บทที่ 10 ลู่กัง
บทที่ 10 ลู่กัง
ถังเส้าหยางกวาดล้างซอมบี้เพียงลำพังและทำให้กลุ่มผู้รอดชีวิตตกตะลึงและระมัดระวังในตัวเขา ผ่านไปสิบห้านาทีแล้วนับตั้งแต่การต่อสู้สิ้นสุดลง และกลุ่มผู้รอดชีวิตก็ได้เชิญถังเส้าหยางให้เข้าไปในอาคาร
อาคารนี้เป็นโรงแรมขนาดเล็กและกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้ก็ได้ใช้โรงแรมนี้โดยมีห้องพักหลายห้องเป็นฐานที่มั่นชั่วคราว กลุ่มประกอบด้วยชาย 56 คน ผู้หญิง 33 คน และเด็ก 13 คน
คนที่เป็นผู้นำการต่อสู้ในตอนนี้เป็นชายอายุสามสิบต้นๆ เขามีรูปร่างที่ดี แต่เตี้ยเล็กน้อยด้วยความสูง 170 ซม. เขามีใบหน้าเหลี่ยม ตาตกและคิ้วหนา
ชายคนนี้คือเว่ยเผิง หรืออย่างน้อยเขาก็แนะนำตัวเองด้วยชื่อนั้น ถังเส้าหยางไม่รู้ว่านี่เป็นชื่อจริงของเขาหรือไม่ เนื่องจากเว่ยเผิงดูระมัดระวังในตัวเขามาก ถังเส้าหยางเข้าใจว่าทำไมเขาถึงระมัดระวังในตัวเขา
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นคนแปลกหน้าที่แข็งแกร่งเกินจะบรรยายแถมยังแต่งตัวได้แปลกพิลึกพิลั่น
เว่ยเผิงพาถังเส้าหยางไปที่ล็อบบี้และเชิญเขาให้นั่งบนโซฟา ขณะที่ถังเส้าหยางนั่งลง มันก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างหน้าถังเส้าหยาง
ผู้หญิงคนนั้นมีอายุยี่สิบต้นๆและหน้าตาดี อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นก็ดูซีดเซียวจากการอดนอนและเหนื่อยล้า ดวงตาของเธอไม่มีอารมณ์มันให่ความรู้สึกที่ว่างเปล่า มันเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้หมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
ถังเส้าหยางขมวดคิ้วขณะที่เขาพบความผิดปกติของผู้หญิงคนนี้ เขามีความรู้สึกที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็เลือกที่จะเงียบไว้เพราะเขายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี่
ในทางกลับกัน เว่ยเผิงก็เข้าใจผิดนึกว่าสาเหตุที่ถีงเส้าหยางไม่พอใจนั้นเป็นเพราะพวกเขาเอาน้ำมาให้แค่แก้วเดียว
“ขอโทษครับพี่ถัง เราไม่มีอาหารอยู่กับเราเลย น้ำเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถให้คุณได้” เว่ยเผิงขอโทษอย่างระมัดระวังสำหรับการต้อนรับที่ไม่ดีนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ลืมที่จะอธิบายสถานะภาพปัจจุบันที่พวกเขากำลีงประสบพบเจออยู่
“โอ้ ไม่มีปัญหา” ถังเส้าหยางเลิกจ้องมองผู้หญิงคนนั้น เขารู้ว่าเว่ยเผิงกำลังเข้าใจเขาผิด แต่เขาก็ขี้เกียจเกินไปที่อธิบาย
เขาหยิบแก้วขึ้นมาและดื่มน้ำหนึ่งอึก เขาค่อนข้างกระหายน้ำหลังจากการต่อสู้จบลง ในเวลาเดียวกัน เขาก็กำลังคิดว่าเขาจะทำให้คนเหล่านี้ยอมติดตามเขาไปได้อย่างไร
อาหารเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะใช้ล่อพวกเขา และตามที่เว่ยเผิงพูด พวกเขาก็ไม่มีอาหารเลย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาหารจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่เขาเองก็มีเสบียงจำกัดเช่นกัน
คนพวกนี้จะไม่ตามเขาไปแน่ถ้าเขาถามพวกเขาว่า “เฮ้พวก ฉันแข็งแกร่งนะ ตามฉันมาสิ แล้วฉันจะปกป้องพวกนายเอง” จนกระทั่งตอนนี้คนพวกนี้ก็ยังระมัดระวังตัวเสมอเมื่ออยู่ใกล้ๆตัวเขา ทั้งๆที่พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากเขาแท้ๆ ด้วยเหตุนี้เอง ถังเส้าหยางจึงต้องพยายามคิดหาวิธีที่จะใช้ได้ผล
ถังเส้าหยางวางแก้วกลับลงบนโต๊ะแล้วถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมซอมบี้ถึงโจมตีพวกนาย?”
นี่คือสิ่งที่ถังเส้าหยางต้องการจะทราบมากที่สุด เขารู้ว่าพวกซอมบี้นั้นอ่อนไหวต่อเสียง และเขาก็เชื่อว่าคนที่อยู่ภายในโรงแรมหล่านี้นั้นก็คงจะไม่สร้างเสียงดังเพื่อเรียกพวกซอมบี้ให้มากินตัวเองหรอก
มันจะต้องมีบางอย่างที่ดึงดูดซอมบี้มาและถังเส้าหยางก็ต้องการจะทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ การรู้จักศัตรูให้มากนั้นคือสิ่งที่จะช่วยเขาได้มากในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็สังเกตเห็นเว่ยเผิงมีรอยยิ้มที่ขมขื่นผสมกับอารมณ์โกรธที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา จากนั้นเว่ยเผิงก็เริ่มเล่าให้ถังเส้าหยางฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
กลุ่มนี้ควรจะอยู่ภายใต้การนำของตำรวจซึ่งประกอบไปด้วยตำรวจห้านายและตำรวจหญิงสองคน ตำรวจช่วยชีวิตผู้รอดชีวิตมาเป็นจำนวนมากและยึดที่พักแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นชั่วคราว
ในตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี พวกตำรวจสามารถช่วยผู้รอดชีวิตมาได้หลายกลุ่ม อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันที่สอง หนึ่งในกลุ่มที่พวกเขาได้ช่วยมาก็ได้ฆ่าตำรวจชายทั้งห้านาย และในส่วนของตำรวจหญิง พวกเธอก็ถูกจับข่มขืนและฆ่าตายตามกันไป
และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา กลุ่มๆนี้ก็เข้าควบคุมอาคารแห่งนี้ กลุ่มนี้ประกอบไปด้วยชาย 20 คนและชายที่เป็นผู้นำกลุ่มนี้ก็คือลู่กัง กลุ่มนี้เริ่มทำตามที่พวกเขาอยากจะทำกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ พวกเขาพาผู้หญิงและอาหารไปด้วย
ลู่กังให้อาหารผู้ชายและเด็กเพียงวันละมื้อเท่านั้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือ กลุ่มขอลู่กังก็ไม่ได้ออกไปหาเสบียงเอง พวกเขาเอาแต่อยู่ในโรงแรมทั้งวัน จนถึงวันนี้.. วันที่อาหารหมด
กลุ่มลู่กังดึงดูดพวกซอมบี้แถวๆนี้ให้มาที่โรงแรมและออกจากโรงแรมไปหลังจากนั้น พูดง่ายๆก็คือ ลู่กังให้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อในขณะที่มันกับพวกของมันกำลังหลหนีออกไป
แม้ว่ากลุ่มผู้รอดชีวิตจะมีผู้คนมากกว่ากลุ่มลู่กัง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย ลู่กังมีปืน ซึ่งมันก็คือปืนที่พวกมันเก็บมาจากศพของตำรวจ
ถังเส้าหยางขมวดคิ้วลึกเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ลู่กัง เขาคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี มันคือชื่อของบอสของกลุ่มปีกมังกร อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันคือคนๆเดียวกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ลึกเข้าไปข้างใน ถังเส้าหยางก็รู้สึกยินดี จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อซื้อใจพวกเขาและให้พวกเขามาอยู่ใต้ปีกของเขาได้
สำหรับลู่กัง เนื่องจากโลกได้เปลี่ยนไปเช่นนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจเรื่องกลุ่มปีกมังกรอีกต่อไป
คราวนี้เขาจะยืนหยัดด้วยตัวคนเดียว เขาจะก่อตั้งจักรวรรดิของเขาเอง เขาจะไม่อยู่ต่ำกว่าคนอื่นอีกต่อไป
“แล้วตอนนี้นายจะทำยังไง” ถังเส้าหยางถามอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้เปิดเผยความตั้งใจที่จะยึดกลุ่มนี้ไว้ใต้ปีกของเขา
เว่ยเผิงมีสีหน้าย่ำแย่เมื่อได้ยินแบบนั้น ในตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าอนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ย้อนกลับไปนตอนที่ซอมบี้บุกเมื่อกี้ การที่พวกเขารอดตายมาได้นี้ก็นับเป็นอภินิหารแล้ว และเมื่อคิดถึงตอนนี้ พวกเขาไม่มีอาหาร และพวกเขาก็ไม่มีกำลังพละกำลังมากพอที่จะใช้เพื่อต่อกรกับพวกซอมบี้เพื่อหาอาหาร
ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่การแสดงออกของเว่ยเผิงยิ่งดูทุกข์ใจมากเท่าใด ถังเส้าหยางก็ยิ่งยิ้มออกมาในใจมากขึ้นเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะผูกสายจูงให้กับคนที่ไม่มีทางเลือก
“นายรู้ไหมว่าร้านสะดวกซื้อร้านไหนที่อยู่ใกล้ที่สุด” ถังเส้าหยางเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่ได้บังคับให้เว่ยเผิงรีบตัดสินใจ ท้ายที่สุดแล้ว จุดประสงค์ของเขาก็คือเพื่อให้พวกเขาอยู่ภายใต้ปีกของเขา และเขาก็ไม่ใช่เผด็จการที่จะไปบังคับให้พวกเขามาติดตามเขา
ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งแรกที่เขาควรทำคือการแสดงให้พวกเขาเห็นว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง เขาต้องแสดงด้านที่น่าเชื่อถือให้มากขึ้นเพื่อให้พวกเขาเต็มใจที่จะติดตามเขาไป และนั่นก็คือความตั้งใจของเขา หลังจากนั้นเขาก็จะค่อยๆแสดงความตั้งใจที่จะพาพวกเขาไปด้วยออกไป
หลังจากที่เขาโยนคำถามออกไปแล้ว เว่ยเผิงก็ดูสดใสขึ้นมาในทันที เขามีความหวังในขณะที่เขาจ้องไปที่ถังเส้าหยาง
ฉากของถังเส้าหยางที่ล้างบางฝูงซอมบี้ยังติดตราตรึงใจเขาอยู่ในหัว เขาเชื่อว่าถ้าถังเส้าหยางเลือกที่จะลงมือ พวกเขาก็จะหมดปัญหาเรื่องอาหารไป หลังจากคิดได้เช่นนั้นเขาก็รีบคิดหาร้านที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ฉันรู้จักร้านดีๆที่มีของกินเยอะแยะ!” เว่ยเผิงตอบอย่างตื่นเต้นในขณะที่เขาลุกขึ้นจากโซฟา มันแสดงให้เห็นว่าเขาตื่นเต้นแค่ไหน
“ดี รวบรวมคนมา เราจะไปเอาอาหารกัน” คำตอบของถังเส้าหยางไม่ได้ทรยศต่อความคาดหวังของเว่ยเผิง
เว่ยเผิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้สึกสงสัยในตัวถังเส้าหยางอีกต่อไป ถ้าถังเส้าหยางมีเจตนาไม่ดีจริงๆ เขาก็ไม่เห็นจะจำเป็นต้องใช้กลอุบายราคาถูกแบบนี้เลย เพราะพูดกันตามตรง ลำพังแค่เพียงความแข็งแกร่งของถังเส้าหยางที่แสดงออกมาเมื่อครู่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะบังคับพวกเขาให้อยู่ภายใต้การยอมจำนนโดยไม่ต้องใช้กลอุบาย
และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เว่ยเผิงระมัดระวังและหวาดระแวงก่อนหน้านี้ ในตอนนี้เขาไม่ได้สงสัยในตัวถังเส้าหยางอีกต่อไปแล้วถ้าเขาต้องการช่วยพวกเขา แต่แน่นอนว่าเขาก็ยังไม่ได้เชื่อใจถังเส้าหยางอย่างสมบูรณ์
เนื่องจากจำนวนคนที่มาก ดังนั้นปริมาณอาหารที่พวกเขาต้องการจึงมากตามไปด้วย
เว่ยเผิงจัดกลุ่มผู้ชายล้วนขึ้นมา อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ก็ดูไม่ตื่นตัวกระฉับกระเฉง พวกเขาดูหมดอาลัยตายอยาก
ถังเส้าหยางหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเขาอขึ้นมาและหยิบอาหาร ช็อกโกแลตแท่ง ขนมปังและนมออกมา เขาแบ่งปันอาหารที่มีและเทของที่อยู่ในกระเป๋าเป้ทั้งหมดออกมา นอกจากนี้เขาก็ยังแบ่งปันอาหารให้กับผู้หญิงและเด็ก
ถังเส้าหยางเริ่มคิดที่จะหากระเป๋าเพิ่ม เพื่อที่เขาจะได้สามรรถพกพาอาหารจำนวนมากไปได้
“ขอบคุณพี่ถัง! ขอบคุณพี่ถัง…” เว่ยเผิงก้มศีรษะขณะที่ขอบคุณถังเส้าหยางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ขอบคุณ พี่ถัง… ขอบคุณ พี่ถัง…” คนอื่นๆเองก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป มันก็ค่อนข้างง่ายสำหรับถังเส้าหยาง แต่มันค่อนข้างน่าตื่นเต้นสำหรับคนอื่นๆ เว่ยเผิงพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้ชายยี่สิบคนตามมาด้วย ขณะที่คนอื่นๆคอยอยู่ปกป้องโรงแรม
ถังเส้าหยางกำจัดซอมบี้อย่างง่ายดายและพวกเขาก็เข้าไปในห้างสรรพสินค้าโดยที่คนที่หลังยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย การฆ่าซอมบี้สำหรับถังเส้าหยางแล้วมันก็ง่ายยิ่งกว่าการฆ่าไก่ซะอีก ท้ายที่สุดแล้วไก่ก็ยังมีร้องบ้างวิ่งหลบบ้าง แต่ซอมบี้นั้นพุ่งเข้ามาหาที่ตายสถานเดียว
กลุ่มทั้งกลุ่มอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณถังเส้าหยาง พวกเขาขนส่งเสบียงขึ้นไปที่รถที่พวกเขานำมาจากโรงแรม การเดินทางค่อนข้างราบรื่นและในที่สุดกลุ่มก็บรรทุกของจนเต็มคันรถ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กลุ่มจะออกจากห้างสรรพสินค้า มันก็มีกลุ่มหนึ่งขวางรถไว้ กลุ่มนี้ประกอบไปด้วยผู้ชายสิบเจ็ดคน
ในเวลาเดียวกัน ถังเส้าหยางและเว่ยเผิงก็ได้ออกมาจากห้างสรรพสินค้าแล้ว
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ ใบหน้าของเว่ยเผิงก็ซีดเซียว เขาจำกลุ่มนี้ได้ มันคือกลุ่มของลู่กังที่ฆ่าพวกตำรวจและใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อเพื่อออกจากโรงแรม
“นั่นคือลู่กัง!” เว่ยเผิงอุทานด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตาม ความกลัวก็ได้ครอบงำเขาในขณะที่เขานึกขึ้นได้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีปืน
ถังเส้าหยางมองไปยังทิศทางที่เว่ยเผิงชี้ เขาพบคนที่หน้าตาคุ้นเคยในกลุ่ม มันคืออดีตหัวหน้าของเขา ลู่กัง
เว่ยเผิงพยายามฝืนตัวเองและเดินไปที่รถ ถังเส้าหยางเองก็เดินตามไปด้วย หอกขวานขนาดใหญ่พาดอยู่บนไหล่ของเขา มันค่อนข้างสะดุดตา สิ่งนี้ทำให้ลู่กังและลูกน้องของเขาสังเกตเห็นถึงการปรากฏตัวของถังเส้าหยางในทันที
ในตอนแรกลู่กังก็ตกใจมากเมื่อพบคนที่มีอาวุธขนาดใหญ่และมีลักษณะเด่นซึ่งเขาไม่รู้จักในกลุ่มผู้รอดชีวิต อย่างไรก็ตาม ความตกใจนันก็กลับกลายมาเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแทนเมื่อมันได้เห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน
“พี่ถัง! เบอร์เซิร์กถังแห่งหยูหยูหลิวคุน ฉันดีใจจริงๆที่นายรอดมาได้” ลู่กังพุ่งเข้าหาถังเส้าหยางแล้วกอดเขา
เมื่อมองดูฉากนี้ ใบหน้าของเว่ยเผิงก็ซีดลง เขาไม่คิดว่าถังเส้าหยางจะรู้จักกับลู่กัง
อัพเดตหน้าจอค่าสถานะ
-----------------------------------------
ชื่อ: ถังเส้าหยาง
อายุ: 26
สังกัด: ไม่มี
เลเวล: 19
พรสวรรค์: ร่างกายศักดิ์สิทธิ์
คะแนนค่าคุณสมบัติ: 0
ความแข็งแกร่ง: 72
ความว่องไว: 27
พลังชีวิต: 38
สตามิน่า: 33
พลังเวทย์: 20
ประสาทสัมผัส: 6
สกิล: การตรวจสอบขั้นพื้นฐาน
--------------------------------------