมาณ 20 คน ด้านหน้าของห้องวีไอพีเป็นผนังกระจก ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถมองทะลุออกไปด้านนอกได้ นอกจากนั้นยังมีจอ LED หกจอที่ผนังด้านซ้ายซึ่งแสดงให้เห็นส่วนต่างๆ ของลู่วิ่ง เพื่อให้สามารถชมการแข่งขันได้อย่างชัดเจน

 

เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น กวนปินและคนอื่นๆ ก็เงียบแทบตลอดเวลา

 

ส่วนพานจื่อรุ่ยกำลังง่วนอยู่กับการบริการกู้หนิง เขาเทชาให้เธอและถามว่าเธอชอบของหวานไหม

 

กู้หนิงรู้สึกขบขัน เขาเป็นสมาชิกในทีมของเธอไม่ใช่คนรับใช้ “เอาล่ะ ฉันไม่ใช่เด็กนะ นายไม่จำเป็นต้องดูแลฉันก็ได้ การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้วแล้ว ฉันคิดว่านายควรให้ความสำคัญกับม้าของนายมากกว่านี้”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น พานจื่อรุ่ยก็ปล่อยกู้หนิงไว้คนเดียวและหันไปสนใจการแข่งขัน แม้ว่าเขาจะไม่สนใจผลลัพธ์ แต่ว่าก็เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่ได้ดูการแข่งม้า

“พร้อม ไป!”

 

ม้าสิบสองตัวพุ่งไปข้างหน้าภายใต้การแนะนำของจ็อกกี้ พิธีกรกำลังอธิบายและแสดงความคิดเห็นตลอดทาง และเสียงของเขาก็กระจายไปทั่วทุกมุมของสนามนี้ด้วยเครื่องขยายเสียง

 

ม้าบางตัวออกตัวอย่างเร็วขึ้นผู้นำในตอนแรก แต่ค่อยๆ ถูกแซงเรื่อยๆ ในขณะที่บางตัววิ่งค่อนข้างช้ากว่าในตอนต้นและเร่งความเร็วขึ้นทันใดหลังจากวิ่งไปได้สักระยะ

 

ม้าหมายเลข 7 คือม้าที่กู้หนิงวางเดิมพัน มันกำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางม้าตัวอื่นอย่างมั่นคง และเมื่อวิ่งเสร็จสองในสามของลู่วิ่ง มันก็เริ่มแซงหน้าม้าตัวอื่นๆ ที่อยู่ข้างหน้า และในที่สุดก็ทิ้งม้าตัวอื่นไว้เบื้องหลัง

 

“อ๊า! หมายเลข 7! หมายเลข 7! หมายเลข 7!!!” พานจื่อรุ่ยกระโดดผุดลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น แหกปากตะโกนหมายเลข 7 ซ้ำๆ มีความเป็นไปได้สูงที่ม้าหมายเลข 7 จะชนะ

 

ในท้ายที่สุดม้าหมายเลข 7 ก็เป็นตัวแรกที่เข้าเส้นชัยตามด้วยหมายเลข 4 แล้วตามมาด้วยหมายเลข 10 พานจื่อรุ่ยกระโดดโลดเต้นและหันไปมองกู้หนิงด้วยความดีใจสุดๆ “บอส เธอเยี่ยมที่สุด!”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็เพิ่งรู้ว่าพานจื่อรุ่ยวางเดิมพันแบบเดียวกับกู้หนิงและพวกเขาต่างก็เอ่ยปากชมเธอเมื่อผลการแข่งขันออกมา สรุปแล้วกู้หนิงชนะการเดิมพันครึ่งหนึ่งและทำเงินได้สิบล้านหยวน ส่วนกวนปินและคนอื่นๆแพ้ทั้งหมด

 

นี่เป็นครั้งแรกที่พานจื่อรุ่ยทำเงินได้มากมายจากการแข่งม้าและเขาก็ตกใจมาก โฮสต์ของการแข่งม้าครั้งนี้ก็ประหลาดใจเช่นกันที่กู้หนิงและพานจื่อรุ่ยได้รับเงินจำนวนมาก พวกเขาทั้งคู่ยังเด็กมาก!

 

หากว่าพวกเขาวางเดิมพันสูงกว่านี้ พวกเขาก็จะได้เงินมากกว่านี้

 

เมื่อพานจื่อรุ่ยและกู้หนิงไปรับรางวัล พวกเขาถูกคนที่อยู่ในสนามล้อมรอบ ถ้าไม่ใช่เพราะตัวตนของพานจื่อรุ่ย หลายคนคงวิ่งเข้ามาและถามทุกรายละเอียดเกี่ยวกับการเดิมพันของพวกเขา

 

หลังจากดูการแข่งม้าเสร็จแล้ว พานจื่อรุ่ยและกู้หนิงก็กลับออกไปด้วยกัน

 

พานจื่อรุ่ยดีใจที่วันนี้เขาพนันแข่งม้าชนะดังนั้นเขาจึงเลี้ยงทุกคน น่าเสียดายที่กู้หนิงมีธุระต่อ เธอเลยไม่ได้ไปเที่ยวสนุกกับพวกเขา

 

พานจื่อรุ่ยผิดหวังแต่ไม่ได้รั้งกู้หนิงไว้เพราะเธอมีธุระ เขาเสนอตัวไปส่งแต่กู้หนิงปฏิเสธ

 

ก่อนที่กู้หนิงจะจากไป เธอเอ่ยเตือนพานจื่อรุ่ยให้ระมัดระวังตัวเพราะเธอมีความรู้สึกว่าจ้าวคังหลินไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ

 

พานจื่อรุ่ยเองก็รู้ดีว่าจ้าวคังหลินนิสัยไม่ดีและโหดร้าย ดังนั้นเขาจึงไปยังที่จ้าวคังหลินไม่กล้าก่อเรื่อง

 

หลังจากแยกย้ายกับพวกพานจื่อรุ่ย กู้หนิงก็โทรหาถางไห่เฟิง

“หลานกู้ ตอนนี้ว่างแล้วหรือ?”

 

“ค่ะ ก็เลยโทรหาคุณปู่ไงคะ บ่ายนี้ทานข้าวกันไหมคะ?” กู้หนิงเอ่ยชวน

 

“ได้สิ แต่วันนี้รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลานมาที่บ้านปู่สิ มาทานข้าวที่นี่” ถางไห่เฟิงอยากให้กู้หนิงมาที่บ้านตระกูลถาง ดังนั้นเขาจึงโกหก เขาถือว่าเธอเป็นหลานสาวแล้วและอยากให้เธอมาที่บ้าน

 

กู้หนิงรู้ว่าถางไห่เฟิงโกหก เธอเองก็อยากไปที่บ้านตระกูลถาง ถึงอย่างไรก็ครอบครัวเดียวกันและเธอเองก็อยากรู้จักสมาชิกในตระกูลถางว่าพวกเขาจะสามารถเข้ากับพวกเธอได้ไหม เธอไม่ต้องการให้กู้ม่านถูกรังแกในอนาคต

 

“ได้ค่ะ” กู้หนิงเห็นด้วย

 

ถางไห่เฟิงยิ้มดีใจ “ตอนนี้หลานอยู่ที่ไหน? ปู่จะส่งคนขับรถไปรับ”

 

กู้หนิงบอกที่อยู่แก่ถางไห่เฟิง บังเอิญที่สนามแข่งม้าอยู่ไม่ไกลจากบ้านตระกูลถาง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

 

ในขณะที่เธอกำลังรอคนขับรถ กู้หนิงก็เดินไปยังที่ลับตาคนเพื่อเอากระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจากช่องเก็บของกระแสจิต เธอกำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง ถ้าไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้าเลยคงดูแปลกประหลาด และเธอก็อยากเอาบางอย่างออกมาจากบ้านตระกูลถาง

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมารถก็มาจอดอยู่หน้ากู้หนิง คนที่มารับเธอชื่อว่าถางเหวิน

 

“คุณหนูกู้ ยินดีที่ได้พบครับ” ถางเหวินเดินลงจากรถและเอ่ยทักทายกู้หนิง

 

“ยินที่ได้พบค่ะ อาถาง” กู้หนิงเอ่ย ถางเหวินอายุ 35 ปี เธอจึงเรียกเขาว่าอา

 

ถางเหวินเดินไปเปิดประตูรถให้กู้หนิงก่อนแล้วเอากระเป๋าเดินทางของเธอเก็บใส่ท้ายรถ

 

ตระกูลถางเป็นตระกูลที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของเมือง B และพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน แม้ว่าบ้านจะตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองเล็กน้อยแต่ก็ประเมินมูลค่าไม่ได้เพราะประวัติอันยาวนานของมัน รอบๆมีวิลล่าหรูตั้งอยู่รายล้อม บ้านของตระกูลถางเก่าแก่ที่สุดแต่ถูกตกแต่งใหม่และขยายต่อเติมออกไป บ้านของตระกูลถางมีพื้นที่ขนาดสองพันตารางเมตร และส่วนใหญ่ปลูกต้นไม้สีเขียว ส่วนตัวบ้านมีขนาดหกร้อยตารางเมตร

 

เมื่อรถเคลื่อนตัวผ่านประตูรั้วบ้านตระกูลถางเข้ามา กู้หนิงเห็นถางไห่เฟิงยืนรออยู่ด้านนอก

 

รถขับผ่านสวนด้านหน้าและมาหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้าตัวบ้าน คนรับใช้เดินมาเปิดประตูรถและกู้หนิงก็ก้าวเท้าออกมา

 

เมื่อเห็นถางไห่เฟิง กู้หนิงก็พูดเย้าแหย่ว่า “คุณปู่ หนูคิดว่าคุณปู่ไม่สบายซะอีก? ทำไมไม่รออยู่ข้างในล่ะคะ ออกมายืนรอรับหนูข้างนอกทำไม?”

 

นายท่านถางรู้ว่ากู้หนิงพูดจาแหย่เล่น เขาไม่ได้สะทกสะท้าน “หลานจับผิดปู่ได้แล้ว ปู่แค่อยากให้หลานมาเยี่ยมที่บ้าน”

 

กู้หนิงยิ้มเบาๆไม่ได้เอ่ยอะไร

 

ตอนที่ 418 ครอบครัวเดียวกัน

 

“เข้ามาข้างในเถอะ ข้างนอกมันหนาว” ถางไห่เฟิงเอ่ย กู้หนิงเดินเข้าไปประคองถางไห่เฟิงเข้าไปยังข้างใน

 

“คุณปู่ ช่วงนี้สุขภาพเป็นไงบ้างคะ?” กู้หนิงถามด้วยความห่วงใย

 

“ดีๆ ขอบใจที่ช่วยนะ โรคประจำตัวของปู่รักษาหายแล้ว ตอนนี้ปู่รู้สึกแข็งแรงมากอย่างกับเด็กอายุยี่สิบ!” ถางไห่เฟิงยิ้มแย้มดีใจ  คนสูงวัยมักห่วงเรื่องสุขภาพทางกายมากที่สุด ไม่มีใครอยากทุกข์ทรมานเพราะอาการเจ็บป่วย

 

เมื่อพวกเขาเดินมายังห้องโถงและนั่งลงที่โซฟา ชา ผลไม้ และของหวานถูกวางอย่างพร้อมเพรียงบนโต๊ะแล้ว

 

“หลานทานผลไม้กับของหวานพวกนี้รองท้องไปก่อนนะ ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านเลยนะ พวกเราจะทานอาหารช้าหน่อยเพราะปู่ชวนลุงๆของหลานมาทานข้าวด้วย” ถางไห่เฟิงเอ่ย

 

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา” กู้หนิงตอบ เธอตั้งหน้าตั้งตารอเจอถางหยุนฟ่านเช่นกัน แม้ว่าจะเคยเห็นจากรูปถ่ายแล้วแต่เธออยากจะเจอตัวเป็นๆมากกว่า

 

ในตอนนั้นเองพ่อบ้าน ‘ฉวนป๋อหง’ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับขนมปังอบใหม่ๆ เมื่อสายตาของเขาตกมายังร่างของกู้หนิง เขาก็ทำหน้าประหลาดใจ “คุณหนูท่านนี้หน้าตาเหมือนคุณท่านถางตอนยังเด็กเลยครับ”

 

ฉวนป๋อหงรับใช้ตระกูลถางมามากกว่ายี่สิบปีแล้วและตอนนี้เขาอายุเข้าเลขห้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้หน้าค่าตาของถางหยุนฟ่านตอนเด็ก ฉวนป๋อหงรู้สึกดีกับกู้หนิงตั้งแต่แรกเห็นเพราะเธอละม้ายคล้ายกับถางหยุนฟ่าน

 

อันที่จริงแล้วเขาหวังว่าเธอจะเป็นลูกสาวของถางหยุนฟ่าน หากเป็นเช่นนั้นจริงถางหยุนฟ่านก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต

 

“หลานกู้ นี่คือพ่อบ้านของเรา หลานเรียกเขาว่าลุงฉวนก็พอ” ถางไห่เฟิงแนะนำกู้หนิงให้รู้จักกับฉวนป๋อหง

 

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะลุงฉวน” กู้หนิงเอ่ยอย่างสุภาพ ยืนขึ้นทักทายฉวยป๋อหง

 

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณหนูกู้ เชิญนั่งครับ เชิญนั่ง” ฉวนป๋อหงตอบ

 

หลังจากสนทนากับถางไห่เฟิงอยู่พักใหญ่ กู้หนิงก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถงพลางตะโกนว่า “คุณปู่ ผมกลับมาบ้านแล้ว!”

 

เมื่อเห็นถางเจียข่ายทำตัวซุกซน ถางไห่เฟิงก็ตำหนิเขาว่า “อย่าวิ่งเร็ว! ชนคนอื่นเข้าจะทำยังไง?”

 

ถางเจียข่ายเกือบจะชนพ่อบ้านตอนที่วิ่งเข้ามา ถางเจียข่ายเกาศีรษะอย่างอายๆ “ขอโทษครับ ผมไม่ทำอีกแล้วครับคุณปู่” พูดขอโทษจบเขาก็มองซ้ายมองขวาไปรอบๆห้องแต่ไม่เห็นกูหนิง เขาผิดหวังมาก “คุณปู่ ไหนคุณปู่บอกว่าน้องสาวผมมาบ้าน? เธออยู่ไหนครับ?”

 

เขารีบกลับบ้านเพราะคุณปู่บอกเขาว่ากู้หนิงอยู่ที่บ้านตระกูลถางแล้ว ดูสิ เขาอุตสาห์รีบกลับมาแต่ไม่เห็นเด็กผู้หญิงสักคน บางทีคุณปู่อาจอยู่บ้านเบื่อๆก็เลยวางแผนล่อให้เขากลับมาบ้านเล่นๆ

 

ถางเจียข่ายไม่เคยเจอกู้หนิงมาก่อนแต่กู้หนิงทำให้เขาประทับใจแล้วจากคำบอกเล่าของคุณปู่ และเขาอยากจะมีน้องสาวมาก ถางเจียข่ายรู้สึกประหม่าเพราะเขาไม่แน่ใจว่ากู้หนิงอยากจะมีเขาเป็นพี่ชายหรือเปล่า ถางเจียข่ายอยากมีน้องสาวมาตลอด! อันที่จริงเขามีญาติผู้พี่ที่เป็นผู้หญิงแล้วแต่เธอไม่น่ารักเอาซะเลยเพราะเธอเติบโตในค่ายทหารและชอบรังแกเขา

 

แม้ว่าเขาจะฝึกอยู่ในฐานทัพมาสองสามปีและรู้จักวิธีปกป้องตัวเองแล้ว แต่ก็เทียบกับเกาเว่ยซินที่เป็นญาติผู้พี่ไม่ได้เลย

 

แน่นอนว่านั่นเป็นวิธีการสนิทสนมของทั้งสองคน ไม่ได้หมายความว่าเกาเว่ยซินไม่ชอบถางเจียข่าย

 

เกาเว่ยซินอยากทำงานในกองทัพหรือตำรวจมาตลอดแต่ตระกูลเกาไม่อนุญาตให้เธอทำอย่างนั้นเพราะมันเป็นงานอันตราย ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ทำงานและรู้สึกเคว้งคว้างอยู่สักหน่อย

 

ตระกูลเกาและตระกูลถางเป็นตระกูลเศรษฐี เธอจึงสามารถใช้ชีวิตสุขสบายโดยไม่ต้องทำงานได้และครอบครัวของเธอก็ไม่ว่าอะไรหากเธอไม่ทำงาน

 

“เธอไปเข้าห้องน้ำ” ถางไห่เฟิงเอ่ย

 

เมื่อได้ยินว่ากู้หนิงอยู่ที่บ้าน ถางเจียข่ายก็ร่าเริงขึ้นมา

 

วินาทีที่ถางเจียข่ายนั่งลงกู้หนิงก็เดินเข้ามา เมื่อสายตาสบกันทั้งสองก็นิ่งไปทันที

 

กู้หนิงจำถางเจียข่ายได้ตั้งแต่แวบแรก ส่วนถางเจียข่ายคิดว่ากู้หนิงดูคุ้นๆ

 

“โอ๊ะ เป็นเธอ!” ถางเจียข่ายเบิกตากว้างด้วยความตกใจและผุดลุกขึ้นยืนทันที

 

ถางไห่เฟิงสับสน “เจียข่าย หลานรู้จักหนูกู้ด้วยหรือ?”

 

กู้หนิงคิดว่าเขาต้องอ่านข่าวเกี่ยวกับเธอทางเน็ตเพราะพวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อนซึ่งเธอคิดถูก

 

ถางเจียข่ายไม่ตอบคำถามถางไห่เฟิงแต่เอ่ยถามกู้หนิงว่า “เมื่อวานเธอช่วยผู้หญิงคนหนึ่งที่สนามบินใช่ไหม? และเป็นเธอที่เตะจ้าวคังหลินที่สนามแข่งม้าวันนี้? และเธอก็ยังชนะพนันและทำเงินได้สิบล้านภายในวันเดียว?”

 

คำถามของถางเจียข่ายทำเอาถางไห่เฟิงสับสนหนักเข้าไปอีก เขาได้ยินข่าวที่สนามบินแต่ไม่ได้ยินข่าวอะไรที่สนามแข่งม้าเลย

 

ถางเจียข่ายไม่ได้อ่านข่าวสนามแข่งม้าในเน็ต เขาได้ยินมาจากเพื่อน ทายาทเจ้าของสนามแข่งม้าเป็นเพื่อนของถางเจียข่ายและเล่าให้ถางเจียข่ายฟังทุกอย่าง ไม่คิดว่าเด็กสาวที่มีชื่อเสียงภายในวันเดียวที่สนามแข่งม้าก็คือกู้หนิงและตอนนี้เธอยังอยู่ในบ้านของเขาอีกด้วย

 

“ค่ะ เป็นฉันเอง” กู้หนิงยิ้ม เธอไม่แสดงสีหน้าภาคภูมิใจหรือแสดงความหยิ่งยโสออกมาเพราะว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญสำหรับเธอ

 

“พระเจ้า เธอสุดยอดไปเลย!” ถางเจียข่ายชื่นชมกู้หนิง จากนั้นเขาก็หัวเราะ “ฮ่า ฮ่า! ถ้าอู๋หยางและเพื่อนคนอื่นๆของฉันรู้ว่าเด็กสาวทีทำพวกเขาตกใจเป็นน้องสาวของฉัน พวกเขาจะต้องอิจฉามากๆแน่”

 

อู๋หยางก็คือทายาทสนามม้าแข่ง ‘อู๋หยางจื่อหยวน’

 

ถางเจียข่ายไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนแต่อย่างใดตอนที่พูดว่า ‘น้องสาวของฉัน“กลับกลายเป็นกู้หนิงที่รู้สึกประหลาดใจแทน ถางเจียข่ายปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าถางเจียข่ายมีนิสัยที่เป็นกันเอง”น้องสาว เรียกฉันว่าพี่ชายนะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด