282 - ไม่มีวันที่กำลังเสริมจะมาถึง
282 - ไม่มีวันที่กำลังเสริมจะมาถึง
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อรุ่งสางเพิ่งมาถึง ซุนปิงเฉินและคนของเขาได้เก็บข้าวของแล้วและกำลังเตรียมที่จะออกจากตลาดตระกูลฮุ่ย
โกศที่บรรจุขี้เถ้าของซากศพ 26 ศพจากเมื่อคืนนี้ ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าหนัง 26 ซึ่งหุ้มด้วยหญ้าแห้งอยู่ข้างในเช่นกัน พวกเขาแขวนอยู่บนอานม้าของทหารองครักษ์แต่ละคน
แม้ว่าการเดินทางจะยาวนานและยากลำบาก โกศเหล่านี้ก็ไม่แตกหัก
แม้ว่าบางคนจะได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้และไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์หลังจากการปรับสภาพใหม่สองวัน แต่การเคลื่อนไหวของพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถผ่อนคลายได้เหมือนตอนที่พวกเขาออกจากแคว้นกาน ทันทีที่พวกเขาออกจากตลาดตระกูลฮุย ทุกคนได้เตรียมการประเภทต่างๆ
ตั้งแต่การลับดาบไปจนถึงการให้อาหารม้าอย่างเพียงพอ พวกเขายังพกเสบียงแห้งและน้ำไปด้วยในปริมาณที่เพียงพอด้วย
ทหารส่วนใหญ่ยังขอความช่วยเหลือจากช่างตีเหล็กที่โรงตีเหล็กในตลาดตระกูลฮุ่ย เพื่อสร้างแผ่นเกราะที่พวกเขาสามารถสวมใส่ได้ภายใต้เสื้อผ้าของพวกเขา
เอี้ยนลี่เฉียงได้เตรียมการบางอย่างในช่วงสองวันนี้เช่นกัน
เขายังพกถือคันธนูงูเหลือมเขาซึ่งถูกวางไว้หลังอานม้าแรดของเขา ในเวลาเดียวกันเขาได้เพิ่มจำนวนลูกธนูในกระบอกธนูของเขาด้วย
กระบอกลูกธนูธรรมดาสามารถเติมได้เพียงสามสิบหกลูกเท่านั้น หนึ่งกระบอกก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่จะนำมาเพราะข้อจำกัดทางกายภาพที่กำหนดไว้ระหว่างการต่อสู้
มีไม่กี่คนที่สามารถยิงธนูต่อเนื่องได้ 36 ลูก แม้ว่าพวกเขาจะถือว่าเป็นนักธนูที่เก่งกาจก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของเอี้ยนลี่เฉียงนี่ไม่ใช่ปัญหา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เพียงพกลูกธนูไป 1 กระบอกแต่โดยรวมแล้วเขาสามารถใช้ลูกธนูได้ถึง 108 ลูก
นอกจากคันธนูแล้วเขายังพกทวนเล่มหนึ่งติดไว้กับอานม้า
บรรยากาศเมื่อออกจากตลาดตระกูลฮุ่ยนั้นเป็นเหมือนการไปปิกนิก ทหารทุกคนล้วนสบายใจเมื่อมองเห็นลูกธนูมากมายของเอี้ยนลี่เฉียง
จิตใจของทุกคนผ่อนคลาย แม้ว่ากลุ่มโจรวายุทมิฬจะกลับมาอีกครั้ง ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพียงแค่เอี้ยนลี่เฉียงโบกคันธนูเขาก็สามารถฆ่าพวกโจรได้ราวกับเป็นการละเล่นชนิดหนึ่ง
เรื่องที่เอี้ยนลี่เฉียงสามารถสังหารโจรวายุทมิฬได้ 100 กว่าคนแพร่กระจายไปทั่วกองทัพ ในขณะที่บางคนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่บอกว่าเขาได้สังหารคนไปทั้งหมดประมาณแปดสิบถึงเก้าสิบคน
แต่ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใดก็ตามทุกคนต่างประจักษ์ในฝีมือของเขาดีแล้ว
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆออกเดินทาง หัวหน้าชางลู่แห่งตลาดตระกูลฮุ่ยก็ออกมาส่งพวกเขาถึงทางเข้าเป็นการส่วนตัว
ในช่วงสองสามวันนี้ การมาถึงของพวกเอี้ยนลี่เฉียงสร้างรายได้มากมายให้กับตลาดตระกูลฮุ่ย เนื่องจากพวกเขาไม่เพียงแค่กิน ดื่ม และนอนในโรงแรมเท่านั้น แต่ยังซื้อเสบียงไปอีกมากมายด้วย
ก่อนที่พวกเขาจะจากไปเหลียงอี้เจี๋ยได้ทิ้งม้าแรดห้าตัวที่พวกเขาได้รับจากโจรวายุทมิฬเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับคนของซุนปิงเฉินในช่วงสองวันที่ผ่านมา สิ่งนี้ทำให้ชางลู่ยิ้มจนตาปิด
ในสถานที่เช่นแคว้นหลันและแคว้นกาน ไม่ต้องกังวลว่าม้าพวกนี้จะขายไม่ออก นอกจากนี้มาทั้งห้าตัวยังเป็นม้าพันธุ์ดี ดังนั้นการขายพวกมันจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนซื้อ
พ่อค้าม้าจำนวนนับไม่ถ้วนจะเดินเตร่ไปยังส่วนต่างๆ ของแคว้นทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อซื้อม้าในแต่ละปี อันที่จริงม้าแรดที่โจรวายุทมิฬทิ้งไว้นั้นมีคุณภาพดีและสามารถใช้เป็นม้าศึกได้ทันที
ม้าแรดห้าตัวที่เหลียงอี้เจี๋ยมอบให้เขาสามารถสร้างรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่พวกเขาใช้ในโรงแรมหลายเท่าแม้ว่าเขาจะขายทิ้งโดยเร่งรีบร้อนเงินก็ตาม
“เดินทางปลอดภัยและโชคดีนะใต้เท้าทุกท่าน…”
เอี้ยนลี่เฉียงออกมาจากป้อมปราการแล้วแต่เขาก็ยังได้ยินเสียงอำลาที่สุภาพนอบน้อมในลักษณะที่น่าขบขันจากคนของตลาดตระกูลฮุ่ย .
เอี้ยนลี่เฉียงลูบหัวโกลดี้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนอานเบาๆ ในทางกลับกัน ม้าเมฆพายุหิมะก็ส่งเสียงดังขณะเดินและเขย่าคอ ราวกับว่าไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะแบกสุนัขไว้บนหลัง
เอี้ยนลี่เฉียงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรัดโกลดี้ที่บาดเจ็บไว้บนอานตอนนี้
ม้าแรดตัวนี้ก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน เมฆพายุหิมะได้อนุญาตให้เอี้ยนลี่เฉียงนั่งบนหลังของมัน แต่เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงพยายามรัดโกลดี้ไว้บนหลังของมันมันก็แสดงอาการต่อต้านออกมา
มันไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับเขา แต่ต้องขอบคุณความรู้และทักษะของเอี้ยนลี่เฉียงในการดูแลม้าแรด เขาสามารถเอาใจเมฆพายุหิมะได้หลังจากใช้ความพยายามอย่างมากในการทำเช่นนั้น
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปที่เย่เทียนเฉิงซึ่งกำลังขี่ม้าอยู่กลางขบวน ทหารหลายคนรอบตัวเขากำลังเฝ้าดูเขาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
นับตั้งแต่พบกับกลุ่มโจวายุทมิฬ เย่เทียนเฉิงก็เงียบอย่างน่าประหลาดในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทั้งวันเขาไม่ได้พูดอะไรสักคำและทำทุกอย่างที่ควบคุมสั่งให้ทำโดยไม่เอะอะ
เย่เทียนเฉิงก้มศีรษะไม่มองไปทางขวาหรือซ้ายขณะที่เขาขี่ม้า พฤติกรรมของเขาทำให้คนอื่นมั่นใจ
เอี้ยนลี่เฉียงรู้ดีว่าเย่เทียนเฉิงมีความคิดบางอย่างอยู่ในหัวอย่างแน่นอน บางอย่างที่ตรงกันข้ามกับท่าทางสงบเยือกเย็นที่เขาแสดงออกมาภายนอกอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเงื่อนงำเลยแม้แต่น้อยว่าเย่เทียนเฉิงกำลังวางแผนจะทำอะไร สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
ท้องฟ้าวันนี้ดูสงบกว่าวันก่อนหน้าอย่างชัดเจน แม้ว่าความหนาวเย็นจากปลายฤดูหนาวยังคงอยู่ในอากาศ แต่ก็ยากที่จะหยุดกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิไม่ให้ปรากฏขึ้น
ในขณะที่สูดอากาศบริสุทธิ์ในถิ่นทุรกันดาร ความคิดของเอี้ยนลี่เฉียงก็เริ่มมีชีวิตชีวาเช่นกัน เขานึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เขาเห็นระหว่างเข้าสู่เทวสถานสวรรค์เมื่อคืนนี้
สองวันของการต่อสู้ทำให้เกิด 'คะแนนวิญญาณที่ใช้งานได้' เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน 'เครื่องเล่นแคปซูล' ก็มีความสามารถในการสร้างชีวิตถึง 178
ในเวลาเดียวกัน 'คะแนนพลังชีวิตที่ใช้งานได้' และ 'คะแนนสติปัญญาที่ใช้งานได้' ก็ทะลุถึง 20,000 ไปแล้ว...
ในสายตาของเอี้ยนลี่เฉียง โจรวายุทมิฬที่รวมตัวกันถือเป็นวัตถุดิบสำหรับเครื่องแคปซูลของเล่นของเขา
อย่างไรก็ตาม เอี้ยนลี่เฉียงแทบจะไม่สามารถแบ่งปันการเก็บเกี่ยวที่เป็นความลับนี้กับใครก็ได้ และเขาทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจของเขาเท่านั้น
ในขณะเดียวกันเขาก็นึกไปถึงเรื่องการสร้างสัตว์ชนิดใหม่ขึ้นมา หากว่าเขาสร้างนกอินทรีตัวหนึ่งให้มันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเขาจะไม่กลายเป็นคนที่มีตาวิเศษเลยหรือ
เมื่อความคิดนั้นแวบเข้ามาในจิตใจของเอี้ยนลี่เฉียง หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างแรง ซึ่งเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมมันไว้...
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ชีวิตของเอี้ยนลี่เฉียงที่นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรสวรรค์ ก็มีความสงบสุขมาก นอกจากทำธุระง่ายๆแล้ว เวลาส่วนใหญ่ของเขาล้วนหมดไปกับการฝึกฝนและอ่านหนังสือ
เขาไม่สามารถนำพลังของการบ่มเพาะในโลกนั้นมารวมกับโลกที่เขาอยู่ปัจจุบันได้ อย่างไรก็ตามความรู้และประสบการณ์ที่เขาได้รับจากโลกนั้นเป็นของเขาตลอดไป
ตราบเท่าที่เขาสามารถบรรลุความรู้แจ้งในโลกนั้น แม้จะกลับมาโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่มีใครแย่งชิงสิ่งที่เขาบรรลุไปจากเขาได้
เสียงม้าควบม้าดังก้องอยู่ในหูของเขา เอี้ยนลี่เฉียงไม่ต้องหันหลังกลับก็รู้ว่าเป็นเหลียงอี้เจี๋ยที่ต้องการสนทนากับเขาเป็นการส่วนตัว
“พวกที่ไปขอกำลังเสริมที่แคว้นกานยังไม่กลับมา…”
เหลียงอี้เจี๋ยพูดขณะจ้องมองไปทางแคว้นกาน ดูเหมือนว่าเขาจะพึมพำกับตัวเอง แต่เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าเหลียงอี้เจี๋ยกำลังพูดกับเขาอยู่
“เล่ยสือตงไม่เคยต้องการให้เย่เทียนเฉิงมีชีวิตอยู่ในตอนแรก เขารู้อยู่แล้วว่าเราต้องถูกโจรวายุทมิฬไล่ตาม ดังนั้นจึงไม่มีทางที่กองทหารที่อยู่ใต้การบัญชาการของเขาจะมาช่วยเหลือเรา
แม้ว่าทหารที่นายท่านส่งไปสามารถหากองทหารที่เคยคุ้มกันเราพบได้ แต่ผู้บัญชาการเหล่านั้นก็จะบ่ายเบี่ยงหรือไม่ก็ต้องรอเล่ยสือตงอนุญาต ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะพยายามถ่วงเวลาการเดินทัพออกไปมากกว่า 15 วันอย่างแน่นอน!"
เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะเบาๆอย่างช่วยไม่ได้และพูดต่อไปว่า
“สรุปแล้วกำลังเสริมจากแคว้นกานจะไม่มีวันมาถึง…”