ตอนที่ 42 ชุดเกราะเกล็ดทมิฬ
ตอนที่ 42 ชุดเกราะเกล็ดทมิฬ
วันที่ 29 เดือน 1 ปีดาราที่ 997 เวลา 10 โมงเช้าตามเวลาของโลกราชัน
หนึ่งวันก่อนที่สถาบันศาสตร์นักรบจะเริ่มการทดสอบของเด็กปี 1 กายเดินออกจากสถาบันศาสตร์ด้วยความรีบร้อนเล็กน้อย เมื่อเช้าเขาออกไปฝึกซ้อมก่อนที่จะกลับไปอาบน้ำแต่งตัวและจัดการอาหารมื้อใหญ่ที่โถงอาหาร
ที่โถงอาหารเมื่อเช้านี้เต็มไปด้วยเด็กปี 1 ทุกคนต่างกินในสิ่งที่อยากก่อนที่พวกเขาจะอดกิน เพราะในวันทดสอบหลายคนเคยได้ยินจากรุ่นพี่หรือไม่ก็คำเล่าลือ ว่าเด็กปี 1 บางคนไม่ได้กินอะไรเลย บางคนก็โดนปล้นอาหารจากเด็กปี 1 ด้วยกันจนหมด
แต่ก็อย่างที่ว่าการทดสอบทางสถาบันศาสตร์นักรบเน้นไปที่การเอาตัวรอด แต่ตัวรอดแบบไหนไม่มีใครรู้ ดังนั้นพวกเขาจึงขอกินและเสวยสุขกับวันนี้ก่อนที่จะเจอนรกในวันถัดไป
และนี่เป็นสามารถที่ทำให้กายออกจากสถาบันศาสตร์นักรบมาช้ากว่าปกติ
กายรีบเดินตรงไปที่รถม้าซึ่งจอดรออยู่ คนขับรถม้าดูจะไม่พอใจเล็กน้อยที่กายมาสาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อรับปากลูกค้าว่าจะมาแล้วเขาก็อยู่รอ
กายกระโดดขึ้นรถม้าที่มีที่นั่งสองที มันเป็นรถม้าโดยสารที่นิยมใช้กัน ทั้งสะดวกรวดเร็วและคล่องตัว คนขับรถม้าถามกายด้วยความสุภาพว่า
“คุณชายจะไปที่ไหนครับ”
กายรู้สึกกระดากยังไงไม่รู้เมื่อถูกเรียกว่าคุณชาย ถือว่าคนขับให้เกียรติเขามาก แต่อาจจะเป็นกายเสียค่าจ้างรถม้าแบบเหมาทั้งวันมาในราคา 5 เหรียญทอง ส่วนสาเหตุที่กายต้องใช้รถม้าในวันนี้คือเขาต้องไปยังสถานที่หนึ่งเพื่อซื้อพวกชุดเกราะและของจำเป็น
สถานที่นั้นอยู่ไกลพอสมควรและเขายังต้องเอาชุดเกราะกลับมาด้วย มันคงไม่สะดวกเท่าไหร่
คนเรามักจะจ่ายเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแลกกับเวลาและความสะดวกสบาย คำนี้ใช้ได้เสมอ และกายก็ไม่ได้งกจนเลือกจะเดินจนขาลากแล้วไม่มีแรงไปสู้ในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน
“ไปที่สุสานชุดเกราะ”
กายตอบกลับไป คนขับรถม้าได้ยินก็สะบัดบังเหียนในมือสั่งให้ม้าก้าวเดิน รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะทำความเร็วที่ไม่ช้าและเร็วเกินไปวิ่งไปตามถนน
“รถม้าพวกนี้สบายกว่ารถลากเกวียนซะอีก” กายพิงตัวลงไปยังเบาะหนังนุ่ม ๆ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้นั่งรถม้าแบบนี้ นอกจากพวกรถลากเกวียนที่กองทัพมักใช้กันเพื่อขนคนได้มาก ๆ ในทีเดียว
พอคิดถึงรถม้า ถ้าวันหนึ่งฉันไปถึงระดับปรมาจารย์ช่างโลหะอาจจะทำรถม้าหุ้มเกราะไว้บ้างก็ดี เพราะในหนังมักจะมีศัตรูชอบลอบโจมตีตอนที่ตัวละครสำคัญนั่งในรถม้าให้เห็นอยู่บ่อย ๆ กายคิดว่าความคิดดูเข้าทีที่เดียว ในเมื่อรถยนต์ยังหุ้มเกราะได้ รถม้าก็ควรจะทำให้ได้ด้วย
แต่อันที่จริงแล้วในโลกนี้ก็ใช่จะไม่มีสิ่งที่คล้ายรถยนต์อยู่ซะทีเดียว แน่นอนว่ากายไม่รู้เรื่องนี้
รถม้ายังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ มันผ่านร้านขายอาวุธต้นไม้เงินไป และลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนคนขับรถม้าจะชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี
ผ่านไปเกือบ ๆ 1 ชั่วโมงรถม้าที่กายนั่งก็มาถึงจุดหมาย ที่จริงแล้วแม้มันจะถูกคนอื่น ๆ เรียกว่าสุสานชุดเกราะ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่สุสานอย่างที่อยู่ในชื่อ มันคือร้านสุสานชุดเกราะ ตามที่มีอาแนะนำมาที่นี่มีชุดเกราะขายในราคามือสองจำนวนมาก แน่นอนว่าชุดเกราะพวกนี้มันอาจจะไม่ดูดีและสภาพเต็มร้อย แต่ก็ช่วยประหยัดเงินได้
และชุดเกราะที่ร้านนี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กปี 1
หลังจากเดินเข้าไปด้านในร้านที่มีลักษณะเหมือนกับโกดังสินค้าไม้ขนาดใหญ่ ตัวร้านแบ่งออกเป็นหลายส่วน มันมีชั้นลอยด้านบนอยู่ด้วย ด้านหน้าเป็นสุดที่ชุดเกราะที่ได้รับการซ่อมแล้วถูกจัดเรียงโชว์ไว้ที่ตัวหุ่นพร้อมกับราคาที่ติดไว้บนป้ายเหล็ก
ถัดเข้าไปด้านในหน่อยจะมีกลองชุดเกราะที่ถูกเก็บรวมกันไว้ เป็น ๆ ชั้น บางชิ้นเก็บลงลังไม้ไม่ก็ลังเหล็กฝุ่นจับหนาพอสมควร
แต่ถึงแบบนั้นก็น่าแปลกที่มีคนเดินดูพวกมันและบางคนก็ถูกใจซื้อไปด้วย คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นทั้งทหารรับจ้าง ผู้คุ้มกัน พวกพ่อค้า นักสู้ และอาจจะพวกที่ทำธุรกิจสีเทา แน่นอนว่าเจ้าของร้านไม่ได้ใส่ใจว่าลูกค้าจะเป็นใครอยู่แล้วขอแค่มีเงินก็พอ
หนึ่งในคนที่มาซื้อนั้นยังรวมไปถึงนักเรียนจากสถาบันศาสตร์นักรบด้วย มีหลายคนที่กายคุ้นหน้าคุ้นตา จนกระทั่งเขาไปสะดุดอยู่กับนักเรียนกลุ่มหนึ่ง
วิลเลียมและลูคัส
“นครแห่งนี้ช่างแคบจริง ๆ” กายบ่นพึมพำออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นทั้งสองคน ทั้งสองก็เห็นเขาเช่นกัน
สายตาของวิลเลียมมองมาที่กายอย่างไม่พอใจ ราวกับต้องการสับเขาเป็นชิ้น ๆ แค่กายคิดแบบนั้นเขาก็รู้สึกสยอง “บางทีชีวิตแลกที่ตายในเกมอาจจะมาจากฝีมอหมอนี่ก็ได้”
วิลเลียมเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้ากายก่อนจะพูดด้วยความเย็นชา “ดาวิน เจอกันในวันทดสอบ เจ้าเตรียมตัวไว้ได้เลย”
กายได้ยินที่วิลเลียมพูด มันแสดงถึงการข่มขู่อย่างชัดเจน กายรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ จึงตอบกลับไปว่า “ข้าต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง”
ทั้งวิลเลียมและลูคัสทั้งสองได้ยินก็ถึงกับอึ้งกันไป ไม่คิดว่ากายจะตอบกลับมาแบบี้ แล้วพวกมันจะตอบกายยังไง จะให้วิลเลียมแนะนำวิธีการกลับไปอย่างนั้นเหรอ
กายไม่สนใจท่าทีหัวร้อนของวิลเลียม เพราะวิลเลียมสมควรโดน ในใจรู้สึกเหมือนได้เอาคืนมานิดหน่อยจึงเดินแยกออกมาทันที
แต่ตอนออกมาเขาก็สังเกตลูคัสด้วย ชายคนี้เป็นเหมือนงูพิษที่ชอบเห็นความวุ่นวาย กายรู้สึกไม่ชอบวิลเลียม แต่กับลูคัสเขารู้สึกไม่ไว้ใจ
ลูคัสยิ้มออกมาก่อนจะเดินตามวิลเลียมไป
............
ตามที่มีอาเคยบอกของพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากสนามรบ บางชิ้นนั้นถอดออกมาจากศพเลยก็มี ไม่ก็พวกของเก่าเก็บมือสอง มันอาจจะมีชุดของนครอื่น ๆ อยู่ด้วย แต่ชุดเกราะของกองทัพนครดาราฟ้าแล้ว มันจะไม่ถูกเอามาวางขายทั่วไป ชุดเกราะของกองทัพถือเป็นของผิดกฎหมายถ้ามีการซื้อขายกัน เวลามีทหารตายชุดเกราะจะถูกเก็บเข้าคลังของกองทัพนครดาราฟ้า เพราะถือว่ามันเป็นทรัพย์สินของกองทัพ
ส่วนครอบครัวทหารที่ตายนั้นจะได้รับเหรียญตราแสดงถึงการเสียสละของทหารนาย ๆ นั้นไปแทน
แต่กายคิดว่าที่เก็บกลับไปนอกจากเหตุผลเหล่านี้แล้วยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ชุดเกราะของกองทัพสร้างยาก และถือเป็นเทคโนโลยีการสร้างเกราะของกองทัพ คงไม่มีใครอยากจะให้ศัตรูรู้เรื่องเกราะป้องกันของฝั่งตัวเองหรอก
กายยังคงเดินดูต่อไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เขาสนใจชุดเกราะตัวไหนก็จะจับมัน ด้วยทักษะตรวจสอบของผู้เล่นทำให้ได้เปรียบมากกว่า NPC เหล่านนี้พอสมควร เพราะมันเท่ากับพวกเขาเป็นนักประเมินที่เห็นรายละเอียดของสิ่งของที่จับต้องได้อย่างชัดเจน
กายไม่มีปัญหา อย่างน้อยเขาก็มีระบบเกมคอยช่วยตรวจสอบมันดีกว่าพวกนักประเมินมากนัก
เขาไปเจอชุดหนึ่งที่ถูกเก็บไว้ในกอง เมื่อสังเกตดูดี ๆ จะเห็นชิ้นเนื้อแห้งและรอยเลือดสีดำติดอยู่
“เออ...” กายรู้สึกพูดไม่ออก พวกคนขายไม่คิดจะทำความสะอาดมันก่อนถึงเขามากองรวมกันหรือไงในตอนแรกเขาคิดว่ามีอาแค่พูดขำ ๆ ที่ว่าถอดออกมาจากศพ แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว
กายโยนมันลงไปที่เดิม แม้เขาจะไม่กลัวผีเพราะนี่มันในเกม ถ้ามีผีก็อาจจะเหมือนพวกจิตวิญญาณ อย่างจิตวิญญาณไฟในโถงอาหาร แต่นี่มันก็คงรู้สึกไม่ดีที่ต้องใส่ของที่มีชิ้นเนื้อติดแบบนี้
กายเดินดูต่อไปจนกระทั่งสายตาเขาเหลือบไปเห็นชุดเกราะชุดหนึ่งในลัง มันอยู่ลึกมากทั้งยังมีฝุ่นจับหนา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกราะตรงไหล่มันโผล่ออกมา เขาก็ไม่คิดจะหยุดดูมัน
แต่ที่ต้องหยุดดูเพราะกายดันเจอกับชุดเกราะที่เหมือนกับหนึ่งในชุดเกราะที่บันทึกไว้ในสมุดบันทึกช่างโลหะ
“เป็นไปได้ยังไง”
กายไม่รอช้ารีบเข้าไปถึงลังไม้นั้นออกมาดู ภายในมีชุดเกราะอยู่ มันเป็นชุดเกราะแบบทั้งชุด เขาหยิบมันขึ้นมาดู
“ชุดเกราะเบา เป็นแผ่นเหล็กที่มีลักษณะคล้ายเกล็ดของตัวนิ่มสีดำเรียงต่อกัน แต่อันที่จริงมันเป็นชิ้นเดียวกัน ถูกเชื่อมกับหนังสีดำที่ทนทานสูงปกปิดในจุดที่สำคัญของร่างกาย หน้าอก ไหล่ แผ่นหลัง ช่วงแขน และหน้าท้อง กับขา ตรงตามในหนังสือ บันทึกช่างโลหะทั้งหมด” กายรู้สึกเหลือเชื่อมากที่เจอกับมันที่นี่
“หรือว่ามันจะเกี่ยวกับคนที่เขียนหนังสือบันทึกช่างโลหะ”
“ชุดเกราะเกล็ดทมิฬ เทียม”
“ระดับ 3”
“ความสัมพันธ์กับชุดเกราะ 50%”
“ผู้สร้าง อีไลแอส เรบีอิล”
กายอ่านชื่อของผู้สร้างชุดเกราะอยู่สักพัก เขาทวนคำพูดวนไปวนมา แต่แล้วก็เหมือนจะไม่ได้อะไร จนในที่สุดเขานึกไปถึงคน ๆ “เฮ้ยนี่มันชื่อ ปรมาจารย์ช่างโลหะอีไลแอส เรบีอิล หนึ่งในสามปรมาจารย์ช่างโลหะของนครดาราฟ้า”
กายอึ้งไปจริง ๆ แล้ว “หรือว่าหนังสือบันทึกช่างโลหะที่อยู่ในมือเขาจะถูกเขียนโดยปรมาจารย์ช่างโลหะอีไลแอส เรบีอิล”