78
3/5
Ep.78
“ในเมื่อปลดปล่อยพลังจิตได้แล้ว งั้นฉันขอทดสอบดูหน่อยได้ไหมว่าเธอทำได้ไกลแค่ไหน?”ซูเฉินถาม
ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 1 จะยังไม่มีความสามารถในการโจมตี ความสามารถหลักในตอนนี้คือการสำรวจ รัศมีจำกัดที่สิบเมตร
แม้จะทราบอยู่แล้ว แต่ที่ถามแบบนี้ออกไป เพราะเขาต้องการใช้โอกาสนี้ตรวจสอบว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของหยางเฉียนอยู่ในระดับใด
“น่าจะห่างออกไปราวๆ 7-8 เมตร นะ …” หยางเฉียนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
“นั่นไม่เลวเลย” ซูเฉินพยักหน้า
แม้ว่า 7-8 เมตรยังไม่ใช่ขีดจำกัดของปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 1 แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าหยางเฉียนเพิ่งกลายเป็นปรมาจารย์พลังจิต ทำได้ขนาดนี้ถือว่าไม่เลวแล้ว
“ซูเฉิน ฉันลองปล่อยพลังจิตออกมา พบว่าข้างนอกมีแต่ซอมบี้ พวกสัตว์กลายพันธุ์หายไปหมดแล้ว” หยางเฉียนมองซูเฉินและกล่าว
“พวกสัตว์กลายพันธุ์หายไปงั้นหรอ?” ซูเฉินพึมพำ ปลดปล่อยพลังจิตของเขา ขยายออกไปนอกถ้ำหิน
เมื่อปรมาจารย์พลังจิตเข้าสู่เลเวล 2 ช่วงรัศมีที่ครอบคลุมจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 เมตร
เขาควบคุมพลังจิต กวาดออกไป และเป็นอย่างที่หยางเฉียนบอก ไม่มีสัตว์กลายพันธุ์อยู่แล้วจริงๆ
“พวกสัตว์กลายพันธุ์หายไปแล้วจริงๆด้วย” ซูเฉินหรี่ตาลง บ่นงึมงำ
แต่ในใจเริ่มคาดเดาไปเรื่อย เช่น สัตว์กลายพันธุ์จากไปแล้วจริงๆใช่ไหม? หรือแค่ไปรวมตัวกันอยู่ในระยะที่ไม่สามารถใช้พลังจิตตรวจสอบได้กันแน่?
ได้ยินเสียงงึมงำของซูเฉิน หยางเฉียนกับหยางฮ่าวไม่มีปฏิกิริยาอะไร ตรงกันข้าม เป็นหยางหลิงเทียนที่เปลือกตากระตุกแทน จิตใจเริ่มสั่นไหว ‘ซูเฉินรู้ได้ยังไงไม่มีสัตว์กลายพันธุ์อยู่ข้างนอก?’
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว หยางหลิงเทียนพยายามสงบใจ มองไปทางซูเฉินอย่างลึกล้ำ กล่าวด้วยความไม่มั่นใจว่า “ซูเฉิน เธอก็เป็นปรมาจารย์พลังจิตด้วยหรือ?”
อยู่ภายในถ้ำ สายตาย่อมถูกปิดกั้น และมีเพียงพลังแห่งจิตวิญญาณของปรมาจารย์พลังจิตเท่านั้นจึงจะสามารถตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกได้
อย่างไรก็ตาม ซูเฉินเป็นทั้งผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราอยู่แล้ว หากยังเป็นปรมาจารย์พลังจิตด้วย นี่มันออกจะเกินไปบ้าง
“อะไรนะ พี่เฉินก็เป็นปรมาจารย์พลังจิตด้วยหรอ?” หยางฮ่าวร้องอุทานด้วยความตกใจ หันไปมองซูเฉิน ดวงตาของเขาทอประกายเหลือจะเชื่อ
หยางเฉียนที่อยู่ข้างๆรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน เธอมองซูเฉินอย่างโง่งม เอ่ยถามเสียงเบาราวกระซิบ “ซูเฉิน นายเป็นปรมาจารย์พลังจิตใช่ไหม?”
ซูเฉินยิ้ม ไม่ปฏิเสธ
แม้เขาแทบไม่ตอบสนองเป็นเชิงรับ แต่การแสดงออกของเขา มันบ่งบอกแล้วว่า เป็นการยอมรับว่าตนคือปรมาจารย์พลังจิตจริงๆ
เห็นแบบนี้ หยางหลิงเทียนและลูกๆอ้าปากค้าง มองไปยังซูเฉินราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด ตกอยู่ในภวังค์ ระลอกคลื่นก่อตัวในหัวใจ
โอ้พระเจ้า!
พระเจ้าทรงโปรด!
ซูเฉินไม่เพียงเป็นผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราเลเวล 2 เท่านั้น แต่เขายังเป็นปรมาจารย์พลังจิตอีกด้วย!
โลกนี้มันชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว!
สามอาชีพที่ทรงพลังที่สุดดันปรากฏขึ้นในคนๆเดียว ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และในอนาคตคงไม่มีใครทำได้อีกแล้วเช่นกัน
มองไปยังสีหน้าอึ้งทึ่งของทุกคน ซูเฉินปาดจมูกเขา ลอบร้องในใจว่า ‘ขอโทษที ฉันก็อยากทำตัวไม่เด่นสะดุดตาเหมือนกัน แต่พอดีว่าความแข็งแกร่งของฉันดันไม่อนุญาต!’
เขากระแอมเล็กน้อย เวลานี้ ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องไปยังเมืองจิงกัง เอ่ยปากว่า “อย่าตะลึงกันนานนักสิ ฉันมีเรื่องจะบอกพวกนาย”
“พี่เฉิน มีอะไรหรอ?”
หยางฮ่าวได้สติกลับมา มองซูเฉินด้วยสายตาเคารพนับถืออย่างหาที่เปรียบมิได้
“อีกเดี๋ยวฉันต้องไปจากที่นี่ มุ่งหน้าไปยังเมืองจิงกัง” ซูเฉินกล่าวอย่างช้าๆ
ส่วนจุดประสงค์ที่ว่าต้องการไปเมืองจิงกังเพื่อตามหาตันหลิน เขาไม่ได้อธิบาย
“ออกไปจากที่นี่?” หยางเฉียนขมวดคิ้ว ใบหน้าบอบบางและงดงามของเธอดูหมองไปถนัดตา สักพักเอ่ยถามด้วยความประหม่าว่า “นายจะไปกี่วัน? แล้วจะกลับมาใช่ไหม?”
ซูเฉินสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาค่อนข้างกระวนกระวายของหยางเฉียน แต่เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ้มตอบ “อย่างน้อยน่าจะใช้เวลาซักสองถึงสามวัน แต่ที่แน่ๆ ไม่เกินครึ่งเดือนฉันจะกลับมา”