[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 150 หนุ่มน้อยจากบ้าน
ตอนที่ 150 หนุ่มน้อยจากบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น
ในห้องทำงานของผู้กำกับหลี่ ฉินหยู่มีสีหน้าเหมือนเมาค้าง ดวงตาของฉินหยู่เป็นสีแดงและเขาเข้ามายืนแข็งทื่อเล็กน้อย “ลุงหลี่ เมื่อคืนฉัน...!”
“โอ้ นี่พี่ฉินไม่ใช่เหรอ! เข้ามาเลยท่าน เข้ามาครับ นั่งลงเลยครับ” ผู้กำกับหลี่เงยหน้ามองและโบกมือพร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ฮ่าฮ่า พี่ฉิน ช่วงนี้มีปาร์ตี้ดื่มกันเยอะ ไม่มากไปเหรอ? ยุ่งหรือเปล่า ถ้านายไม่ว่างบอกฉันสิ พรุ่งนี้ฉันจะขอให้คนจากแผนกมาทำงานที่บ้านนายให้”
“โธ่ ลุงอย่าล้อฉันเล่นแบบนั้นสิ เดี๋ยวฉันเดือดร้อนแย่”
“ฉันจะกล้าดียังไงมาสร้างปัญหากับนาย ฉันกลัวว่านายจะดุฉันที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
“เมื่อคืนฉันดื่มมากเกินไปจริงๆ ฉันตั้งใจจะโทรหาเจ้าแมวแก่ แต่ไม่รู้ว่ากดเบอร์ผิดไปหาลุงแทนน่ะ” ฉินหยู่อธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันเมามาก และน้ำเสียงของฉันก็เลยหยิ่งผยองไปหน่อย… ลุงหลี่ อย่าถือเลยนะครับ ฉันล้อเล่นน่ะ”
“เฮอะๆ ๆ” ผู้กำกับหลี่หัวเราะอย่างไม่จริงจังและพยักหน้าพร้อมสั่ง “นั่งลง”
ฉินหยู่นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้าม
“น้องชายแบบไหนที่นายจะให้เข้าร่วมกองทัพ?” ผู้กำกับหลี่ถาม
“เอ้อ นั่นคือเด็กที่ฉันรับเลี้ยงมาครับ” ฉินหยู่ตอบอย่างช่วยไม่ได้ “เมื่อวันก่อนเขาก่อเรื่อง มันทำให้ฉันรู้สึกกังวล และฉันคิดอย่างรอบคอบแล้ว เด็กโตอย่างเขาจะอยู่บ้านไปนานๆ โดยไม่ทำอะไรได้ยังไง ฉันเลยอยากให้เขาไปเกณฑ์ทหารสักสองสามปี”
ผู้กำกับหลี่มองดูฉินหยู่ด้วยรอยยิ้ม “เขาไม่เกี่ยวอะไรกับนาย แต่นายใส่ใจเขา”
“เมื่อก่อนไม่สำคัญ แต่เขาเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆ ของฉันต่อจากนี้ไป” ฉินหยู่แยกเขี้ยวอธิบาย “เมื่อคืนเขาคำนับฉัน เอ้อ เด็กคนนี้มีชีวิตเหมือนฉันมาก ฉันจึงอยากจะดูแลเขา”
“กองทหารในปัจจุบันไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน และพวกเขาอาจเริ่มสงครามเมื่อไรก็ได้” ผู้กำกับหลี่เตือน
“ฉันคิดเรื่องนี้แล้ว” ฉินหยู่พยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ เขาเป็นน้องชายของฉัน แต่ฉันไม่สามารถควบคุมเขาได้ตลอดชีวิต ดังนั้นฉันสามารถสร้างหนทางให้เขาได้ ขึ้นอยู่กับเขาเอง ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้น ไปที่กองพลที่สามกันเถอะ ฉันจะโทรหาเพื่อนของฉันในกองทหารซงเจียง” ถ้าผู้กำกับหลี่ต้องการเพิ่มใครสักคนในกองทัพ เขาแค่พูดคำเดียวก็ได้รับอนุมัติอย่างไม่มีปัญหา
เมื่อฉินหยู่เห็นผู้กำกับหลี่กำลังจะรับโทร เขาก็หยุดไว้ทันที “ลุงหลี่ ทางที่ดีควรให้เขาอยู่ห่างจากฉัน ไม่ใช่ในซงเจียง”
ผู้กำกับหลี่ตกตะลึง
“คงจะดีถ้าเขาอยู่ห่างจากบ้าน”
“...!” ผู้กำกับหลี่กะพริบตา แล้วยืดคอถาม “พี่ฉิน นายคิดอย่างไรถ้าฉันปล่อยให้เขาไปที่เฟิ่งเป่ยเพื่อเป็นผู้บัญชาการกองทัพ นายพอใจไหม?”
“ลุงหลี่ อย่าล้อฉันเล่นน่า”
“นายมันเจ้าปัญหาจริงๆ” ผู้กำกับหลี่สาปแช่งด้วยรอยยิ้ม เอื้อมมือไปที่โทรศัพท์พลางตอบว่า “กองทัพที่ 2 อยู่นอกพื้นที่ ไปที่นี่”
“เยี่ยมเลยครับ” ฉินหยู่พยักหน้าอย่างมีความสุข “ขอบคุณครับลุงหลี่”
“ขอบใจพี่ฉิน ปล่อยให้นายต้องเอ่ยปากขอให้ฉันทำอะไรให้ ฉันละอายใจจริงๆ”
“ลุงหลี่ ถ้าพูดแบบนั้นอีก ลุงจะทำให้ฉันนั่งไม่ติดเก้าอี้”
“ฮ่าฮ่า” ผู้กำกับหลี่ยิ้ม มองลงไปที่สมุดโทรศัพท์ โทรออกสบายๆ และจัดการเรื่องให้เสร็จเรียบร้อย
หลังจากที่ฉินหยู่ขอบคุณเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ถามเรื่องอื่นด้วยทันที “ลุงหลี่ ลุงโทรหาฉันเมื่อกี้ และบอกว่าเรากำลังจัดหาคนใหม่ๆ สำหรับกลุ่มของเราเหรอครับ?”
“ใช่ ฝ่ายบริหารได้มอบหมายกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนตำรวจเฟิ่งเป่ย ประมาณยี่สิบคน บางส่วนจะถูกเก็บไว้ที่กรมตำรวจ ยังมีนักเรียนหกคนที่ได้รับมอบหมายให้อยู่ในแผนกของเรา ฉันจะให้นายเอาไปสองคน”ผู้กำกับหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“สถานการณ์ในแผนกตอนนี้วุ่นวายเกินไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากถูกซื้อเข้ามาโดยมองหาคอนเน็กชันภายนอก และมักจะไม่มองกองกำลังเก่าที่ค้างอยู่ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยในระบบแบบนี้เป็นที่ต้องการมากกว่า”
ฉินหยู่เข้าใจโดยธรรมชาติว่าผู้กำกับหลี่กำลังมองมาที่เขาเพื่อเพิ่มผู้ช่วยฝีมือดีให้กับทีมของเขา เพื่อที่เขาจะได้จัดตั้งทีมโดยเร็วที่สุด “นั่นก็ดีครับ แต่ตอนนี้ฉันอยู่ในทีมสี่ ฉันกลัวว่าเมื่อถึงเวลาฉันจะย้ายไป หลิวเป่าเฉินทำให้ฉันสะดุดและปฏิเสธที่จะปล่อยฉันไป”
“ทะเบียนตำรวจอยู่ในกลุ่มของนาย และสองคนนี้เคยเป็นเด็กฝึกงานมาก่อน เมื่อหมดช่วงฝึกงานฉันจะมอบหมายให้นายโดยตรงผ่านการโอนย้ายบุคลากรในแผนก”
“ลุงหลี่ บอกฉันทีว่าฉันควรจะขอบคุณยังไง คุณช่วยน้องชายของฉันเข้ารับราชการทหาร และคุณก็ชื่นชมฉันด้วย… ฉันรู้สึกอบอุ่นใจจริงๆ”
“ไปให้พ้นได้แล้ว” ผู้กำกับหลี่ขี้เกียจเกินกว่าจะฟังคำเยินยอของเขาและโบกมือไล่ “ปูทางให้ดี แล้วเริ่มธุรกิจให้ได้อย่างรวดเร็ว”
“ครับผม” ฉินหยู่ จากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
……
วันรุ่งขึ้นเวลาแปดโมงเช้า
ฟันเหยินถือกระเป๋าเดินทางธรรมดาๆ แล้วหันไปมองฉินหยู่ อย่างเกรงๆ “...ฉันต้องรีบขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”
“ใช่” ฉินหยู่ถือบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในปาก ก้มลงแล้วหยิบเงินสองร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋า หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็พูดว่า “ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเงิน แบ่งกันคนละครึ่งเถอะ”
“ฉันไม่ต้องการเงิน” ฟันเหยินส่ายหัวและปฏิเสธ
“ฉันไม่สนใจว่านายจะใช้ร้อยหยวนนี้เพื่อกินอะไรดีๆ หรือใช้เพื่อหาเพื่อน” ฉินหยู่ยัดเงินเข้ากระเป๋ากางเกงของฟันเหยิน “ต่อไป ในระหว่างที่นายอยู่ในกองทัพแต่ฉันยังมีเพียงเล็กน้อย ฉันจะไม่มีเงินส่งให้นายหรอก อีกอย่าง อย่าคิดว่าฉันมีเพื่อนสนิทในกองทัพที่คอยช่วยดูแลอันธพาลตัวน้อยนะ ฉันพยายามแล้วแต่เพื่อนพวกนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้านายต้องการทำอะไรพิเรนทร์ๆ ในกองทัพก็ไม่มีใครควบคุมนายได้ นายต้องรับผิดชอบคนเดียว”
“ฉันรู้แล้ว” ฟันเหยินพยักหน้า
“เมื่อนายถึงเฟิ่งเป่ย ไปที่สำนักงานกองพลที่ 4 ของกองทัพที่ 2 ด้วยตัวเอง มีที่อยู่และบุคคลที่จะทำเรื่องให้นายเขียนไว้บนเอกสารแล้ว แค่มองหาเขา” ฉินหยู่ยืนในสถานีแล้วลูบหัวฟันเหยินด้วยความเอ็นดู “เอาล่ะ เดินทางให้สนุกนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟันเหยินก็พยักหน้าอย่างมึนงง
ข้างๆ เขา เซียงเซียงมองฟันเหยินอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากเก็บความรู้สึกอยู่นานเธอก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างขี้อาย แล้วก้มลงหยิบถุงมือขนสัตว์ที่เธอถักเองจากกระเป๋าออกมา “...หวังเฮ่อหนาน นายมีค่ามากกว่าฉัน ชีวิตมีความหวังมากกว่าฉัน ฉันขอให้นายเจอแต่สิ่งที่ดีที่สุดและทำงานหนักในกองทัพ”
ฟันเหยินสูดหายใจเข้าอย่างแรงและมองเซียงเซียง “ฉันจะหาเงินในกองทัพ ฉันจะส่งมันกลับมาให้เธอเพื่อเอาไปโรงเรียนนะ”
“ฉันขอให้นาย...โชคดีนะ...!” เซียงเซียงพูดแล้วหันหลังกลับวิ่งจากไป
ฟันเหยินจ้องมองที่แผ่นหลังของเธอค่อยๆ ห่างออกไป โบกมือแล้วตะโกน “ฉันมีวันหยุด ดังนั้นฉันจะกลับมาหาเธอ!”
“เกือบได้เวลาแล้ว จะมาโรแมนติกอะไรกันตอนนี้วะ?” ฉินหยู่เร่งเร้าอย่างรำคาญ “ขึ้นรถเร็วๆ ใกล้จะปิดประตูแล้ว”
“พี่ชาย ฉันไปละ...”
“ไปให้พ้น!” ฉินหยู่โบกมือ
หลังจากนั้นไม่นาน ฟันเหยินก็เดินถือกระเป๋าเดินทางเดินลับเข้าประตูรถไฟรางเบา
เสียงระฆังดังขึ้น และรถไฟก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ
ฉินหยู่เหลือบมองที่หน้าต่างรถสองสามครั้ง เขาก็รู้สึกใจหายเล็กน้อยและหันหลังกลับเตรียมจะจากไป
“แก๊งๆ ๆ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วๆ ดังขึ้น
ฉินหยู่หันกลับไปมอง
ฟันเหยินยืนเคาะขอบหน้าต่างรถไฟที่ปิดอยู่พร้อมตะโกนสุดเสียง “พี่ชาย ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ไม่ว่ากองทัพจะยากแค่ไหน ฉันต้องได้ดีและโดดเด่นแน่นอน!”
ฉินหยู่ไม่ได้ยินเสียงตะโกนของฟันเหยินทะลุกระจกหน้าต่าง แต่เมื่อดูสีหน้าและอ่านปากของฟันเหยิน เขาก็พยักหน้าตอบกลับอย่างหนักแน่น
รถไฟแล่นออกไปอย่างช้าๆ และน้องชายก็เดินทางมุ่งหน้าไปสู่จุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา
……
อีกด้านหนึ่งของเมือง
หยวนเค่อซึ่งซุ่มตัวเงียบไปนานกว่าสองสามเดือนได้ทำการปฏิรูปบริษัทของเขาครั้งใหญ่
มีผู้คนหน้าใหม่มากหน้าหลายตาที่ไม่รู้จักเริ่มเข้ามาพื้นที่ทีละคนสองคน ในขณะเดียวกันพี่เซียวที่เข้ามาในเมืองอย่างเงียบๆ จากพื้นที่โครงการพัฒนา ก็เริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองอย่างไม่มีใครรู้
พายุลูกใหม่ซึ่งไม่มีใครคาดเดาได้กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ
…………………………………………………………..