283 - แผนการซุ่มโจมตีของเอี้ยนลี่เฉียง
283 - แผนการซุ่มโจมตีของเอี้ยนลี่เฉียง
ซุนปิงเฉินรู้ด้วยว่ากำลังเสริมจากแคว้นกานจะไม่มีวันมาถึงที่นี่ การส่งคนของเขาไปยังแคว้นกานเพื่อขอความช่วยเหลือเป็นเพียงการกระทำเพื่อให้ทหารองครักษ์ที่รบในแนวหน้ามีความสงบลงเท่านั้น
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้มาก่อน แต่ก็สามารถบอกได้อย่างมั่นใจหลังจากที่พักฟื้นอยู่หลายวัน
"นี่คือเหตุผลที่เราต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่างเท่านั้น!"
ด้วยรอยย่นเล็กน้อยที่หน้าผากของเขาเหลียงอี้เจี๋ยกล่าวต่อ
“กลุ่มโจรวายุทมิฬอาจไม่ถอยกลับง่ายๆ …”
นัยน์ตาของเอี้ยนลี่เฉียงเป็นประกายอย่างเจิดจ้าขณะที่เขาพูด “พี่เหลียง เจ้าเคยได้ยินวลีที่ว่า 'จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการลั่นกลองชุดแรก แต่หมดไปในครั้งที่สองและหมดแรงในครั้งที่สาม'
โจรวายุทมิฬไม่ต้องสงสัยเลย จะไม่ถอยกลับแบบนั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักถึงสองครั้งนับตั้งแต่เราพบพวกเขาตั้งแต่แรก
นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาหมดกำลังใจ ข้าเชื่อว่าพวกเขากำลังดิ้นรนที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นไม่เช่นนั้นนายท่านคงไม่สั่งให้พวกเราออกเดินทางตั้งแต่ตอนที่กำลังเสริมยังมาไม่ถึง ข้ามีแผนในใจ และข้าอยากจะคุยกับพี่เหลียงสักหน่อย… "
"บอกข้ามา เจ้าคิดเห็นอย่างไร" ?" เหลียงอี้เจี๋ยเปิดเผยท่าทางสนใจอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของเขาเมื่อเขาถามคำถาม
เอี้ยนลี่เฉียงเลียริมฝีปากของเขาและอธิบายว่า
"อันที่จริง เราไม่ต้องรอให้โจรวายุทมิฬเข้ามาโจมตีเราก่อน เราสามารถดักฆ่าพวกมันรวมไปถึงวางกับดักไว้ตามเส้นทางด้วย…”
“กับดักแบบไหนกัน?”
“ตราบใดที่เราพบภูมิประเทศที่เหมาะสม เราก็สามารถซุ่มโจมตีพวกมันได้โดยตรง แม้ว่าจำนวนของโจรวายุทมิฬจะเกินจำนวนของเราหลายเท่า เราก็ไม่ต้องกลัว…”
เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวขณะที่เขาโบกมือเพื่อย้ำ และเสนอแผนการของเขาต่อเหลียงอี้เจี๋ย
ดวงตาของเหลียงอี้เจี๋ยเป็นประกายเมื่อเขาฟังแผนและพบว่ามันมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ หลังจากพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เผชิญหน้ากับเอี้ยนลี่เฉียงและพยักหน้าให้เขา
“ลี่เฉียง รอสักครู่ข้าจะนำเรื่องนี้ไปเสนอนายท่าน”
"ตกลง!"
เหลียงอี้เจี๋ยเตะโกลนเล็กน้อยและก่อนจะพาม้าแรดของตัวเองไปพบซุนปิงเฉินซึ่งอยู่ข้างหน้ากองทหาร
เอี้ยนลี่เฉียงมองดูเหลียงอี้เจี๋ยขณะที่เขาบังคับม้าไปทางซุนปิงเฉินและพูดคุยกับเขาโดยหันหน้าไปทางเอี้ยนลี่เฉียงเป็นครั้งคราว ก่อนที่ซุนปิงเฉินจะพยักหน้าในที่สุด…
แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงและทหารคนอื่นๆจะมีเวลาพักผ่อนมาสองวันแล้ว แต่เหลียงอี้เจี๋ยก็ไม่เคยหยุดคิดถึงกลุ่มโจรวายุทมิฬแม้แต่ครั้งเดียว
นับตั้งแต่คืนนั้นที่โจรวายุทมิฬล่าถอย แม้ว่าเหลียงอี้เจี๋ยจะไม่ไม่ได้ติดตามพวกมันไปเพื่อสำรวจที่ตั้งค่ายของโจรแต่เขาก็สั่งให้ทหารออกไปลาดตระเวนรอบๆตลาดตระกูลฮุ่ยอยู่เสมอ
เพราะกลัวว่าโจรวายุทมิฬพวกนั้นจะตั้งค่ายหรือวางกับดักพวกเขาในระหว่างทางหรือไม่ ในความเป็นจริงหลังจากที่โจรวายุทมิฬถอยกลับพวกมันก็ไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะโจมตีอีกครั้ง
นักบวชจากเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรชาตูเสียชีวิตแล้ว อาลิกูจินก็ตายแล้วเช่นกัน โจรวายุทมิฬประสบความสูญเสียติดต่อกันระหว่างปฏิบัติการสองครั้ง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ ความสามารถในการต่อสู้ของโจรวายุทมิฬในภาวะที่ไร้ผู้นำจะลดลงอย่างมากอย่างไม่ต้องสงสัย บางทีกองกำลังภายในของพวกเขาก็มีปัญหาอยู่แล้ว ซึ่งนำไปสู่ข้อพิพาทมากมาย
แม้ว่าโจรวายุทมิฬจะไม่ได้ปรากฏตัวในทันที สุดท้ายพวกเขาก็ต้องซุ่มโจมตีอีกครั้งก่อนที่กองทหารของซุนปิงเฉินจะไปถึงเมืองเฟิ่งหมิงของแคว้นหลัน
ระยะห่างระหว่างพวกเขาและเมืองเฟิ่งหมิงมีเพียงสี่ร้อยลี้ แม้ว่าระยะทางนี้ดูเหมือนจะไม่ไกลในแผนที่ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาจะต้องเดินลัดเลาะไปตามภูเขาและต้องผ่านหุบเหว
แม้แต่ม้าแรดก็ยังต้องใช้เวลาสามวันกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายได้
เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆต้องผ่านเส้นทางที่ยากลำบากอย่างยิ่ง ถนนข้างหน้านั้นกว้างใหญ่ แต่แทบจะขาดผู้คนเนื่องจากถิ่นทุรกันดารรายล้อมพวกเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ในขณะเดียวกัน ถนนสายนี้ก็ถือเป็นดินแดนที่กลุ่มโจรวายุทมิฬมีโอกาสซุ่มโจมตีพวกเขามากที่สุด
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆผ่านเมืองเฟิ่งหมิงและเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออก จะถือได้ว่าพวกเขาเข้าสู่ภาคกลางของอาณาจักรฮั่นซึ่งจะมีประชากรหนาแน่นและเมืองขนาดใหญ่มากมาย
ดังนั้นไม่มีทางที่โจรวายุทมิฬจะไล่ตามพวกเขาไปจนถึงภาคกลางและมีความเป็นไปได้ที่สุดว่าพวกเขาจะลงมืออีกครั้งก่อนที่กองทหารนี้จะไปถึงเมืองเฟิ่งหมิง
เมื่อพวกเขามีความชัดเจนในประเด็นนี้ดังนั้นการวางกับดักและซุ่มโจมตีที่พวกเอี้ยนลี่เฉียงสร้างขึ้นก็ต้องทำขึ้นบนถนนเส้นนี้อย่างแม่นยำ
ไม่นานนักพวกเขาก็พบสถานที่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว เย็นวันนั้น เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆกำลังมองหาที่ตั้งค่าย เมื่อพวกเขาเดินผ่านหุบเขา เอี้ยนลี่เฉียงก็สังเกตหน้าผาทั้งสองข้างอย่างตั้งใจ
หุบเขานี้ดูไม่อันตรายเท่าหุบเขาหมาป่า ถึงกระนั้นหุบเขาทุกที่บนถนนสายนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาทั้งสิ้น
ช่องเขาของหุบเขากว้างที่สุดไม่ถึงร้อยวา และแคบที่สุดประมาณยี่สิบวาเท่านั้น มีโขดหินและวัชพืชขึ้นปกคลุมภายในหุบเขาด้วย
ในทางกลับกัน ด้านข้างของหุบเขาเต็มไปด้วยสันเขาที่มีความสูงไม่เท่ากัน แน่นอนว่าภูมิประเทศลักษณะนี้มีความอันตรายอย่างยิ่งที่จะเคลื่อนกองทัพผ่าน
ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงขี่ม้าแรดไปทางช่องเขา เขาเหลือบมองไปรอบๆสักครู่ก่อนที่จะควบม้าไปในทิศทางของเหลียงอี้เจี๋ย ทั้งสองสบตากันขณะขี่ม้า พวกเขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ในใจ
“เลือกที่นี่เถอะ หากพวกโจรวายุทมิฬกล้าไล่ตามมาจริงๆพวกเราก็จะได้ฆ่าพวกมันที่นี่!” เอี้ยนลี่เฉียงพูดกับเหลียงอี้เจี๋ย เหลียงอี้เจี๋ยพยักหน้าและกล่าวว่า
“ข้าขอสอบถามความเห็นจากนายท่านก่อน!”
"ตกลงตามนั้น!"
ซุนปิงเฉินยังได้สังเกตภูมิประเทศและธรณีสัณฐานของพื้นที่นี้แล้ว เมื่อเขาเห็นเอี้ยนลี่เฉียงและเหลียงอี้เจี๋ยขี่ม้าเข้ามา เขาก็รู้แล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร
“ถ้าเราตั้งค่ายซุ่มโจมตีที่นี่ เราจะมีข้อได้เปรียบด้านภูมิประเทศอย่างแน่นอน ทำทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการ เราจะหาที่ไหนสักแห่งนอกหุบเขาเพื่อตั้งค่ายของเรา เตรียมตัวให้พร้อม!”
เอี้ยนลี่เฉียงและเหลียงอี้เจี๋ยพยักหน้าตอบกลับ
บางทีเอี้ยนลี่เฉียงอาจไม่รู้ตัว แต่การพึ่งพาอาศัยของซุนปิงเฉินที่มีต่อเขานั้นเพิ่มระดับจนเทียบเท่ากับเหลียงอี้เจี๋ยแล้ว
เนื่องจากพวกเขาตัดสินใจว่าจะซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือค้นหาสถานที่ซ่อนตัวเพื่อให้เหมาะสมกับการโผล่ออกมาโจมตีในช่วงที่ศัตรูคิดไม่ถึง
เงื่อนไขในการเลือกสถานที่ซุ่มโจมตีก็ง่ายเช่นกัน ข้อกำหนดแรกคือการหาพื้นที่ที่สูงที่สุดเพื่อพวกเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดในการทำการโจมตีศัตรูที่ไล่ตามมา
อย่างที่สองคือถ้าไม่เป็นไปตามแผน พวกเขาก็สามารถถอยกลับได้อย่างสะดวกและทันที ในขณะเดียวกันโจรวายุทมิฬจะไม่สามารถไล่ตามพวกเขาได้ในเวลากระชั้นชิด
ด้วยข้อกำหนดทั้งสองนี้ เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเกินไปในการหาที่ซุ่มโจมตีที่เหมาะสมในหุบเขาแห่งนี้
ความสูงจากพื้นหุบเขาสูงประมาณแปดสิบวา หากมนุษย์ต้องการไต่กำแพงภูเขาสูงชันทั้งสองด้าน มันจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่นักปีนเขาที่มีทักษะก็ไม่มีความสามารถระดับนี้
เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆตั้งค่ายพักบนเนินเขานอกหุบเขา หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ทหารรักษาการณ์อีกสิบคนที่เหลือและทหารที่บาดเจ็บอีกสิบนายก็เริ่มจุดไฟทำอาหาร
ในขณะเดียวกัน อีกเจ็ดถึงสิบคน รวมทั้งซุนปิงเฉินและเย่เทียนเฉิงได้ขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอีกครั้งแล้วไปติดตามสถานะการโจมตีในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัด
ในตอนแรกเหลียงอี้เจี๋ยต้องการให้ซุนปิงเฉินอยู่ที่ค่ายและไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ที่อันตราย
อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาของเหลียงอี้เจี๋ยถูกล้มล้างเมื่อซุนปิงเฉินกล่าวว่าเขาต้องการมาและสังเกตสถานการณ์เป็นการส่วนตัว