ตอนที่แล้วตอนที่ 1666 ถูกตัดสินเป็นแค่เพียงฝุ่นธุลี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1668 อนันตกาล

ตอนที่ 1667 ความเปลี่ยนแปลงแห่งอาวุธวิญญาณ


ตอนที่ 1667 ความเปลี่ยนแปลงแห่งอาวุธวิญญาณ

“จอมยุทธ์หยาง เช่นนั้นเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีบัดนี้ไปอยู่ที่แห่งใดกันแล้ว ?”ลั่วหลีก็ได้ถามขึ้นด้วยความสงสัย

หยางไคยื่นมือชี้ไปยังด้านของลาวาที่อยู่ทางด้านล่าง:“เบื้องล่างที่ยังมีพื้นดินอยู่ กระนั้นคาดว่าคงจะใช้เวลาไม่นานนักก็จะสามารถฟื้นคืนกลับคืนมาได้”

ลั่วหลีร่างสั่นสะท้าน หางตาพลันเผยออกมาด้วยอาการแตกตื่นตกใจเล็กน้อย

ด้วยความโหดเหี้ยมของเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีนางย่อมต้องทราบดีกันอยู่แล้ว สิ่งที่หยางไคเอ่ยถึง เขาถึงกับมีพลังฝีมือพอที่จะทำลายความโหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ได้ นี่ย่อมถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของลั่วหลีไปเลยทีเดียว

ในความคิดของนาง หยางไคถึงแม้จะมีปัญญาที่จะควบคุมเพลิงอัสนีเพลิงสวรรค์ได้ก็ตาม ก็เพื่อจะทำให้นางลงไม้ลงมือต่อกรกับนิกายแสงอัคคีได้สะดวกขึ้น

ดังนั้นกลัวว่านางย่อมต้องทราบแล้ว จากที่ได้ฟังจากความหมายในคำพูดของหยางไค เขาถึงกับมีพลังมือพอที่จะทำลายแม้กระทั่งภัยพิบัตินั้นได้ นี่ย่อมถือเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของลั่วหลีไปอย่างแน่นอน

ตามที่นางได้คาดคิดมา หยางไคจะสามารถมีความสามารถพอที่จะควบคุมเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีได้หรือไม่นั้น คล้ายกับทำให้นางยอมปล่อยวางมือเท้าเพื่อไปต่อกรกับนิกายแสงอัคคีได้

เดิมทียังคิดเอาไว้ว่าหลังจากที่สะสางเรื่องที่เกิดจากทางด้านของนิกายแสงอัคคีจนแล้วเสร็จ นางก็ได้ลุกขึ้นมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนั้น ตระเตรียมเพื่อที่จะช่วยหยางไคอีกแรง

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ที่นี่ถึงกับแทบจะไม่มีเรื่องใดให้ตัวเองทำกันแล้ว

“จอมยุทธ์หยางช่างมีฝีมือล้นฟ้านัก ข้ารู้สึกเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง”ลั่วหลีเองก็ได้กล่าวและยอมรับจากใจ ถึงแม้ว่าจะให้นางลงมือ แต่ก็ไม่ได้มีความสามารถพอที่จะสามารถขจัดสิ่งที่มีพลังเทียมเคียงกับภัยพิบัติได้ แต่หยางไคกลับยังมีความสามารถเช่นนี้อยู่

“ผู้อาวุโสชมเชยเกินไปแล้ว”

“ในเมื่อไร้เรื่องไร้ราวเช่นนี้ เช่นนั้นข้าพเจ้าเองก็คงจะไม่ขอบีบเคล้นเจ้าอีกแล้ว จอมยุทธน้อยหากว่ามีเวลาว่าง ยังคงขอเชิญมาเป็นแขกที่หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเราด้วย หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นทั้งเบื้องสูงเบื้องล่างย่อมต้องให้การต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่แน่นอน”

“มีโอกาสย่อมต้องไปอย่างแน่นอน”หยางไคทั้งหมดรับปากและไม่ปฏิเสธ

การดำเนินการจัดการของลั่วหลีเดิมก็ไม่ได้อืดอาดยืดยาดกันอยู่แล้ว จึงค่อยได้จากไปโดยพลัน

รอจนกระทั่งลั่วหลีจากไป ก็ได้มีคนกระโดดออกมาจากปล่องภูเขาไฟทะยานเข้ามา

รอจนกระทั่งหลังจากที่ลั่วหลีเดินจากไป ก็ได้มีอีกคนที่กระโจนออกมาจากภายในปล่องภูเขาไฟ พลังสภาวะน้ำแข็งเหมันต์ขุมบริสุทธิ์ขุมหนึ่งพลันพุ่งขึ้น ก็ได้มานั่งที่ข้างหยางไคไปแล้ว

เป็นซูเหยียน

หยางไคส่ายหน้า แล้วยื่นมือคว้าจับไปที่มือน้อยๆของนางเอาไว้ โดยที่สะกิดบริเวณกลางฝ่ามือเล่นเบาๆ

ซูเหยียนยังไม่ทันจะกล่าววาจา บนใบหน้ากลับคล้ายกับได้แขวนเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่นิ่งสงบเอาไว้ หันไปเหม่อมองหินลาวาที่เดือดปูดๆอยู่ทางด้านหน้า จากนั้นก็ได้ใช้ศีรษะเข้าไปแอบอิงบนหัวไหล่ของหยางไค บนใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าพึงพอใจ

สองศิษย์พี่น้องจนถึงบัดนี้จึงค่อยได้มีเวลาที่จะสัมผัสถึงความอบอุ่นของการพึ่งซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี

“ศิษย์น้อง ต่อไปพวกเราจะไปที่ไหนกันดี?”ผ่านไปเนิ่นนาน ซูเหยียนจึงค่อยได้เอ่ยปากถามขึ้นว่า

“ไปดาวอนันตกาล”

“ดาวอนันตกาล ? ที่นั้นอยู่ไหนกัน ?”

“ดาวอนันตกาลเหรอ นั่นกลับเป็นสถานที่ไกลแสนไกลเป็นอย่างยิ่ง กระนั้นที่นั่นกลับยังถือว่ากว้างใหญ่เสียยิ่งกว่าทวีปถ่งซ๋วนในตอนนี้อีกมาก ถึงแม้จะมีกฎเกณฑ์ฟ้าดินประหลาดที่คอยควบคุมเอาไว้อยู่ กระนั้นก็มีความเหมาะสมที่จะพัฒนาอยู่บนทวีปถ่งซ๋วนเป็นอย่างมาก พวกเราหากไปอยู่ทางด้านนั้นยังมีสำนักหลิงเซี่ยวอีกแห่ง ที่นั่งอยู่บนสมบัติอยู่……”

หยางไคก็ได้อธิบายรายละเอียดอันแสนสุดจะงดงามต่างๆนานาบนดาวอนันตกาลออกมา ซูเหยียนเองก็ถึงกับอดไม่ได้ที่จะจิตใจเต้นระรัวขึ้นมา

แดนดาราอันแสนกว้างใหญ่ อันมีอาณาเขตอันแสนกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะไปยังที่แห่งใดก็หาเป็นไรไม่ ขอเพียงแค่ยังสามารถอยู่ร่วมกับชายผู้นี้ได้ ต่อให้แม้ฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ก็ยังคงเปรียบเสมือนได้อยู่บ้านของตัวเอง

ในขณะนี้ ซูเหยียนที่มิเคยได้มีเกิดความสงสัยขึ้นมาก่อน

จากการช่วงชิงกันระหว่างวิหคเพลิงและเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีคล้ายกับว่าได้ดำเนินมาเป็นเวลาที่เนิ่นนานกันเลยทีเดียว

ขอแรงสนับสนุนให้ผู้แปลมีกำลังใจแปลต่อไปได้ที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ด้วยนะคะ

หยางไคและซูเหยียนที่นั่งอยู่ในบริเวณปล่องภูเขาไฟรอคอยมานานกว่าครึ่งค่อนเดือน การต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่ใต้ล่างยังคงไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะได้

แต่กลับเป็นปิงหลงที่ได้มาเยือนอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นก็ได้มอบแหวนมิติมากมายให้แก่หยางไค ภายในแหวนมิติเหล่านั้นได้เก็บเอาไว้ด้วยสมบัติอันมั่งคั่งของนิกายแสงอัคคีเอาไว้ รวมไปจนถึงแร่ล้ำค่า ยาสมุนไพร รวมไปจนถึงสมบัติลับ โอสถยา อีกทั้งยังมีม้วนคัมภีร์ยุทธ์ลึกลับอีก มิหนำซ้ำยังมีหินผลึกศักดิ์สิทธิ์อีกนับร้อยล้าน หากคิดที่จะประเมินออกมา ย่อมไม่อาจที่จะนับได้หมด

ในครั้งนี้หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นนับว่าได้มีหยางไคช่วยในการจัดการกับภัยพิบัติของนิกายแสงอัคคีได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รวบรวมเข้ากลืนกินความมั่งคั่งจากนิกายแสงอัคคีออกมา จนกระทั่งหลังจากที่ได้รับการสั่งการจากลั่วหลี ปิงหลงจึงได้นำสมบัติมั่งคั่งครึ่งหนึ่งมาส่งให้ด้วยตัวเอง ซึ่งแบ่งเป็นหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นได้ถือครองไปครึ่งหนึ่ง และหยางไคก็ได้ส่วนแบ่งไปอีกครึ่งหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว!

นี่ก็คือจุดเด่นของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น พวกนางเองที่ยอมทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการชดเชยต่อสิ่งที่ได้เคยทำลงไป

หยางไคย่อมกระจ่างแจ้งเป็นอย่างดี ย่อมต้องไม่ไปปฏิเสธอย่างแน่นอน มิหนำซ้ำยังได้เปิดแหวนมิติออกมาด้วยความสาสมใจเลยทีเดียว

บัดนี้เขาที่ได้นำคนหลายหมื่นคนมุ่งหน้าไปยังดาวอนันตกาล อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะได้เก็บรวบรวมทรัพยากรในการบ่มเพาะอย่างมากมายมหาศาล ด้วยความมั่งคั่งเยี่ยงนี้ของนิกายแสงอัคคี ย่อมเพียงพอที่จะให้คนของทวีปถ่งซ๋วนไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่อย่างกังวลไปได้นานนับสิบถึงยี่สิบปีเลยทีเดียว

ถึงแม้ปลายเท้าของหยางไคจะยังหาได้ออกไปจากปล่องภูเขาไฟ แต่ก็ยังสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้คนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเหล่านี้กันได้อยู่

หลังจากที่นิกายแสงอัคคีได้ถูกกำจัดไป ชีพจรขุนเขาแสงเพลิงสายนี้เองก็ได้สำเร็จจนกลายเป็นพื้นที่ไร้เจ้าของไปโดยปริยาย และคนของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นที่มีแนวทางการบ่มเพาะเป็นธาตุน้ำแข็ง ย่อมไม่เหมาะสมที่จะโยกย้ายมาประจำการอยู่ในที่แห่งนี้กันอยู่แล้ว

ทว่าพวกนางเองก็มีอยู่ไม่น้อยที่ยังคงประจำการอยู่ในสำนักใกล้เคียง หลายวันมานี้ยังได้มีการโยกย้ายมาจนถึงชีพจรขุนเขาแสงเพลิงกันบางส่วน เพื่อที่จะเสาะหาสมบัติในด้านชัยภูมิแห่งนี้ใหม่

สิ่งเหล่านี้แทบจะหาได้เกี่ยวพันกับหยางไคเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของดาววารีสีชาด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงแค่แขกเกริกคนหนึ่งเท่านั้น

ในช่วงเวลาที่กำลังอยู่ในการรอคอย เขาและซูเหยียนที่หมดเรื่องที่จะสนทนากันแล้ว ในขณะที่ได้สนทนากันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาตลอดสามสิบปี อีกทั้งยังมีเรื่องเล็กเรื่องน้อยทุกอย่างก็ล้วนแต่สามารถที่จะสื่อออกมาให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ร่วมตามได้อย่างกระจ่างชัดเจน

ในบางครั้งบางคราวเองก็ได้นั่งลงเพื่อทำการบ่มเพาะ

ทั้งสองจึงได้พบว่า เมื่อในเวลาพวกเขาบ่มเพาะร่วมกัน ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะตามช่วงเวลาตามปกติของแต่ละคน กลับเรียกได้ว่าเร็วขึ้นกว่าเดิมไม่ได้แค่เพียงสิบเท่าแล้วเท่านั้น

จากการรวมประสานลมปราณศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกันและกันนี้เอง ดุจดั่งสายน้ำไหลอย่างไม่ขาดสาย1 เหมือนดั่งทะเลสาบที่พวยพุ่งขึ้นก็มิปาน ดึงดูดลมปราณท่ามกลางฟ้าดินที่อยู่โดยรอบเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ซึมผ่านเข้าสู่ภายในร่างกาย

วันเวลาได้ผ่านพ้นเลยไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ผ่านพ้นไปอีกกว่าครึ่งค่อนเดือนได้

ทั้งสองคนที่กำลังบ่มเพาะต่างก็รับรู้ถึงทุกอย่างได้ พร้อมทั้งเริ่มลืมตาขึ้นในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งได้หันไปเหม่อมองยังทางด้านล่าง

ทางด้านล่าง เดิมทีหินลาวาที่เดือดระอุกระเด็นกระดอนดุจกำลังคำรามในที่สุดก็มีแนวโน้มที่จะสงบลง อีกทั้งสภาวะขอบเขตอันน่าหวาดกลัวที่เกิดขึ้นโดยรอบเองก็ถึงกับลดทอนลงอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด ในส่วนของการไหลของหินลาวายิ่งมีสภาวะเกิดการแข็งตัวก็มิปาน

ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ ที่กำลังดูดกลืนความร้อนที่อยู่ภายในปล่องภูเขาไฟนี้

หยางไคสาดดวงตาเป็นประกายกวาดมองไปยังทางด้านหน้า ภายในจิตใจพลันเกิดความรู้สึกที่เกินกว่าจะคาดเดาได้ขึ้น หันไปเหม่อมองด้วยความรู้สึกรอคอยมองขึ้นไป

หลังผ่านไปได้ครึ่งวัน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น อุณหภูมิบริเวณปล่องภูเขาไฟนี้ถึงกับลดลงจนอยู่ในสภาพที่ปกติ ต่อให้เป็นคนสามัญที่ไม่ได้มีการบ่มเพาะก็ยังสามารถที่จะมาเยือนยังที่แห่งนี้ได้ ก็ยังไม่เกิดความรู้สึกที่ไม่เหมาะสมแต่อย่างไรมากมายนัก

ที่เบื้องหน้าที่เกิดเป็นความพลิกผันของลาวาก็พลันปรากฏขึ้นในลักษณะที่แข็งตัวขึ้นโดยพลัน

เกิดเป็นบรรยากาศขุมหนึ่งที่กำลังดีดตัวพุ่งสูงขึ้นลงสู่ทางด้านล่างขึ้นอย่างรวดเร็ว

บรรยากาศนั้นกลับทำให้หยางไครู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย จนมุมปากของเขาได้เผยส่วนที่เป็นรอยยิ้มออกมา

ถี่……

ประกายแสงสีแดงสายหนึ่งได้ดีดตัวออกมาจากบริเวณทางด้านล่าง ทันใดนั้นกายาอันยาวเหยียดกว่าสามจั้งของวิหคเพลิงก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่กลางเวหา

ประกายแสงสีแดงที่เอ่อล้นอยู่บนร่าง เปลือกตาอันเป็นสีแดงซ่านแสบนัยน์ตา และที่อยู่บนร่างของมัน ยังได้มีลำแสงสายม่วงทอเป็นประกายออกมา สาดส่องออกไปจนเกิดเป็นบรรยากาศทำลายล้างขึ้น

หยางไคขมวดคิ้วชนกัน หันไปเหม่อมองวิหคเพลิงด้วยแววตาที่เป็นประกายระยิบระยับ จนสามารถสัมผัสได้ถึงสภาวะที่แข็งแกร่งจากภายในร่างกายของมัน พร้อมกับลอบเกิดอาการแตกตื่นตกใจขึ้น

วิหคเพลิงเองก็ได้เข้ากลืนกินเพลิงอัสนีสวรรค์ปฐพีจนสำเร็จไปได้ในที่สุด จนได้รับดวงจิตวิญญาณของการวิวัฒนาการ และเมื่อเทียบกับวิหคเพลิงก่อนหน้าที่จะวิวัฒนาการแทบจะเรียกได้ว่าแตกต่างกันเสียจนไม่อาจที่จะบรรยายออกมาได้เลย อีกทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมไม่เพียงแค่สิบเท่าเท่านั้น ?

หยางไคก็ได้สัมผัสได้ว่าบนร่างของวิหคเพลิงถึงกับสร้างแรงกดดันของผู้ที่อยู่ในขอบเขตกำเนิดราชันแก่เขาได้

บัดนี้วิหคเพลิงถึงกับสามารถได้เข้าสู่ขอบเขตกำเนิดราชันได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วอย่างงั้นหรือ ? หยางไคยังคงแสดงสีหน้าปิติยินดี

“แกว๊ก……”วิหคเพลิงเงยลำคอขึ้นสูง จนเกิดเป็นเสียงร้องสดใสดังก้อง เกิดเป็นจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีออกมา

ร่างกายของมันพลันเกิดการไหลเวียนพลังหยดหยาดออกมาขึ้นในทันที กางปีกขึ้นทั้งสองข้าง ทั่วทั้งร่างกายเองก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าสะท้านธรณีขึ้นภายในช่วงเวลาอันสั้นๆ

ร่างกายพลันระเบิดขึ้น ทันใดนั้นสาวงามผมยาวเหยียดนางหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าของหยางไค

หยางไคถึงกับต้องอ้าปากตาค้างไปชั่วขณะ!

เมื่อทอดตามองออกไป เบื้องหน้าที่ปรากฏสาวงามเช่นนี้ที่เรียกได้ว่างดงามเสียจนไม่ต้องอธิบายอะไรออกมา ใบหน้าที่รูปไข่อันกระจ่างสดใสละม้ายคล้ายกับได้รับการแต้มชาดนิดตกแต่งหน่อยตามโครงหน้า โดยที่แทบจะไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังมีคิ้วเรียวงามดุจใบหลิว จมูกที่มีสันได้รูป ริมฝีปากแดงที่เย้ายวนใจมีแรงดึงดูด สาดเป็นประกายระยิบระยับดุจผลึกหยกสีแดง ดูแล้วน่าหลงใหลสุดเปรียบปาน

เรือนร่างของนางเรียกได้ว่าร้อนแรงอย่างถึงขีดสุด เนินเขาคู่ที่อวบอิ่มสองลูก สะโพกเอวที่โค้งเรียวได้รูป สองขาคู่งามเรียวยาวดุจหลุดมาจากภาพวาด

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางยังได้สวมเอาไว้ด้วยอาภรณ์ที่ยิ่งขับเน้นให้ดูร้อนแรงขึ้นหนักยิ่งกว่า

อาภรณ์เกราะสีแดงเพลิงที่สวมเอาไว้อยู่ โดยที่ห่อหุ้มเอาไว้แค่เพียงจุดที่อวบอิ่มเป็นเนินลูกใหญ่ๆสองลูกนั้นและบริเวณน่องขาใหญ่จนถึงน่องขาน้อยซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวง่าย

ส่วนหัวไหล่อันแสนเย้ายวน หน้าท้องที่แบนราบจนเรียบ ผิวพรรณอันมีน้ำมีนวลสดใสอย่างยิ่งยวดยังได้เผยออกมาให้ได้เห็นโดยที่มิมีสิ่งใดปกปิด ส่วนของขาสองข้างยังเป็นสัดได้ส่วนไปจนถึงด้านล่าง พร้อมกับความขาวมลดั่งหิมะ เท้าเปลือยเปล่าผุดผ่องดั่งหยกไปเยื้องย่างก้าวอยู่กลางเวหา เหมือนดั่งกำลังเหยียบย่ำอยู่ตามจิตใจของผู้คน

ทันใดนั้นหยางไคก็รู้สึกวิงเวียนเลอะเลือนขึ้นมาบ้างแล้ว

ซูเหยียนเองยังถึงกับต้องใช้มือน้อยๆปิดป้องไปที่ปากด้วยความประหลาดใจ คล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรขึ้นมาได้ ถึงกับแย้มยิ้มกันไปเหม่อมองที่หยางไคแวบหนึ่ง อีกทั้งยังมีแววตาอันแสนลึกล้ำนั้นอีก

“เจ้า……เจ้า……เจ้าเหตุใดถึงได้เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้แล้ว ?”หยางไคก็ได้ชี้ไปที่วิหคเพลิงที่มีการวิวัฒนาการ จนถึงกับพูดไม่ได้ศัพท์จำไม่ได้ความ

“คารวะนายเหนือ!”ทันใดนั้นวิหคเพลิงก็ได้พุ่งเข้ามาหมอบลงเพื่อแสดงการคารวะต่อหยางไค โดยที่ยังคงกล่าวออกมาคล้ายกับสายลมที่เปล่งออกมาตามช่องฟัน

เสียงของนางดูกระจ่างสดใสเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีไม่แต่เพียงแค่ร่างกายอันเร่าร้อนนั้น แต่ยังมีท่าทางที่เยือกเย็นออกมาด้วยเช่นเดียวกัน

อีกทั้ง เสียงของนางยังแฝงเอาไว้ด้วยสภาวะรังสีสังหารของการฆ่าล้างและทำลายล้างอยู่ชนิดหนึ่ง แล้วยังแววตาที่แดงซ่านคู่นั้นของนางที่แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเปลวเพลิงนั้นอีก

ระหว่างนั้นยังได้ใช้สายตาอันเย้ายวนของนางเหม่อมองออกไป หยางไคคล้ายกับกำลังตกอยู่ในโลกหล้าประหลาดที่ร้อนระอุขึ้นเป็นสาย นั่นราวกับเป็นดั่งฟ้าดินที่เร่าร้อนที่ฝังลึกเข้าสู่ภายในจิตใจผู้คนให้ร้อนระอุดั่งเพลิงผลาญกันได้เลย

“เจ้า……พูดได้แล้ว ?”หยางไคถึงกับยิ่งตะลึงลานขึ้นกว่าเดิม ถึงกับอ้าปากขึ้นจนกว้างหนักขึ้นกว่าเดิม

วิหคเพลิงพยักหน้าเล็กน้อย ครุ่นคิดใคร่ครวญอยู่สักพัก แล้วจึงค่อยได้เอ่ยปากกล่าวออกมา:“หลังจากที่ได้ผสานรวมเข้ากับเด็กน้อยผู้นั้น ข้าก็สามารถเริ่มพูดได้แล้ว มีอะไรอย่างงั้นหรือ นายเหนือไม่ชอบสภาพที่ข้าเป็นอยู่อย่างงั้นรึ ?”

“ข้าสมควรที่จะชอบ ?”หยางไคถึงกับลอบขมวดคิ้วที่กำลังกระโดดไปมาหลายครั้งหลายครา ภายในแววตายังได้สาดเป็นประกายหันไปเหลือบมองซูเหยียนที่กำลังหรี่ตามองมาที่ตัวเอง ถึงกับอดไม่ได้ที่จะต้องลอบปลุกปลอบจิตใจกันเล็กน้อยเลยทีเดียว

“สมควรที่จะใช่แล้ว ข้าติดตามนายเหนือมานานหลายปี แต่กลับรู้สึกว่านายเหนือนับว่ามีงานอดิเรกเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้น……”

“หุบปาก!”หยางไคเดือดดาลขึ้นยกใหญ่ พร้อมทั้งสูดหายใจเข้าลึกๆไปหนึ่งคำ จากนั้นก็ได้ส่ายหน้าแล้วหันไปมองยังทางด้านของซูเหยียน ทอสีหน้าจริงจังแล้วกล่าว:“นี่เป็นการใส่ร้าย นี่จะต้องเป็นการให้ร้ายกันแน่นอน

ขอศิษย์พี่อย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจังโดยเด็ดขาด”

ซูเหยียนแย้มยิ้มออกมาอย่างเย้ายวน พร้อมทั้งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ:“ข้าย่อมต้องเชื่อในตัวศิษย์น้องอยู่แล้ว”

“นั่น……เป็นข้าที่ผิดเอง”วิหคเพลิงที่ครุ่นคิดอย่างจริงจังไปได้สักพัก ก็ได้ยอมรับผิดด้วยความจริงใจ หลังจากที่ได้กล่าวจบ ก็ได้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมแล้วหันไปคารวะต่อซูเหยียน:“คารวะนายหญิง”

สาวน้อยนับว่ามีสายตาที่เฉียบคมนัก!หยางไคถึงกับยังต้องใช้สายตาเหลือบไปมองวิหคเพลิงด้วยความชื่นชม

ซูเหยียนขบริมฝีปากพร้อมกับยิ้มแย้ม แล้วเดินไปทางด้านหน้า แล้วดึงมือของวิหคเพลิงมาแล้วกล่าว : “ไม่ต้องเกรงใจกันถึงเพียงนี้ ข้าเองก็เห็นว่าด้วยรูปลักษณ์ที่เจ้าจำแลงกายออกมานั้นก็ไม่ได้มีอายุมากมายนัก เช่นนั้นพวกเราก็มาเรียกเป็นเจี่ยเม่ย(พี่สาวน้องสาว)ก็พอแล้ว เจ้าเองก็ติดตามศิษย์น้องมานานปี คาดว่าคงจะกระจ่างในความประพฤติในหลายปีมานี้ได้ทำอะไรมาบ้าง หากว่ามีเวลาว่างพวกเราก็มาสนทนาปราศรัยกันเถอะ”

“นายเหนือน่าจะไม่ใคร่คาดหวังให้ข้าเปิดเผยความลับของเขาออกมามากนัก โดยเฉพาะกับบรรดาหญิงสาวบางส่วน”วิหคเพลิงขมวดคิ้วแล้วตอบกลับ โดยที่ยังแสดงท่าทีไม่ยินยอมพร้อมใจออกมา

หยางไคถึงกับหน้าผากดำคล้ำดุจพบพานความวินาศกันแล้ว

ทันใดนั้นเขาก็ได้พบว่า ตัวเองกลับชมชอบตัวตนที่เชื่อฟังคำสั่งของตนเองก่อนหน้านี้เสียมากกว่า ที่ไม่ใช่วิหคเพลิงที่มีความคิดความอ่านและพูดออกมาได้เยี่ยงนี้

วิหคเพลิงในตอนนี้ที่มีความคิดความอ่านที่มากยิ่งขึ้น ความสามารถเพิ่มพูนสูงขึ้น แต่ว่าเพื่อตัวเองถึงอย่างไรก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังคงต้องสูญเสียไปอยู่ดีมิใช่หรอกหรือ ?

“ใช่แล้วศิษย์น้อง บัดนี้ที่มีนางอยู่ข้างกาย แล้วได้ตั้งชื่อให้แล้วหรือยัง ?”ซูเหยียนกลับหาได้เก็บเรื่องเล็กเรื่องน้อยมาใส่ใจพร้อมกับถามขึ้น ทันใดนั้นจึงได้ถามออกมา

หยางไคส่ายหน้าไปมา พร้อมทั้งหันไปเหม่อมองวิหคเพลิงแล้วกล่าว : “เจ้าคาดหวังที่จะมีชื่ออย่างงั้นหรือ ?”

วิหคเพลิงสาดทอดวงตาสองข้างเป็นประกายระคนประหลาดใจ แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “ขอโปรดนายเหนือช่วยประทานนามให้ด้วย !”

ชื่อเสียงนามจักเป็นสิ่งหนึ่งที่จะได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ชื่อแซ่นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการได้รับการอวยบรรดาศักดิ์ จึงค่อยถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้อย่างแท้จริง !

“เช่นนั้นก็เรียกว่าหลิวฮั่ว(เพลิงหลั่งไหล)เถอะ”หยางไคกลับหาได้ใคร่ครวญมากความไม่

.

.

.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด