284 - มากันแล้ว
284 - มากันแล้ว
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย กลุ่มหนึ่งก็ขึ้นไปบนสันเขาเพื่อหาที่ซ่อนตัวและรับประทานอาหารแห้งของตัวเอง
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้จุดไฟหรือส่งเสียงดัง ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ แต่ละคนกลั้นหายใจเพียงรอให้กลุ่มโจรมาถึงเท่านั้น
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง แต่ทว่าโจรวายุทมิฬก็ยังไม่มาที่นี่ เอี้ยนลี่เฉียงนั่งเอนหลังพิงก้อนหินขณะที่เขาหยิบคันธนูงูเหลือมเขาออกมาถือไว้
สายธนูทำด้วยเอ็นของงูเหลือมเขา เนื่องจากมีลักษณะเฉพาะสายธนูจึงง่ายต่อการดูแล เพียงแค่ใช้เนื้อและไขมันของงูเหลือมเขาเช็ดถูสายธนูเบาๆเพื่อรักษาความตึงและความลอยตัวของสายธนูมันก็จะสามารถใช้ได้ตลอดไป
ก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะรู้ตัว ทหารหนุ่มคนหนึ่งก็ค่อยๆเคลื่อนตัวมาอยู่ข้างๆเขาเงียบๆ ทหารคนนั้นนั่งลงที่ก้อนหินก้อนเดียวกันกับเอี้ยนลี่เฉียงและถามว่า
“หัวหน้าเอี้ยน ท่านคิดว่าพวกโจรวายุทมิฬจะมาหรือเปล่า”
เอี้ยนลี่เฉียงขยับสายตาจากสายธนูไปยังนายทหารคนนั้น นายทหารคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหูไห่เหอเอง
หูไห่เหอมีอายุมากกว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่กี่ปี แต่ว่าชีวิตในกองทัพทำให้เขามีใบหน้าที่ค่อนข้างหยาบกร้านเล็กน้อยรวมทั้งยังมีหนวดเคราครึ้ม
แต่แม้ว่าใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงจะเกลี้ยงเกลาไม่มีหนวด อย่างไรก็ตามเมื่อพูดคุยกับเอี้ยนลี่เฉียง น้ำเสียงและท่าทางของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังพูดคุยกับผู้อาวุโสที่เขานับถือ
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่ทหารหนุ่ม ทหารคนนี้ชื่อหูไห่เหอเขาดูหล่อเหลาสมชายชาตรี ใบหน้าของเขาทำให้เอี้ยนลี่เฉียงนึกถึงหูเกอที่เคยแสดงหนังเรื่อง 'Chinese Paladin'
หากเป็นชาติก่อนของเอี้ยนลี่เฉียง หูไห่เหอคงจะดึงดูดผู้หญิงจำนวนมากได้อย่างแน่นอน เขามีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะกลายเป็นชายงามแห่งยุค
อย่างไรก็ตามในโลกนี้ที่ซึ่งความกล้าหาญและความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก เขาทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
ความเกลียดชังในดวงตาของหูไห่เหอกำลังลุกไหม้ราวกับลูกบอลสองลูกที่โหมกระหน่ำ เอี้ยนลี่เฉียงรู้ทันทีว่าหูไห่เหอคิดอะไรอยู่เพียงแค่ชำเลืองมองใบหน้าของเขา
“อันที่จริงข้าก็ไม่รู้ว่าพวกโจรจะมาหรือเปล่า!” เอี้ยนลี่เฉียงตอบอย่างใจเย็น
คำตอบของเอี้ยนลี่เฉียงทำให้หูไห่เหอตกตะลึงเพราะเขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบดังกล่าวจากปากของเอี้ยนลี่เฉียง จากนั้นเขาก็ถามอีกครั้ง
“หัวหน้าเอี้ยน…ก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ?”
“ข้าไม่ใช่เทพเซียน ข้าย่อมไม่สามารถรู้ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในสนามรบ แต่ในความคิดของข้าข้ามั่นใจว่าพวกมันจะต้องตามเรามาอย่างแน่นอน!”
"เข้าใจแล้ว!"
หูไห่เหอก้มศีรษะและพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปที่เอี้ยนลี่เฉียง เขามีความลังเลที่จะพูดความในใจของตัวเอง
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกเห็นใจหูไห่เหอ ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่า
"ถ้าพี่หูต้องการความช่วยเหลือจากข้า พูดออกมาเถอะ!"
“ข้าอยากขอให้ท่านเป็นอาจารย์ของข้าได้หรือไม่”
ในที่สุดหูไห่เหอก็พูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาจ้องมองที่เอี้ยนลี่เฉียง
คำพูดเหล่านี้ทำให้เอี้ยนลี่เฉียงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เอี้ยนลี่เฉียงยิงคำถามกลับไปที่หูไห่เหอทันที
“เจ้าอยากเรียนอะไรจากข้า”
“ยิงธนู!”
น้ำเสียงของหูไห่เหอกลายเป็นน้ำเสียงที่แน่วแน่ เขากำหมัดแน่นในขณะที่เขาพูดต่อ
"ข้าต้องการล้างแค้นให้พี่ชายและฆ่าพวกโจรวายุทมิฬรวมไปถึงนักรบชาตูทั้งหมดในอนาคต... "
เอี้ยนลี่เฉียงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว
“เกรงว่าเวลาไม่เหมาะสมข้าไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาเรื่องนี้ให้เจ้าได้!”
การแสดงออกของหูไห่เหอในดวงตาของเขาเริ่มดูหมองคล้ำเมื่อฟังคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียง อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงก็กล่าวต่อ
“แต่ถ้าเราสามารถกลับไปที่เมืองหลวง เราสามารถฝึกยิงด้วยกันเมื่อเรามีโอกาส!”
ดวงตาของหูไห่เหอเป็นประกายในทันทีและเขามองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงด้วยความรู้สึกขอบคุณ
"ขอบคุณหัวหน้า!"
“ไม่เป็นไร คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าโจรวายุทมิฬมาขอให้เจ้ามีการแสดงออกที่ดี!”
"ข้าจะไม่ทำให้หัวหน้าผิดหวัง!"
หูไห่เหอพยักหน้าและกำลังกลับไป ทหารองครักษ์ที่อยู่รอบๆซึ่งกำลังมองพวกเขาอยู่ต่างก็มีใบหน้าเปล่งประกาย
บรรยากาศที่สันเขาเงียบสนิทและทุกคนต่างพูดด้วยเสียงต่ำมาก สิ่งเดียวที่พวกเขาได้ยินคือเสียงลมหวีดหวิวท่ามกลางโขดหินที่แห้งแล้ง
เมื่อถึงตอนค่ำคืนเอี้ยนลี่เฉียงอาสาที่จะเป็นทหารรักษาการณ์และนอนข้างก้อนหินบนสันเขาเพื่อสำรวจหุบเขาด้านล่าง เฝ้าติดตามสถานการณ์ในระยะไกล
เอี้ยนลี่เฉียงไม่รู้ว่าโจรวายุทมิฬจะมาเมื่อใด ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรออยู่ที่นี่
เที่ยงคืนได้มาถึงในชั่วพริบตา แต่โจรวายุทมิฬก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียงหอนของหมาป่าเป็นเสียงเดียวที่สะท้อนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ถึงกระนั้น เหลียงอี้เจี๋ยก็เข้ามาใกล้เขาอย่างเงียบๆและพูดว่า
“ไปพักผ่อนก่อน ลี่เฉียง ปล่อยให้พื้นที่นี้เป็นของข้า!”
"ตกลง!"
เอี้ยนลี่เฉียงตอบโดยไม่ลังเล และเปลี่ยนตำแหน่งของเขากับเหลียงอี้เจี๋ยแต่เขาไม่ได้ออกไปไหนเพียงถือผ้าห่มของตัวเองไปนั่งหลบลมอยู่ใกล้ๆเท่านั้น
ในเวลาเพียงชั่วครู่ เขาก็เข้าสู่เทวสถานสวรรค์และเข้าสู่แดนสวรรค์ เอี้ยนลี่เฉียงอ่านหนังสือและฝึกฝนในอาณาจักรสวรรค์ ใช้เวลาทั้งวันอย่างมีความสุข
หลังจากที่เขากลับมาโลกแห่งความเป็นจริงเขาก็ค่อยๆนอนพักผ่อน
... ......
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่เอี้ยนลี่เฉียงก็ถูกปลุกขึ้นมาโดยทหารคนหนึ่ง
เอี้ยนลี่เฉียงลืมตาขึ้นอย่างฉับพลันและกลิ้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้น ดวงจันทร์ข้างแรมก็เริ่มจางหายไปจากขอบฟ้า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาใกล้รุ่งสางพอดี
ขณะที่เขาลุกขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าเหลียงอี้เจี๋ยอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เหลียงอี้เจี๋ยกระซิบบอกเอี้ยนลี่เฉียงด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พวกมันกำลังมาแล้ว…”
เย่เทียนเฉิงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามด้วยความกลัวว่าเขาจะสร้างความวุ่นวาย ทหารจึงรีบใช้ผ้ายัดปากของเขาเพื่อไม่ให้เขาส่งเสียงใดๆออกมาได้
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีที่จะได้ทำการตอบโต้กลับไป
“ทุกคนซ่อนตัวไว้อย่าโผล่ศีรษะออกมา การโจมตีครั้งแรกจะเริ่มจากข้าหรือไม่ก็ลี่เฉียงเท่านั้น…”
ใบหน้าของเหลียงอี้เจี๋ยเริ่มเคร่งขรึมในขณะที่เขาได้กำหนดมาตรการป้องกันทางวินัยขั้นสุดท้ายให้แก่ทหารของตัวเอง แต่ละคนพยักหน้าเป็นคำตอบ
ภายในไม่กี่นาที กลุ่มโจรวายุทมิฬก็เดินทางเข้าสู่หุบเขาเงียบสงัดราวกับฝูงหมาป่า
เมื่อพิจารณาจากจำนวนแล้ว ยังมีโจรวายุทมิฬเหลืออยู่ประมาณเจ็ดร้อยคน ความแข็งแกร่งของตัวเลขยังคงมากมายมหาศาล
เอี้ยนลี่เฉียงหยิบคันธนูของตัวเองออกมาด้วยความตื่นเต้น คนที่จะกลายเป็นพลังงานให้กับเครื่องเล่นแคปซูลของเขาได้มาถึงแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงได้เลือกพื้นที่ยิงที่ห่างจากแนวยิงของทหารองครักษ์คนอื่นๆสามร้อยวา เขามีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะหัวหน้ากลุ่ม หลังจากเขายิงแล้วทหารคนอื่นๆจึงจะทำการโจมตี