[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 151 อาณาจักรหยวนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ตอนที่ 151 อาณาจักรหยวนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
นับตั้งแต่การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของจางเทียน ชายหัวโล้นได้สูญเสียความสนใจในกิจการภายในของบริษัทไปอย่างไร้คำอธิบาย ผู้ช่วยผู้บริหารพิเศษตามที่คนในบริษัทเรียกกัน ดูเหมือนจะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปในทันที เมื่อเพื่อนร่วมงานหลายคนได้ถามความคิดเห็นบางอย่างหลายครั้ง ชายหัวโล้นก็ตอบอย่างเกียจคร้าน “ช่วงนี้สุขภาพฉันไม่ค่อยดีเลย ถ้าคุณมีอะไรก็คุยกับเสี่ยวเค่อได้เลย ถ้าเขาตกลง คุณก็ทำได้ ถ้าเขาไม่ตกลง ก็แค่คุยกันใหม่อีกที”
พฤติกรรมของชายหัวโล้นช่วงนี้ ทำให้หยวนเค่อมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถของเขาอย่างเต็มที่ เหตุเพราะจางเทียนจากไปแล้ว ชายหัวโล้นจึงกลายเป็นแกนนำในหมู่ผู้เฒ่า และตอนนี้เขาได้ถ่ายโอนอำนาจไปให้หยวนเค่อแล้ว แม้ว่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ จะมีความคิดบางอย่าง แต่ก็ยากที่พวกเขาจะนำมาเสนอกับหยวนเค่อ
หยวนเค่อเองก็ชอบช่วงเวลานี้อย่างแท้จริง เพราะหากไม่มีพวกคนแก่หัวโบราณในบริษัทมาขวางทาง เขาก็จะสามารถพัฒนาองค์กรที่มีขนาดใหญ่เทอะทะและรูปแบบการดำเนินงานเก่าคร่ำครึของบริษัทก่อนหน้านี้ให้มีประสิทธิภาพได้สูงสุด ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาเพียงสามเดือนในการกลับมาดำเนินการตลาดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อีกครั้ง และผู้ที่รับผิดชอบงานเฉพาะด้านล่างนี้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและคัดเลือกใหม่ทั้งหมด
ถ้าจางเทียนไม่ตายและหัวล้านไม่ได้โยนอำนาจมาให้ วิธีการของหยวนเค่อเองจะทำให้เกิดความไม่พอใจและการตอบโต้จากพวกพนักงานเก่าแก่อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หนึ่งในสองคนนี้เสียชีวิตอย่างอนาถ และอีกคนหนึ่งไม่ได้ทำอะไรอีกต่อไป ผู้เฒ่าเหล่านี้ไม่มีความมั่นใจ และทำได้เพียงปล่อยให้หยวนเค่อเปลี่ยนสถานการณ์ของบริษัทเท่านั้น ไม่อย่างนั้นบางทีจุดจบ...คงไม่ดีนัก
ภายในห้องของคลับแกรนด์พาเลซ
หยวนเค่อนั่งอยู่กลางโซฟามองทุกคนด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันขอแจ้งไว้ก่อนล่วงหน้า พรุ่งนี้บริษัทจะจัดประชุมแล้วฉันจะแจ้งเรื่องแผนการกระจายผลกำไรใหม่ ในอนาคต เงินปันผลของคนระดับผู้จัดการแต่ละท่านจะไม่ตัดสินใจโดยสำนักงานใหญ่อีกต่อไปแล้ว เพราะฉันจะให้พวกคุณจัดการโดยใช้ระบบสัญญาซื้อขายทุกสาขา สำนักงานใหญ่จะมอบหมายงานขายทุกเดือน ยิ่งขายสินค้าดี เดือนต่อไปคุณจะได้โควตาสินค้ามากยิ่งขึ้น และสำนักงานใหญ่จะกำหนดราคายาที่เข้มงวดและปรับราคาได้ตลอดเวลาตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด เมื่อคุณรับสินค้าคุณจ่ายค่าสินค้าโดยตรง ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณ ว่าจะแบ่งปันกำไรที่เหลือในกลุ่มอย่างไร”
“วิธีนั้นก็ดีนะ”
“ถูกต้อง คุณจะมีอิสระมากขึ้นถ้าคุณทำอย่างนี้ เรามีสิทธิ์ในการกำหนดเกี่ยวกับวิธีการขายสินค้าและการแบ่งเงินขั้นสุดท้าย เพื่อทำคนด้านล่างจะมีแรงจูงใจมากขึ้น”
“ใช่แล้ว นั่นก็สมเหตุสมผลดีนี่ เหมือนกับการกินอาหารจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ถ้าทำตามวิธีเดิม ให้บริษัทกำหนดราคาแล้วขายเท่ากันหมดนี่ไม่ยุติธรรมเลย ในทุกพื้นที่จากด้านล่างจะจ่ายเงินปันผลรายเดือนตามปริมาณการขนส่ง เช่นเซลขายพื้นที่ถนนถู่จ้าแม้จะไม่ได้ทำงานอะไรมากมาย ก็ยังสามารถทำยอดขายเป็นอันดับแรกได้ต่อหนึ่งเดือน แต่แล้วพื้นที่อื่นล่ะ จะทำได้ไหม? งานหนักพอกันแต่ก็ทำรายได้น้อยกว่ามาก”
……
ผู้มาใหม่กลุ่มหนึ่งฟังคำพูดของหยวนเค่อและทุกคนก็แสดงท่าทีเห็นด้วย
ชายหัวโล้นเอนกายบนโซฟามองหยวนเค่อด้วยดวงตาหมองคล้ำ เขายิ้มและไม่พูดอะไร
เสี่ยวจิ่วจิบน้ำแล้วก้มลงพูดกับชายหัวโล้นเบาๆ “ฉันคิดมาตลอดว่าเสี่ยวหยวนไม่เข้าใจสถานการณ์ของบริษัท แต่ไม่ได้คาดหวังว่ากลยุทธ์บางอย่างของเขาจะใช้ได้และสมเหตุสมผลจริงๆ”
ชายหัวโล้นยังคงไม่ตอบ
“บางทีมันอาจจะดีจริงๆ ที่เขาจะรับช่วงต่อ” เสี่ยวจิ่วหันไปมองชายหัวโล้น “เจ้านายอย่างนี้สิสมควรได้รับคำชมจากเรา”
ชายหัวโล้นหาว “พวกนายหารือเกี่ยวกับบริษัทกันไปเถอะ เดี๋ยวเพื่อนของฉันมา ฉันจะกลับไปเล่นไพ่”
“ไม่เอาน่า ตอนนี้บริษัทเต็มไปด้วยไฟแห่งการทำงาน ทำไมคุณดูเฉื่อยชานักล่ะ?” เสี่ยวจิ่วถามอย่างรู้เท่าทัน
ชายหัวโล้นหันกลับมาและพูดอย่างสั้นๆ “ถ้าจางเทียนยังไม่ตาย ทุกคนจะมองว่าเขาน่ารำคาญที่สุด แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ใครล่ะที่น่ารำคาญ?”
เสี่ยวจิ่วตกตะลึง “ฉันคิดว่า…”
“ฉันคิดว่าตอนนี้มันค่อนข้างดีแล้วจริงๆ” ชายหัวโล้นยิ้มและเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์ชูขึ้น “เอ้า ดื่มกันหน่อย”
ทันทีที่เขาพูดจบ หยวนเค่อก็เข้านั่งลงใกล้ๆ และถามชายหัวโล้นด้วยรอยยิ้ม “พี่ชาย คืนนี้มาเล่นเกมสนุกด้วยกันเถอะ!”
“จะมีอะไรให้เล่นกับพวกคนหนุ่มสาวล่ะ?” ชายหัวโล้นส่ายหัว “อีกสักพักฉันจะกลับแล้ว”
“ไม่เป็นไร ไว้วันหลังก็ได้” หยวนเค่อไม่ชักชวนต่อ แต่ถามติดตลกขึ้นมา “เมื่อไหร่คุณถึงจะแนะนำให้ฉันรู้จักสี่ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่เสียทีล่ะ?”
“สี่ยอดฝีมืออะไร?” ชายหัวโล้นงงเล็กน้อย
“ก็แค่สี่คนที่ฉันสนใจรับสมัครเข้าบริษัท”
“อ๋อ คุณหมายถึงพวกเขา” ชายหัวโล้นพยักหน้าอย่างนึกขึ้นได้ “ฉันโทรเรียกแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็มาถึง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องแนะนำฉันให้เหมาะสม”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะแนะนำคุณให้รู้จักกัน แล้วคุณก็คุยกันเกี่ยวกับส่วนที่เหลือกันเองได้เลย”
“ตกลง”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ประตูห้องก็เปิดออก และชายหนุ่มย้อมผมสีแดงพร้อมกับลูกน้องเจ็ดแปดคนก็เดินเข้ามา “เฮ้ พี่โล้น ไม่เจอกันนานนะ!”
“ฮ่าฮ่า มาเถอะ เสี่ยวเย่า” ชายหัวโล้นลุกขึ้นยืนและตะโกนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ให้ฉันแนะนำให้คุณรู้จักเจ้านายคนใหม่ของฉัน”
“ฮ่าฮ่า ฉันเป็นน้องชายของพี่หัวโล้น หยวนเค่อ”
“สวัสดี” เสี่ยวเย่าผมแดงก้าวมาข้างหน้าจับมือกับหยวนเค่อและแนะนำตัวเองว่า “ฉัน หวูเย่า จากเขตเจียงหนาน”
“มาเลย มานั่งคุยกัน” ชายหัวโล้นดึงหวูเย่าให้นั่งลงระหว่างเขากับหยวนเค่อ
หลังจากที่ทั้งสามนั่งคุยกันสักพัก มีคนอีกสามคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในชุมชนซงเจียงก็เข้ามาร่วมวงสนทนากับพวกเขา และไม่มีข้อยกเว้น คนเหล่านี้ล้วนแต่อายุน้อยและไม่มีคนไหนเป็นมือเก่าที่มีชื่อเสียงยาวนานเลย
หลังจากที่ชายหัวโล้นแนะนำทั้งหมดให้รู้จักกับหยวนเค่อทีละคน เขาก็นั่งร่วมวงอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก่อนที่จะหาข้ออ้างและจากไป แต่เสี่ยวจิ่วไม่ได้ไปด้วย ยังคอยอยู่เพื่อช่วยงานประชุมของหยวนเค่อเป็นอย่างดี
……
เวลาผ่านไปเหมือนแม่น้ำไหลผ่าน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในขณะที่ฉินหยู่กำลังนั่งอยู่ในสำนักงานของกองกำกับการตำรวจ รับเรื่องจากชายแก่ชาวเมืองที่มาแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรม หลิวเป่าเฉินพรวดพราดเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจพร้อมใบหน้าหมองคล้ำ
“ฉินหยู่ แกออกไปจากที่นี่ซะ!” หลิวเป่าเฉินยืนอยู่ที่ประตูและตะโกนอย่างหยาบคายมาก
ทันทีที่เขาพูดจบ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่ทำงานในบริเวณสำนักงานก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน และหันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียว
ในสถานการณ์ที่กัปตันดูถูกรองกัปตันในที่สาธารณะนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย…
ฉินหยู่เงยหน้าขึ้นหลี่ตามองหลิวเป่าเฉิน “กัปตันหลิว ฉันมาที่นี่เพื่อรับเงินเดือนทางการเมือง คุณควรคุยกับฉันให้สุภาพกว่านี้ หรือฉันควรโดนต่อว่าที่นี่?!”
เมื่อหลิวเป่าเฉินได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมมากขึ้น และก้าวเข้าไปคว้าคอเสื้อของฉินหยู่ “แกออกมา ออกมา!”
“ขวับ!”
ฉินหยู่ผายมือออกด้วยใบหน้าเย็นชา แล้วหันกลับมา “ทำแทนฉันทีจูเหว่ย รับแจ้งคดีจากลุงคนนี้ด้วย”
“ครับ” จูเหว่ยพยักหน้า
หลังพูดจบฉินหยู่เดินตามหลิวเป่าเฉินออกจากบริเวณสำนักงาน
ไม่กี่นาทีต่อมา ในทางเดินที่ไร้ผู้คนในอาคาร หลิวเป่าเฉินปรี่เข้ามาชกฉินหยู่ที่แก้มด้วยสายตาแห่งความโกรธเกรี้ยว “ฉันกลายเป็นไอ้ระยำเพราะไอ้เด็กเหลือขอกระจอกๆ แกกำลังวางกับดักให้ฉันใช่มั้ย?!”
“ขวับ!”
ก่อนที่หมัดจะถึงหน้าฉินหยู่ เขายกมือขึ้นคว้าข้อมือหลิวเป่าเฉินอย่างว่องไวแล้วถามด้วยเสียงต่ำ “ฉันไปทำอะไรคุณ?!”
“มันเหี้ยอะไร! แกจงใจทำให้เฒ่าจางยัดเงินฉันหมื่นหยวนใช่มั้ย?” หลิวเป่าเฉินวิตกกังวลอย่างรุนแรง “แกยังทำให้เขาไปแจ้งตำรวจว่าฉันรับสินบน ไอ้ระยำ แกเล่นสกปรกเกินไปแล้ว!”
ฉินหยู่มองไปที่หลิวเป่าเฉินและถามด้วยรอยยิ้ม “ใครเป็นคนเริ่มก่อนล่ะ? ฉันเหรอ? แล้วทำไมตอนนี้คุณไม่มีปัญญาเล่นต่อล่ะ?!”
“ไปลงนรกซะ!” หลิวเป่าเฉินเหวี่ยงหมัดจะชกเขาอีกครั้ง
“พัวะ!”
ฉินหยู่เหวี่ยงเข่าขึ้นกระแทกท้องหลิวเป่าเฉินอย่างจัง แล้วบีบคอหลิวเป่าเฉินด้วยมือขวาพร้อมกดไว้ “ที่นี่มีแค่เราสองคนและแกยังจะเล่นบทกัปตันหน้าโง่กับฉันอีกเหรอ? ถ้าแกไม่มีปัญญาก็อย่าเต้นแร้งเต้นกาให้มากนัก ถ้าแกกลัวโดนยำเละก็อย่าทำ! เข้าใจไหม?!”
…………………………………………………………